นาย นพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ นายเกียรติ สิทธิอมร กล่าวโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าแทรกแซงการทำงานของธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น
นายเกียรติ ได้ให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงหลายประการ เพราะแม้ธนาคารแห่งประเทศไทยจะมีความเป็นอิสระ แต่ก็ควรต้องรับฟังเสียงสะท้อนของทุกภาคส่วน
พ.ต.ท. ทักษิณ เพียงแต่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต จะเป็นเรื่องเสียหายตรงไหน เพราะที่ผ่านมา ก็มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยมากมาย ไม่ว่า นาย กิตติรัตน์ ณ. ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือ ภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ใคร ๆ ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ ธ.ป.ท. ได้
ส่วนที่ นายเกียรติ อ้างว่าไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ก.ม. ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ก็เป็นการพูดเท็จ
เพราะได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 หลังจากที่มีการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 กำหนดให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น และให้อำนาจ ธ.ป.ท. มากมาย จนทำให้แม้แต่กระทรวงการคลัง ก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะ พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ร.ม.ว.คลังไว้อย่างชัดเจน
ส่วนการที่ นาย เกียรติ อ้างว่า นักวิชาการส่วนใหญ่ เห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ช่วยอะไร ซึ่งน่าจะหมายถึง ไม่ได้แก้ปัญหาเงินบาทแข็งนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้ว นักวิชาการส่วนใหญ่ ได้เสนอความเห็นผ่านสื่อมาโดยตลอด ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นหนึ่งในมาตรการที่ ธปท. สามารถใช้เพื่อสกัดเงินทุนต่างประเทศ ไม่ให้ไหลเข้าไทยซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงได้ ดังนั้น คำพูดของนาย เกียรติ ที่ระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ช่วยอะไร จึงเป็นคำพูดที่ไม่เป็นความจริง ทั้งยังเป็นการบิดเบือนความคิดเห็นของนักวิชาการอีกด้วย
นอกจากนั้นจากเอกสารรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่รายงานต่อ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ระบุว่า สาเหตุของการแข็งค่าของเงินบาท เกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถสกัดเงินทุนต่างประเทศ ไม่ให้ไหลเข้าไทยเพราะจะลดแรงจูงใจของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการแสวงผลกำไรในระยะสั้น แล้วอย่างนี้ นาย เกียรติ จะอ้างว่า การลดอัตราดอกเบี้ย จะไม่ได้ช่วยอะไร หรือ ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งได้อย่างไร
นักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจชั้นนำเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการส่งออก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่การทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางรายได้ประโยชน์อย่างที่นาย เกียรติ กล่าวหาอย่างไร้หลักฐาน ตรงกันข้าม หากปล่อยให้เงินบาทแข็งค่า โดยไม่รีบแก้ไข จะมีผู้เดือดร้อนมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งออก ผู้ผลิตวัตถุดิบป้อนผู้ส่งออก ธุรกิจภาคท่องเที่ยวและบริการในประเทศ หากธุรกิจเหล่านี้ต้องปิดกิจการลง จะทำให้คนไทยจำนวนมากต้องตกงาน อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ก็จะมีบุคคลบางจำพวกได้ประโยชน์ คือ คนปล่อยเงินกู้ นักเล่นหุ้นรายใหญ่ ๆ ในตลาด จึงขอถาม นาย เกียรติว่า เหตุที่พวกท่านคัดค้านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้ง ๆ ที่ รู้เต็มอกว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่จะแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทนั้น ท่านได้คำนึงถึงชะตากรรมของผู้ประกอบการส่งออกที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่ในขณะนี้หรือไม่
ที่มา เฟซบุคของคุณนพดล
https://www.facebook.com/noppadonpat/posts/10200963064296014
คำแถลงของนายนพดล ปัทมะ : พตท ทักษิณแสดงความคิดเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้แทรกแซง ธปท.
พ.ต.ท. ทักษิณ เพียงแต่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต จะเป็นเรื่องเสียหายตรงไหน เพราะที่ผ่านมา ก็มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหาค่าเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทยมากมาย ไม่ว่า นาย กิตติรัตน์ ณ. ระนอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือ ภาคเอกชน เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เป็นเรื่องปกติ ที่ใคร ๆ ก็สามารถวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ ธ.ป.ท. ได้
ส่วนที่ นายเกียรติ อ้างว่าไม่เคยมีการเปลี่ยนแปลง ก.ม. ที่เกี่ยวข้องกับธนาคารแห่งประเทศไทยนั้น ก็เป็นการพูดเท็จ
เพราะได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 หลังจากที่มีการรัฐประหาร 19 ก.ย.49 กำหนดให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่ใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณและกฎหมายอื่น และให้อำนาจ ธ.ป.ท. มากมาย จนทำให้แม้แต่กระทรวงการคลัง ก็ไม่สามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของประเทศได้อย่างเต็มที่ เพราะ พ.ร.บ. ดังกล่าว ไม่ได้กำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ของ ร.ม.ว.คลังไว้อย่างชัดเจน
ส่วนการที่ นาย เกียรติ อ้างว่า นักวิชาการส่วนใหญ่ เห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ช่วยอะไร ซึ่งน่าจะหมายถึง ไม่ได้แก้ปัญหาเงินบาทแข็งนั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่จริงแล้ว นักวิชาการส่วนใหญ่ ได้เสนอความเห็นผ่านสื่อมาโดยตลอด ว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นหนึ่งในมาตรการที่ ธปท. สามารถใช้เพื่อสกัดเงินทุนต่างประเทศ ไม่ให้ไหลเข้าไทยซึ่งจะส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงได้ ดังนั้น คำพูดของนาย เกียรติ ที่ระบุว่า การลดอัตราดอกเบี้ย ไม่ได้ช่วยอะไร จึงเป็นคำพูดที่ไม่เป็นความจริง ทั้งยังเป็นการบิดเบือนความคิดเห็นของนักวิชาการอีกด้วย
นอกจากนั้นจากเอกสารรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทยและคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่รายงานต่อ ค.ร.ม. เมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ระบุว่า สาเหตุของการแข็งค่าของเงินบาท เกิดจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศ ดังนั้น การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จึงเป็นทางเลือกหนึ่ง ที่สามารถสกัดเงินทุนต่างประเทศ ไม่ให้ไหลเข้าไทยเพราะจะลดแรงจูงใจของนักลงทุนต่างชาติที่ต้องการแสวงผลกำไรในระยะสั้น แล้วอย่างนี้ นาย เกียรติ จะอ้างว่า การลดอัตราดอกเบี้ย จะไม่ได้ช่วยอะไร หรือ ไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหาเงินบาทแข็งได้อย่างไร
นักเศรษฐศาสตร์และนักธุรกิจชั้นนำเห็นว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เป็นมาตรการหนึ่งในการแก้ปัญหาเงินบาทแข็ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการส่งออก ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการนำรายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่การทำให้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บางรายได้ประโยชน์อย่างที่นาย เกียรติ กล่าวหาอย่างไร้หลักฐาน ตรงกันข้าม หากปล่อยให้เงินบาทแข็งค่า โดยไม่รีบแก้ไข จะมีผู้เดือดร้อนมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้ส่งออก ผู้ผลิตวัตถุดิบป้อนผู้ส่งออก ธุรกิจภาคท่องเที่ยวและบริการในประเทศ หากธุรกิจเหล่านี้ต้องปิดกิจการลง จะทำให้คนไทยจำนวนมากต้องตกงาน อย่างไรก็ตาม การที่ค่าเงินบาทแข็งค่า ก็จะมีบุคคลบางจำพวกได้ประโยชน์ คือ คนปล่อยเงินกู้ นักเล่นหุ้นรายใหญ่ ๆ ในตลาด จึงขอถาม นาย เกียรติว่า เหตุที่พวกท่านคัดค้านการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทั้ง ๆ ที่ รู้เต็มอกว่าเป็นมาตรการหนึ่งที่จะแก้ปัญหาการแข็งค่าของเงินบาทนั้น ท่านได้คำนึงถึงชะตากรรมของผู้ประกอบการส่งออกที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอยู่ในขณะนี้หรือไม่
ที่มา เฟซบุคของคุณนพดล https://www.facebook.com/noppadonpat/posts/10200963064296014