” PHANTOM OF THE OPERA ..หนึ่งใน OPERA PRODUCTION ที่ดีและเยี่ยม สะกดใจที่สุดตั้งแต่ดู BROADWAY มา”

(Source :
https://www.facebook.com/Rachadalai)
หลังจากการรอคอยอันยาวนาน ในที่สุด The Phantom of the opera ก็มาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ค่ะ ( 7 May - 9 June 2013) เมื่อวันที่ 11 May 2013 พินนี่ได้มีโอกาส พาแม่ และน้องชาย มาดู Broadway version world tour ของ The Phantom of the opera ซะที หลังจากจองบัตรไว้ ตั้งแต่วันแรก ๆที่เขาเปิดขายตั้งแต่ปลายปี 2012 ก่อนหน้านี้ สองสามปี พินนี่ได้มีโอกาสไปดู เวอร์ชั่นที่นิวยอร์ค มาแล้วและประทับใจมาก อยากดูอีกหลายๆ รอบ เพราะนักแสดงแสดงได้ดีมากๆ จริงๆ ค่ะ จากวันนั้นก็คิดเสมอว่า จะต้องพาแม่ไปดูที่นิวยอร์คให้ได้ แต่พอดีได้ข่าวมาว่าจะมี เวิร์ลทัวร์มาเมืองไทยพอดี เลยรีบจองบัตรแบบไม่อิดออด เพราะอยากให้แม่ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ประทับใจแบบที่พินนี่ประทับใจมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นนักแสดงคนละชุดกันก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า International World Tour ก็คงจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้พินนี่ยังเชื่อว่าหลายคนก็ชอบ ละครเรื่องนี้เหมือนพินนี่ แต่หลายคนก็ยังไม่ค่อยทราบว่า ตำนานของ Phantom of the opera มีตำนานเป็นมายังไงบ้าง พินนี่เลยมีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันด้วยค่ะ

( Source : www.eventfinder.co.nz )
แต่ก่อนจะไปฟังข้อมูลที่น่าสนใจนั้น ขอบอกก่อนว่า การแสดง The Phantom of the opera world tour 2013 ครั้งนี้ เริ่มวันที่ 7 May -9 June 2013 ค่ะ แล้วก็ มีของที่ระลึกมาขายด้วยเยอะเลย น่าสนใจทั้งนั้น ค่ะ ทั้ง แก้ว Mug ลายหน้ากาก Phantom ที่พอเติมน้ำร้อน หน้ากาก Phantom จะเปลี่ยนเป็นสีขาว (ราคา 300 THB) หรือเสื้อ ยืด ตัวละ350 THB , พวงกุญแจ 250 THB ฯลฯ ถ้าใครสนใจก็ลองไปซื้อหากันได้ค่ะ
สำหรับใครที่ซื้อบัตรแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ดูละครเวทีแบบนี้ ขอแจ้งก่อนว่า สำหรับ ละครเวทีที่เคร่งเรื่องลิขสิทธิ์มากๆ แบบ Phantom นั้น มีการห้ามบันทึกเทป เสียง และวีดีโอโดยเด็ดขาดค่ะ และ เคร่งมากเรื่องการนแสดงโชว์ตรงเวลา ดังนั้นกรุณาอย่าไปช้า นะคะ เมื่อการแสดงเริ่มแล้ว ด้วยมารยาทไม่ควรลุกไปไหนเลยแม้ว่าจะปวดเข้าห้องน้ำก็ตาม เพราะเมื่อการแสดงเริ่มไปครึ่งเรื่อง เค้าจะปล่อยให้พัก 15 นาที ให้อยู่แล้วค่ะ
===========================================================================
การแสดง
ขอบอกว่าส่วนนี้พินนี่ออกจะขัดใจซักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่านักแสดงไม่เก่งนะคะ แต่ประเด็นอยู่ที่มันมี ช่วงเวลา dead air ให้เห็นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน อยู่ๆ ก็เงียบไปแบบไม่มีสาเหตุ อารมณ์ร่วมที่เกิด มันเลยขาดเป็นห้วงๆ กำลังจะเศร้าตาม อ้าวๆ เงียบไปเฉยๆ อารมณ์หยุดหลุดไปแบบโดนกระชากให้ดิ่ง และพลังของนักแสดงมันจะส่งต่อมาไม่ถึงคนดูค่ะ ถามๆ หลายๆ คนที่มาดูรอบเดียวกะพินนี่ ก็พูดเหมือนๆ กันว่า เฉยๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษ ตอนเค้าเศร้า เราก็ไม่อิน ตอนเค้ารักกัน เราก็ไม่อิน – -’ ผิดกับตอนไปดูที่นิวยอร์ค อันนั้นน้ำตาเราไหลพรากๆ เลย อินสุดๆ สงสาร Phantom มาก ตอน Christine กับ Raoul จูบกันบนดาดฟ้าเราก็รู้สึกว่าเค้ารักกันจริงๆ น้ำตาไหล แถมตอนสุดท้ายที่ Christine เอาแหวนมาคืน Phantom นี่เราร้องไห้โฮ เลย
ประการสำคัญที่เห็นเด่นมากของ World Tour อันนี้ ที่เราคิดว่าเป็นช่องโหว่มากๆ คือ
“ตัวละครหลัก ดูเป็นตัวละครรอง “และ “ตัวละครรอง ดันเด่นกว่าตัวละครหลัก”
เพราะอะไร? อันนี้เราไม่ทราบ แต่ในเวอร์ชั่นนี้
Phantom ไม่เด่นเอาซะเลย ออกจะเป็น Phantom ที่ดูออกแนวเก็บกดไปหน่อย ไม่ดู ลึกลับน่าค้นหา ไม่ดู Charisma เท่าไหร่ Christine ดูเฉยๆ แต่ที่กลับดูเด่นคือ Monsieur André , Monsieur Firmin เจ้าของโรงละคร กับ Meg Giry ลูกสาวของ ครูฝึกเต้นบัลเล่ต์ Madame Giry และ Carlotta กลับดูเด่นกว่ามากๆ และทุกคนน่าจะสัมผัสแบบนั้นได้เช่นกัน
===========================================================================
พลังเสียง
อันนี้ให้ชนะเลิศค่ะ นักแสดงทุกคน พลังเสียงการันตีอยู่แล้วไม่มีคนไหนเสียงขี้เหร่เลยซักคนค่ะ ร้องตรงโน้ตกันหมด แผดเสียงกันแก้วแทบแตกทุกคน อันนี้ยืนยัน
ฉาก
อันนี้ให้ล้านคะแนน ฉากสวยและตอนเปลี่ยนแต่ละฉากก็ Smooth มาก เหมือนที่พินนี่ไปดูที่นิวยอร์คมาไม่ผิดเพี้ยนค่ะ ปรบมือค่ะ ปรบมือ (Bravo)
ดนตรี
อันนี้ยกนิ้วให้ สิบล้านนิ้ว แน่นอนว่าการมาฟังสดมันได้อารมณ์กว่ามากๆ และนักดนตรีเก่งมากๆ เล่นได้คิวเป๊ะๆๆๆๆๆๆทุกอย่าง อันนี้ต้องชมทั้งคนแสดง ทั้งนักดนตรีและฝ่ายดูแลฉาก ทำทุกอย่างได้ Flow และซ้อมมาดีมากค่ะ
หมายเหตุ : เนื่องจากห้ามถ่ายรูปนิ่งและภาพเคลื่อนไหวทุกอย่างเลยไม่มีรูปอะไรเก็บกลับมาฝากนะคะ แต่ภาพรวมของการแสดงค่อนข้างดีค่ะ แต่พินนี่เคยดูที่ NYC มาก่อน เลยค่อนข้างจะติดเวอร์ชั่น นั้น แล้วก็ได้ดู เวอร์ชั่นครบรอบ 25 ปีไปเมื่อปี 2011 มา ชอบสองเวอร์ชั่นนี้ มากกว่า เวอร์ชั่น World Tour ที่เพิ่งมาดูวันนี้ค่ะ อันนั้นดูแล้วอินกว่า คนแสดง ส่งพลังมาถึงคนดูได้ มีซึ้ง มีร้องไห้ สงสาร พระเอก สงสารนางเอก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพินนี่ไปดู รอบแรกๆ หรือเปล่า นักแสดงเลยอาจจะยังจับจุด คนดูยังไม่ค่อยได้ แต่.. หรือเป็นเพราะพินนี่ติดกับเวอร์ชั่นที่ได้ดูมาก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เลยรู้สึกว่าเวอร์ชั่นนี้ไม่อินเท่าอันนั้น มันมีตัวเปรียบเทียบ แต่ยังไงก็แนะนำให้ไปดูค่ะ เพราะการดูผ่านภาพยนตร์กับการมาฟังสด ๆ ที่มีดนตรีวงออเคสคร้ามาเล่นบรรเลงสดๆ , การร้องสดๆ ไปด้วยเนี่ย มีนได้คนละ Feeling กันเลยจริงๆ ค่ะ
===========================================================================
บรรยากาศ
ต้องขออภัยที่เก็บมาไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเค้าห้ามถ่าย แต่ไปขอยืมมาจาก FB ของ
https://www.facebook.com/potoworldtour ที่ถ่ายภาพวัน Gala มาให้ดูค่ะ

(Source :
https://www.facebook.com/potoworldtour )

มีหน้ากาก ให้ถ่ายรูปเล่นด้วยค่ะ
===========================================================================
ที่มาแห่งตำนาน PHANTOM
จุดเริ่มต้นของ The Phantom of the opera เกิดขึ้นจากนิยายเรื่อง Le Fantôme de l’Opéra ของนักเขียน ฝรั่งเศส Gaston Leroux ที่ตีพิมพ์ในช่วงปี 1909-1910 ว่าด้วยความรักสามเส้าในโรงอุปราการ โดยหนึ่งในนั้นเป็นชายหน้าตาอัปลักษณ์ผู้ที่ถูกเรียกว่า “ปีศาจแห่งโรงละคร”

(Source :
expositions.bnf.fr )
Leroux ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ทั้งความประทับใจในความสวยงามของโรงอุปรากรที่ปารีส และการค้นพบทะเลสาบที่ชั้นใต้ดินของโรงละคร รวมถึงเหตุการณ์พิศวงที่โคมระย้าตกลงมา นิยายของ Leroux จึงเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศลึกลับและสยองขวัญ

(Source :
fr.wikipedia.org )
นิยายของ Leroux ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครเวทีอยู่หลายฉบับ แต่ที่เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายคือหนังเงียบขาวดำ เรื่อง The Phantom of the opera (1925) ที่กำกับโดย รูเพิร์ต จูเลียน และนำแสดงโดยลอน เชนีย์
การดัดแปลงที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง คือ ละครเพลงเรื่อง Phantom of the opera (1976) ของ เคน ฮิลล์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการดัดแปลงนิยายของ Leroux เป็นมิวสิคัล

( Andrew Lloyd Webber ll Source :
www.mirror.co.uk )
หนังสือของ Leroux ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ชายคนหนึ่งคิดอยากจะสร้าง Phantom of the opera ในแบบของตนเองบ้าง ชายคนนั้นคือ Andrew Lloyd Webber ในช่วงทศวรรษ 70-80 Webber มีชื่อเสียงจากการประพันธ์เพลงในมิวสิคัลยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น Jesus Christ Superstar (1970), Evita (1976) และ Cats (1981) Webber ได้นิยายของ Leroux มาอย่างบังเอิญจากร้านหนังสือมือสองในนิวยอร์ค เขาเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “ผมอยากจะสร้างเรื่องราวโรแมนติกอันยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้นอาชีพ และ Phantom คือสิ่งที่ใช่สำหรับผม”
หลังจากได้ใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานอยู่สองปี The Phantom of the opera ก็เริ่มแสดงเป็นทางการในปี 1986 ที่อังกฤษ เนื้อเรื่องว่าด้วย คริสติน หญิงสาวตัวประกอบในโรงละคร โอเปร่า เธอเรียนรู้การร้องเพลงจากชายลึกลับที่แอบซ่อนตัวอยู่ในโรงละคร นามว่า “Phantom” แต่เมื่อ Phantom รู้ว่า คริสติน รักกับ ราอูล เศรษฐีหนุ่ม เขาก็เจ็บปวดอย่างยิ่ง และนำไปสู่โศกนาฏกรรม ครั้งยิ่งใหญ่
The Phantom of the opera ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นผลงานชิ้นเอกของ Webber นับจากปี 1986 เป็นต้นมา The Phantom of the opera ได้ทำการแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งใน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและ ประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก ละครเรื่องนี้เพิ่งจะฉลองครบรอบ 25 ปีไปเมื่อปี 2011 ที่ ลอนดอน และ ปี 2013 ที่นิวยอร์ค
[CR] [ รีวิว ] THE PHANTOM OF THE OPERA WORLD TOUR 2013 – BANGKOK
” PHANTOM OF THE OPERA ..หนึ่งใน OPERA PRODUCTION ที่ดีและเยี่ยม สะกดใจที่สุดตั้งแต่ดู BROADWAY มา”
(Source : https://www.facebook.com/Rachadalai)
หลังจากการรอคอยอันยาวนาน ในที่สุด The Phantom of the opera ก็มาเปิดการแสดงที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก ที่เมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ค่ะ ( 7 May - 9 June 2013) เมื่อวันที่ 11 May 2013 พินนี่ได้มีโอกาส พาแม่ และน้องชาย มาดู Broadway version world tour ของ The Phantom of the opera ซะที หลังจากจองบัตรไว้ ตั้งแต่วันแรก ๆที่เขาเปิดขายตั้งแต่ปลายปี 2012 ก่อนหน้านี้ สองสามปี พินนี่ได้มีโอกาสไปดู เวอร์ชั่นที่นิวยอร์ค มาแล้วและประทับใจมาก อยากดูอีกหลายๆ รอบ เพราะนักแสดงแสดงได้ดีมากๆ จริงๆ ค่ะ จากวันนั้นก็คิดเสมอว่า จะต้องพาแม่ไปดูที่นิวยอร์คให้ได้ แต่พอดีได้ข่าวมาว่าจะมี เวิร์ลทัวร์มาเมืองไทยพอดี เลยรีบจองบัตรแบบไม่อิดออด เพราะอยากให้แม่ได้ลองสัมผัสประสบการณ์ประทับใจแบบที่พินนี่ประทับใจมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นนักแสดงคนละชุดกันก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่า International World Tour ก็คงจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน นอกจากนี้พินนี่ยังเชื่อว่าหลายคนก็ชอบ ละครเรื่องนี้เหมือนพินนี่ แต่หลายคนก็ยังไม่ค่อยทราบว่า ตำนานของ Phantom of the opera มีตำนานเป็นมายังไงบ้าง พินนี่เลยมีข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันด้วยค่ะ
( Source : www.eventfinder.co.nz )
แต่ก่อนจะไปฟังข้อมูลที่น่าสนใจนั้น ขอบอกก่อนว่า การแสดง The Phantom of the opera world tour 2013 ครั้งนี้ เริ่มวันที่ 7 May -9 June 2013 ค่ะ แล้วก็ มีของที่ระลึกมาขายด้วยเยอะเลย น่าสนใจทั้งนั้น ค่ะ ทั้ง แก้ว Mug ลายหน้ากาก Phantom ที่พอเติมน้ำร้อน หน้ากาก Phantom จะเปลี่ยนเป็นสีขาว (ราคา 300 THB) หรือเสื้อ ยืด ตัวละ350 THB , พวงกุญแจ 250 THB ฯลฯ ถ้าใครสนใจก็ลองไปซื้อหากันได้ค่ะ
สำหรับใครที่ซื้อบัตรแล้ว แต่ยังไม่เคยได้ดูละครเวทีแบบนี้ ขอแจ้งก่อนว่า สำหรับ ละครเวทีที่เคร่งเรื่องลิขสิทธิ์มากๆ แบบ Phantom นั้น มีการห้ามบันทึกเทป เสียง และวีดีโอโดยเด็ดขาดค่ะ และ เคร่งมากเรื่องการนแสดงโชว์ตรงเวลา ดังนั้นกรุณาอย่าไปช้า นะคะ เมื่อการแสดงเริ่มแล้ว ด้วยมารยาทไม่ควรลุกไปไหนเลยแม้ว่าจะปวดเข้าห้องน้ำก็ตาม เพราะเมื่อการแสดงเริ่มไปครึ่งเรื่อง เค้าจะปล่อยให้พัก 15 นาที ให้อยู่แล้วค่ะ
===========================================================================
การแสดง
ขอบอกว่าส่วนนี้พินนี่ออกจะขัดใจซักเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะว่านักแสดงไม่เก่งนะคะ แต่ประเด็นอยู่ที่มันมี ช่วงเวลา dead air ให้เห็นอยู่หลายครั้งเหมือนกัน อยู่ๆ ก็เงียบไปแบบไม่มีสาเหตุ อารมณ์ร่วมที่เกิด มันเลยขาดเป็นห้วงๆ กำลังจะเศร้าตาม อ้าวๆ เงียบไปเฉยๆ อารมณ์หยุดหลุดไปแบบโดนกระชากให้ดิ่ง และพลังของนักแสดงมันจะส่งต่อมาไม่ถึงคนดูค่ะ ถามๆ หลายๆ คนที่มาดูรอบเดียวกะพินนี่ ก็พูดเหมือนๆ กันว่า เฉยๆ ไม่ได้ประทับใจอะไรเป็นพิเศษ ตอนเค้าเศร้า เราก็ไม่อิน ตอนเค้ารักกัน เราก็ไม่อิน – -’ ผิดกับตอนไปดูที่นิวยอร์ค อันนั้นน้ำตาเราไหลพรากๆ เลย อินสุดๆ สงสาร Phantom มาก ตอน Christine กับ Raoul จูบกันบนดาดฟ้าเราก็รู้สึกว่าเค้ารักกันจริงๆ น้ำตาไหล แถมตอนสุดท้ายที่ Christine เอาแหวนมาคืน Phantom นี่เราร้องไห้โฮ เลย
ประการสำคัญที่เห็นเด่นมากของ World Tour อันนี้ ที่เราคิดว่าเป็นช่องโหว่มากๆ คือ “ตัวละครหลัก ดูเป็นตัวละครรอง “และ “ตัวละครรอง ดันเด่นกว่าตัวละครหลัก”
เพราะอะไร? อันนี้เราไม่ทราบ แต่ในเวอร์ชั่นนี้
Phantom ไม่เด่นเอาซะเลย ออกจะเป็น Phantom ที่ดูออกแนวเก็บกดไปหน่อย ไม่ดู ลึกลับน่าค้นหา ไม่ดู Charisma เท่าไหร่ Christine ดูเฉยๆ แต่ที่กลับดูเด่นคือ Monsieur André , Monsieur Firmin เจ้าของโรงละคร กับ Meg Giry ลูกสาวของ ครูฝึกเต้นบัลเล่ต์ Madame Giry และ Carlotta กลับดูเด่นกว่ามากๆ และทุกคนน่าจะสัมผัสแบบนั้นได้เช่นกัน
===========================================================================
พลังเสียง
อันนี้ให้ชนะเลิศค่ะ นักแสดงทุกคน พลังเสียงการันตีอยู่แล้วไม่มีคนไหนเสียงขี้เหร่เลยซักคนค่ะ ร้องตรงโน้ตกันหมด แผดเสียงกันแก้วแทบแตกทุกคน อันนี้ยืนยัน
ฉาก
อันนี้ให้ล้านคะแนน ฉากสวยและตอนเปลี่ยนแต่ละฉากก็ Smooth มาก เหมือนที่พินนี่ไปดูที่นิวยอร์คมาไม่ผิดเพี้ยนค่ะ ปรบมือค่ะ ปรบมือ (Bravo)
ดนตรี
อันนี้ยกนิ้วให้ สิบล้านนิ้ว แน่นอนว่าการมาฟังสดมันได้อารมณ์กว่ามากๆ และนักดนตรีเก่งมากๆ เล่นได้คิวเป๊ะๆๆๆๆๆๆทุกอย่าง อันนี้ต้องชมทั้งคนแสดง ทั้งนักดนตรีและฝ่ายดูแลฉาก ทำทุกอย่างได้ Flow และซ้อมมาดีมากค่ะ
หมายเหตุ : เนื่องจากห้ามถ่ายรูปนิ่งและภาพเคลื่อนไหวทุกอย่างเลยไม่มีรูปอะไรเก็บกลับมาฝากนะคะ แต่ภาพรวมของการแสดงค่อนข้างดีค่ะ แต่พินนี่เคยดูที่ NYC มาก่อน เลยค่อนข้างจะติดเวอร์ชั่น นั้น แล้วก็ได้ดู เวอร์ชั่นครบรอบ 25 ปีไปเมื่อปี 2011 มา ชอบสองเวอร์ชั่นนี้ มากกว่า เวอร์ชั่น World Tour ที่เพิ่งมาดูวันนี้ค่ะ อันนั้นดูแล้วอินกว่า คนแสดง ส่งพลังมาถึงคนดูได้ มีซึ้ง มีร้องไห้ สงสาร พระเอก สงสารนางเอก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพินนี่ไปดู รอบแรกๆ หรือเปล่า นักแสดงเลยอาจจะยังจับจุด คนดูยังไม่ค่อยได้ แต่.. หรือเป็นเพราะพินนี่ติดกับเวอร์ชั่นที่ได้ดูมาก่อนหน้านี้ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เลยรู้สึกว่าเวอร์ชั่นนี้ไม่อินเท่าอันนั้น มันมีตัวเปรียบเทียบ แต่ยังไงก็แนะนำให้ไปดูค่ะ เพราะการดูผ่านภาพยนตร์กับการมาฟังสด ๆ ที่มีดนตรีวงออเคสคร้ามาเล่นบรรเลงสดๆ , การร้องสดๆ ไปด้วยเนี่ย มีนได้คนละ Feeling กันเลยจริงๆ ค่ะ
===========================================================================
บรรยากาศ
ต้องขออภัยที่เก็บมาไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเค้าห้ามถ่าย แต่ไปขอยืมมาจาก FB ของ https://www.facebook.com/potoworldtour ที่ถ่ายภาพวัน Gala มาให้ดูค่ะ
(Source : https://www.facebook.com/potoworldtour )
มีหน้ากาก ให้ถ่ายรูปเล่นด้วยค่ะ
===========================================================================
ที่มาแห่งตำนาน PHANTOM
จุดเริ่มต้นของ The Phantom of the opera เกิดขึ้นจากนิยายเรื่อง Le Fantôme de l’Opéra ของนักเขียน ฝรั่งเศส Gaston Leroux ที่ตีพิมพ์ในช่วงปี 1909-1910 ว่าด้วยความรักสามเส้าในโรงอุปราการ โดยหนึ่งในนั้นเป็นชายหน้าตาอัปลักษณ์ผู้ที่ถูกเรียกว่า “ปีศาจแห่งโรงละคร”
(Source : expositions.bnf.fr )
Leroux ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเหตุการณ์จริง ทั้งความประทับใจในความสวยงามของโรงอุปรากรที่ปารีส และการค้นพบทะเลสาบที่ชั้นใต้ดินของโรงละคร รวมถึงเหตุการณ์พิศวงที่โคมระย้าตกลงมา นิยายของ Leroux จึงเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศลึกลับและสยองขวัญ
(Source : fr.wikipedia.org )
นิยายของ Leroux ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และละครเวทีอยู่หลายฉบับ แต่ที่เป็นรู้จักกันอย่างแพร่หลายคือหนังเงียบขาวดำ เรื่อง The Phantom of the opera (1925) ที่กำกับโดย รูเพิร์ต จูเลียน และนำแสดงโดยลอน เชนีย์
การดัดแปลงที่สำคัญอีกชิ้นหนึ่ง คือ ละครเพลงเรื่อง Phantom of the opera (1976) ของ เคน ฮิลล์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการดัดแปลงนิยายของ Leroux เป็นมิวสิคัล
( Andrew Lloyd Webber ll Source : www.mirror.co.uk )
หนังสือของ Leroux ยังสร้างแรงบันดาลใจให้ชายคนหนึ่งคิดอยากจะสร้าง Phantom of the opera ในแบบของตนเองบ้าง ชายคนนั้นคือ Andrew Lloyd Webber ในช่วงทศวรรษ 70-80 Webber มีชื่อเสียงจากการประพันธ์เพลงในมิวสิคัลยอดนิยมหลายเรื่อง เช่น Jesus Christ Superstar (1970), Evita (1976) และ Cats (1981) Webber ได้นิยายของ Leroux มาอย่างบังเอิญจากร้านหนังสือมือสองในนิวยอร์ค เขาเล่าถึงเหตุการณ์ตอนนั้นว่า “ผมอยากจะสร้างเรื่องราวโรแมนติกอันยิ่งใหญ่มาตั้งแต่ตอนที่เริ่มต้นอาชีพ และ Phantom คือสิ่งที่ใช่สำหรับผม”
หลังจากได้ใช้เวลาสร้างสรรค์ผลงานอยู่สองปี The Phantom of the opera ก็เริ่มแสดงเป็นทางการในปี 1986 ที่อังกฤษ เนื้อเรื่องว่าด้วย คริสติน หญิงสาวตัวประกอบในโรงละคร โอเปร่า เธอเรียนรู้การร้องเพลงจากชายลึกลับที่แอบซ่อนตัวอยู่ในโรงละคร นามว่า “Phantom” แต่เมื่อ Phantom รู้ว่า คริสติน รักกับ ราอูล เศรษฐีหนุ่ม เขาก็เจ็บปวดอย่างยิ่ง และนำไปสู่โศกนาฏกรรม ครั้งยิ่งใหญ่
The Phantom of the opera ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนกลายเป็นผลงานชิ้นเอกของ Webber นับจากปี 1986 เป็นต้นมา The Phantom of the opera ได้ทำการแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งใน สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกาและ ประเทศอื่นๆ อีกทั่วโลก ละครเรื่องนี้เพิ่งจะฉลองครบรอบ 25 ปีไปเมื่อปี 2011 ที่ ลอนดอน และ ปี 2013 ที่นิวยอร์ค
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น