ต่อจากตอนที่แล้วนะครับ...หลังจากที่ได้รับหนังสือบอกกล่าวทวงถาม ลูกหนี้หลายท่านกลัวการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี กลัวการขึ้นศาล เลยกัดฟันผ่อนชำระหนี้บัตรให้กับสถาบันการเงินต่อไป ทั้งๆ ที่ก็รู้ทั้งรู้ว่าผ่อนไปแบบนั้น อีกกี่ปีก็ไม่มีทางไปตัดเงินต้นได้สักบาท ลูกหนี้หลายท่านบอกว่าไม่ได้กลัวการขึ้นศาล แต่กลัวการเสียเครดิตในกรณีของเครดิตบูโร กลัวว่าหากมีการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาลแล้ว จะทำให้เป็นการยากหากจะไปขอสินเชื่อ หรือขอเปิดใช้บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินอื่นอีก ซึ่งความคิดดังกล่าวเป็นความคิดที่ผิด เพราะในความเป็นจริงแม้ว่าจะยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีในชั้นศาล แต่หากลูกหนี้ไม่สามารถชำระหนี้บัตรเครดิตได้ตามกำหนดระยะเวลา โดยชำระแต่เพียงจำนวนเล็กน้อยเพื่อเลี้ยงบัญชีเอาไว้ แม้วิธีนี้จะทำให้สถาบันการเงินยังไม่ฟ้องร้องลูกหนี้ แต่ประวัติการชำระหนี้ของลูกหนี้ที่ถูกรายงานไปยังบริษัทข้อมูลเครดิตก็เป็นประวัติที่ไม่ดีแล้ว จึงเป็นการยากอยู่แล้วหากลูกหนี้จะขอสินเชื่อหรือขอเปิดบัตรเครดิตจากสถาบันการเงินอื่นอีก แม้ว่าลูกหนี้จะยังไม่ถูกสถาบันการเงินฟ้องในหนี้บัตรเครดิตก็ตาม
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงขอแนะนำท่านทั้งหลายที่ตกเป็นลูกหนี้บัตรเครดิตว่าอย่าไปสนใจกับคำขู่ของสถาบันการเงิน โดยหาก ณ ตอนนั้น ท่านยังไม่มีเงินก้อนพร้อมที่จะจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้เสร็จสิ้นทีเดียวทั้งหมด อย่าเลือกวิธีผ่อนจ่ายเพื่อเลี้ยงบัญชีเพียงเพื่อไม่ให้ถูกฟ้อง ขอให้ท่านนิ่งเฉยต่อคำขู่ดังกล่าว โดยหยุดการผ่อนจ่ายหนี้ให้กับสถาบันการเงินโดยสิ้นเชิง ไม่นานนักหลังจากนั้น สถาบันการเงินจะเริ่มขั้นตอนในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับท่าน โดยการแต่งตั้งทนายความเพื่อยื่นฟ้องท่านเป็นจำเลยในคดีผิดสัญญาบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่าการที่ท่านถูกฟ้อง กลับจะทำให้ยอดหนี้ของท่านลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่ท่านตัดสินใจที่จะไม่ผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตให้กับสถาบันการเงิน สถาบันการเงินจะแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องท่านเป็นคดีแพ่งประเภทคดีผู้บริโภค (คดี ผบ.) ท่านจะรับทราบถึงการถูกฟ้องในวันที่เจ้าหน้าที่ศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมาส่งให้กับท่านถึงบ้าน (หลายท่านเข้าใจผิดว่า สถาบันการเงินมีสิทธิที่จะฟ้องคดีอาญาให้ท่านติดคุกได้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริง การผิดสัญญาบัตรเครดิต เป็นเพียงคดีแพ่ง ไม่มีทางที่สถาบันการเงินจะฟ้องให้ท่านต้องรับผิดในทางอาญา หรือติดคุกได้เลย)
คราวหน้าเราจะมาว่ากันเรื่องการดำเนินการที่ศาล หลังจากที่ท่านถูกฟ้องแล้ว เชื่อเถอะว่าเมื่อคดีอยู่ที่ศาลแล้ว ท่านจะต่อรองเจรจาหนี้กับสถาบันการเงินได้อย่างที่ท่านเองก็คาดไม่ถึง สงสัยเพิ่มเติมประการใด ลองเมล์มาคุยกันได้ (chitchaichinsunti@hotmail.com)
ทำอย่างไรดี กับคดีหนี้บัตรเครดิต (ตอนที่ 3)
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ผมจึงขอแนะนำท่านทั้งหลายที่ตกเป็นลูกหนี้บัตรเครดิตว่าอย่าไปสนใจกับคำขู่ของสถาบันการเงิน โดยหาก ณ ตอนนั้น ท่านยังไม่มีเงินก้อนพร้อมที่จะจ่ายหนี้บัตรเครดิตให้เสร็จสิ้นทีเดียวทั้งหมด อย่าเลือกวิธีผ่อนจ่ายเพื่อเลี้ยงบัญชีเพียงเพื่อไม่ให้ถูกฟ้อง ขอให้ท่านนิ่งเฉยต่อคำขู่ดังกล่าว โดยหยุดการผ่อนจ่ายหนี้ให้กับสถาบันการเงินโดยสิ้นเชิง ไม่นานนักหลังจากนั้น สถาบันการเงินจะเริ่มขั้นตอนในการฟ้องร้องดำเนินคดีกับท่าน โดยการแต่งตั้งทนายความเพื่อยื่นฟ้องท่านเป็นจำเลยในคดีผิดสัญญาบัตรเครดิต ซึ่งเป็นเรื่องแปลกแต่จริงที่ว่าการที่ท่านถูกฟ้อง กลับจะทำให้ยอดหนี้ของท่านลดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่ท่านตัดสินใจที่จะไม่ผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตให้กับสถาบันการเงิน สถาบันการเงินจะแต่งตั้งทนายความเพื่อดำเนินการยื่นฟ้องท่านเป็นคดีแพ่งประเภทคดีผู้บริโภค (คดี ผบ.) ท่านจะรับทราบถึงการถูกฟ้องในวันที่เจ้าหน้าที่ศาลนำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องมาส่งให้กับท่านถึงบ้าน (หลายท่านเข้าใจผิดว่า สถาบันการเงินมีสิทธิที่จะฟ้องคดีอาญาให้ท่านติดคุกได้ด้วย ซึ่งในความเป็นจริง การผิดสัญญาบัตรเครดิต เป็นเพียงคดีแพ่ง ไม่มีทางที่สถาบันการเงินจะฟ้องให้ท่านต้องรับผิดในทางอาญา หรือติดคุกได้เลย)
คราวหน้าเราจะมาว่ากันเรื่องการดำเนินการที่ศาล หลังจากที่ท่านถูกฟ้องแล้ว เชื่อเถอะว่าเมื่อคดีอยู่ที่ศาลแล้ว ท่านจะต่อรองเจรจาหนี้กับสถาบันการเงินได้อย่างที่ท่านเองก็คาดไม่ถึง สงสัยเพิ่มเติมประการใด ลองเมล์มาคุยกันได้ (chitchaichinsunti@hotmail.com)