[CR] 🌹รีวิวการชมละครเวทีระดับโลก The Phantom of the Opera ปี 2025🌹

🌹รีวิวนี้เป็นความรู้สึกและความคิดเห็นส่วนตัวหลังได้รับชมการแสดงและมีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเรื่อง🌹


The Phantom of the Opera เป็นหนึ่งในละครเวทีเรื่องดังเรื่องหนึ่งระดับโลกที่ทำการเปิดการแสดงมาแล้วมานับครั้งไม่ถ้วน ละครเวทีเรื่องนี้เดิมทีแล้วมีจุดกำเนิดจากนวนิยายเรื่อง "Le Fantôme de l'Opéra" หรือ The Phantom of the Opera โดย กัสตง เลอรูส์ (Gaston Leroux) นักเขียนชาวฝรั่งเศส โดยนวนิยายเรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์และยังเป็นแรงบันดาลใจหรือถูกหยิบยืมไปเป็นส่วนหนึ่งให้กับสื่ออื่น ๆ อีกมากมาย เช่น นิยาย การ์ตูน เพลง ฯลฯ

เรื่องราวย่อ ๆ ก็จะประมาณว่า เป็นรักสามเส้าของคริสทีน ดาเอ้ (Christine Daaé) นักร้องสาวที่มีความสามารถพิเศษและได้รับการฝึกฝนจากหนุ่มใหญ่อัจริยะแสนลึกลับที่อาศัยอยู่ใต้โรงละครโอเปร่าของปารีส ซึ่งเขาคือ แฟนทั่ม/อีริค (The Phantom/Erik) ชายผู้มีใบหน้าที่อัปลักษณ์ผิดรูปพิกลพิการและมีความเจ็บปวดจากอดีต ขณะที่เธอเติบโตขึ้น คริสทีนกลับมีความรักกับราอูล (Raoul) หนุ่มผู้ดีจากชนชั้นสูงที่เป็นรักแรกของเธอ เรื่องราวความรักสามเส้าระหว่างเขาทั้งสามคน กลายเป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการปะทะทางอารมณ์และความหลงใหล และยังเล่าเรื่องราวที่สะท้อนถึงความปรารถนาในจิตใจของมนุษย์ การต่อสู้ของจิตสำนึกและจิตใต้สำนึก ความต้องการความรักและการยอมรับ และข้อจำกัดที่สังคมกำหนดให้กับผู้หญิง สุดท้าย เรื่องราวของ Phantom สอนให้เราเข้าใจว่า ทุกคนต่างมีค่าพอที่จะรักและถูกรัก แม้แต่ปีศาจแห่งโรงละคร...ก็มีหัวใจเช่นกัน

  

ส่วนตัวผู้เขียนนั้นได้เคยอ่านนวนิยายและรับชมเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ซึ่งกำกับโดย โจเอล ชูเมคเกอร์ (Joel Schumacher) ซึ่งดัดแปลงมาจากเวอร์ชั่นละครเวทีโดย แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์ (Andrew Lloyd Webber) เมื่อนานมาแล้วตั้งแต่สมัยเป็นวัยรุ่นอายุราว ๆ 16-17 ปี แล้วมีความรู้สึกว่า มันคือหนังที่เปิดโลกของการดูละครเวทีมาก ๆ เพราะมันคือละครเพลงเรื่องแรกในชีวิตที่เราเคยได้รับชม และทำให้เราเกิดความชอบในศาสตร์ของละครเวทีขึ้นมา ถึงขั้นสมัครเข้าทำฉากละครเวทีของคณะสมัยเรียนเพื่อเรียนรู้ศาสตร์ของการทำละครเวทีเลยทีเดียว

แต่เมื่อ 12 ปีที่แล้ว คุณบอย สกลเกียรติได้นำ Phantom of the Opera มาเปิดการแสดงที่เมืองไทยเป็นครั้งแรก  แต่ตอนนั้นเรายังคงเป็นแค่เด็กมัธยมที่ยังไม่มีงบในการดูละครเวทีที่ราคาค่อนสูง เราจึงได้แต่รอคอยและหวังว่า จะมีการมาเปิดรอบการแสดงที่ประเทศไทยอีกครั้ง และในอีก 12 ปีต่อมา เราก็อยู่ในวัยที่พร้อมจะซื้อตั๋วการแสดงให้ตัวเองได้ซะที!

วันนี้เราก็เลยจะมีรีวิวตั้งแต่การซื้อตั๋วเพื่อเข้ารับชมการแสดง เริ่มจากเราเข้าไปซื้อตั๋วในเว็บ https://www.thaiticketmajor.com/index.html แต่ก่อนทำการจองและซื้อตั๋ว เราต้องสมัครสมาชิกของเว็บไซต์ก่อน ใช้ Gmail สมัครก็เป็นอันใช้ได้ค่ะ จากนั้นก็เลือกวันและเวลาที่เราจะทำการรับชม ซึ่งแอบกระซิบก่อนว่าตั๋วเต็มเร็วมากๆ เราที่พยายามจะจองแถวหน้ายังไม่ทันเลย เลยได้แถวริม ๆ ไป แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ

ราคาบัตรมีหลากหลายราคาให้เลือก ยิ่งเป็นที่นั่งใกล้หน้าเวทียิ่งแพง เพราะยิ่งจะได้รับชมการแสดงชัดเต็มที่
เราสะดวกที่จะชำระเงินแบบใช้แอพธนาคารออนไลน์ พอชำระเรียบร้อย ระบบก็จะออกใบยืนยันการสั่งซื้อออกมาให้ แนะนำว่า ให้เราปริ๊นท์ออกมาเป็นใบ ๆ เลย เพื่อให้ง่ายต่อการให้พนักงานจำหน่ายตั๋วดูเป็นหลักฐาน วันที่เราไปรับตั๋ว มีหลาย ๆ คนไม่ได้เตรียมหลักฐานมา ทำให้ค่อนข้างวุ่นวายและยากต่อการยืนยันตัวตนค่ะ ตอนยื่นขอตั๋วกระดาษจะมีการขอดูบัตรประชาชน ใบยืนยันการสั่งซื้อ และใบเสร็จรับเงินจากแอพธนาคารที่เราโอนให้ระบบค่ะว่าถูกต้องมั้ย


ตั๋วกระดาษของจริงที่ต้องเก็บดีๆ นะคะ ก่อนเข้าโรงละคร พนักงานจะดูตั๋วใบนี้อีกทีเป็นหลักฐานและเขาจะแจกบัตรพลาสติกแบบแข็งเอามาให้ทุกคนเพื่อเป็นที่ระลึกค่ะ เราสามารถรับบัตรแบบตั๋วกระดาษได้ล่วงหน้าก่อนวันแสดงจริง 1 อาทิตย์ก่อนวันแสดงจริงค่ะ แต่ของเราเป็นแบบซื้อตอนเช้าและตอนเที่ยงก็ไปยื่นหลักฐานเพื่อรอดูรอบบ่ายโมงเลย


ก่อนเข้าโรงละคร มีฉากสวย ๆ ให้ถ่ายรูปรอกันด้วย


บัตรพลาสติกแบบแข็ง สวยมาก ๆ และยังมีสูจิบัตรแบบกระดาษด้วยนะคะ

ตอนเข้าไปรอชมละคร โรงละครเมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์นั้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มาก เป็นโรงละครขนาดกลาง ทำให้ชมจากมุมไหนก็มองเห็นค่ะ แต่จะชัดมากน้อยขึ้นอยู่กับระยะใกล้ไกลจากเวทีค่ะ และไม่ต้องกลัวว่า จะชมการแสดงไม่รู้เรื่อง เพราะตลอดทั้งการแสดง จะมีจอขึ้นซบไตเติ้ลให้ทั้งสองฝั่งซ้ายขวาของเวทีค่ะ แต่จะอ่านทันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความไวของสายตาของแต่ละคนนะคะ ต่อไปนี้เป็นรูปจากเว็บไซต์ Official นะคะ

และต่อไปนี้ เป็นการรายละเอียดการรีวิวตามความรู้สึกและประสบการณ์ของเรานะคะ

1) ด้านการแสดงของนักแสดง: ด้วยความเป็นละครเวทีที่ระยะใกล้ไกลอาจเป็นอุปสรรคต่อการรับชม ทำให้นักแสดงทุกคนเล่นเต็มที่ มีเท่าไหร่ใส่เต็มหมด ไม่ยั้ง เศร้า เสียใจ ดีใจ โกรธแค้น มีความสุข ตลกขบขัน ทะเลาะกัน ฯลฯ เราจะมองเห็นและรับรู้ความรู้สึกที่นักแสดงสื่อได้ตลอดทั้งเรื่อง ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ เวอร์ชั่นนั้นจะดูแสดงธรรมชาติกว่า ขอชื่นชมจากใจว่า นักแสดงทุกคนเป็นมืออาชีพและแสดงได้จับใจมาก ๆ สื่อสารอารมณ์ได้ครบถ้วนทุกฉากค่ะ เราไม่แน่ใจว่าการแสดงทั้งสองรอบ (รอบ 13.00 น.หรือรอบ 14.00 น./รอบ18.30 น. หรือ รอบ19.30 น.) จะมีการเปลี่ยนนักแสดงหรือไม่ แต่เราคิดว่ามีการเปลี่ยนนักแสดงคนละชุด เพราะการแสดงแต่ละครั้งท่าทางนักแสดงคงจะเหนื่อยกันมากแน่ ๆ

🌹🖤🌹🖤🌹

2) ด้านเสียงร้องและดนตรีประกอบ: นักแสดงทุกคนร้องเพลงได้ไพเราะราวเสียงสวรรค์จริง ๆ มีพลังเสียงกันทุกคน เลือกใช้เสียงได้เหมาะสมกับแต่ละฉากแต่ละช่วงอารมณ์ เพลงทุกเพลงมีเอกลักษณ์และไพเราะไม่มีที่ติเหมือนเช่นเคย แต่อาจจะมีช่วงที่สับสนเล็ก ๆ ตอนที่ร้องรวม ๆ กันหลาย ๆ คน ในส่วนของวงออเครสต้า จากการอ่านสูจิบัตร มีนักดนตรีไทยเข้าร่วมบรรเลงหลายคน เป็นที่น่าชื่นชมมาก ๆ ดนตรีสดไพเราะทุกโน๊ตทุกท่อน ช่วยส่งอารมณ์ในทุกฉาก ที่เคยดูหนังก็ว่าเพราะแล้ว แต่มาฟังสดนั้นเพราะยิ่งกว่าเป็นไหน ๆ แต่สำหรับคนที่นั่งใกล้เวที อาจมีขัดใจเรื่องเสียงดนตรีที่ดังเกินไปได้

🌹🖤🌹🖤🌹

3) ด้านแสง สี และองค์ประกอบศิลป์ต่าง ๆ: แสง สี และองค์ประกอบทำได้ดีมาก ๆ มีการจัดแสงของโรงละครทำให้ดูลึกลับ น่ากลัว ดูน่าค้นหาและดูขลังมาก ๆ สีสันของฉากส่วนมากค่อนข้างไปในโทนมืด ดำ น้ำเงินเข้ม ฟ้าเข้ม เขียวเข้ม น้ำตาล ทอง ครีมหม่น ๆ เพื่อให้ตัดกับตัวนักแสดงและเพื่อให้ผู้ชมมองเห็นได้ชัดเจน และองค์ประกอบเวทีดูสมจริงอลังการงานสร้าง ละเอียดละออ มีการจัดฉากให้เป็นชั้น ๆ เป็นเลเยอร์ ๆ เพื่อให้ดูมีมิติลึกตื้นและทำให้ดูน่าสนใจมากขึ้น แต่สำหรับคนที่นั่งใกล้เวที อาจมีขัดใจเรื่องแสบตาแสงไฟในบางฉากที่มีการกระพริบถี่ ๆ หรือวูบวาบๆ

🌹🖤🌹🖤🌹

4) ด้านเครื่องแต่งกายนักแสดง: เครื่องแต่งกายนักแสดงค่อนข้างแตกต่างจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์มาก ๆ สีสันค่อนข้างสดใสและดูอลังการงานสร้างมากกว่าในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ อาจเพราะจะต้องให้ผู้ชมมองเห็นชัดเจนจากระยะไกล ทำให้ทุก ๆ ฉากดูน่าสนใจไม่น่าเบื่อเลย นักแสดงออกมาจากฉากไหนก็ดูเพลิน
🌹🖤🌹🖤🌹

5) ด้านระยะเวลาของการแสดง: แม้จะเป็นการชมละครเวทีเรื่องนี้เป็นครั้งแรกของเรา เราก็ยังรู้สึกว่า การแสดงนั้นทำได้กระชับ ดำเนินเรื่องเร็ว (อาจจะเร็วเกินไปสำหรับคนที่เคยดูรอบอื่น ๆ หรือจากการแสดงที่ประเทศอื่น) ไม่น่าเบื่อ ไม่ยืดยาว อาจเพราะเพลงก็เล่าเรื่องได้นานอยู่แล้ว การเริ่มการแสดงตรงเวลาเป๊ะ ๆ การแสดงแบ่งออกเป็น 2 องก์ มีการพักครึ่งให้ผู้ชมพักเข้าห้องน้ำประมาณ 20 นาทีก็กลับมาเปิดม่านองก์ 2 ได้ตามเวลาที่กำหนด เราจับเวลาเริ่มที่ 13.00 ตอนการแสดงเริ่ม และทำการพักครึ่งการแสดงตอนเวลา 14.30 น. และตอนการแสดงจบคือเวลาบ่าย 15.20 น. รวม ๆ แล้วระยะเวลาประมาณ 2 ชม. ครึ่ง
🌹🖤🌹🖤🌹

สุดท้ายนี้ เราขอจบการรีวิวตามความรู้สึกของเราว่า 10/10 คะแนนไปเลยค่ะ
เราประทับใจมาก ๆ ไม่มีที่ติอะไรเลย เราร้องไห้ในฉากสุดท้ายด้วย
ทั้ง ๆ ที่เวอร์ชั่นภาพยนตร์ เราไม่อินเท่าไหร่เลย แต่พอมาเป็นละครเวทีปั๊บ อารมณ์มันถึงมาก ๆ
ถ้าใครยังลังเลอยู่ เราขอเชียร์ให้มาดูกันนะคะ เพราะประสบการณ์อันยิ่งใหญ่นี้จะประทับในใจคุณไปตลอดแน่นอน

⭐⭐⭐⭐⭐
ชื่อสินค้า:   The Phantom of the Opera - 2025
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่