[นิยายจีน] อภินิหารสำเภาเทพทองคำ : ตอนที่ 3 พายุไม่สงบ

กระทู้สนทนา
อภินิหารสำเภาเทพทองคำ : ตอนที่ 1 พิษสิบลี้ http://pantip.com/topic/30478782
อภินิหารสำเภาเทพทองคำ : ตอนที่ 2 ยุทธการแรก http://pantip.com/topic/30491741

พายุไม่สงบ

สำนักอันดับต้นๆ ของแผ่นดินประกอบด้วยสี่สำนักที่คานอำนาจกันอยู่ ได้แก่ สำนักทวนดาวตก สำนักเกาทัณฑ์สายฟ้า สำนักดาบทอง และ สำนักโล่ห์เหล็ก ทั้งสี่สำนักนี้ดำรงความสัมพันธ์แบบสี่เส้าแม้ไม่ใช่พันธมิตรแต่ก็มิใช่ศัตรู ทุกสี่ปีจะมีการประลองเพื่อชิงความเป็นจ้าวยุทธจักร ที่ผ่านมาสำนักดาบทองกับทวนดาวตก ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ส่วนสำนักโล่ห์เหล็กไม่ได้เน้นวิชาการต่อสู้จึงไม่ใคร่ให้ความสนใจกับการประลองเท่าใดนัก สำนักเกาทัณฑ์สายฟ้า โดยสภาพของศาสตราวุธ ก็ไม่เหมาะแก่การประลองอยู่แล้ว วาระปัจจุบันนี้เป็นของสำนักดาบทอง ซึ่งเหลือเวลาอีกประมาณหนึ่งปีครึ่งจึงจะถึงรอบการชิงชัยรอบใหม่

สภาวะการณ์ตอนนี้ บุตรชายคนโตสำนักเกราะดำได้เปรียบเต็มที่จึงมีท่าทีไม่เร่งร้อนเท่าใดนัก ค่อยๆ ย่างสามขุมคุกคามเข้ามาเรื่อยๆ ระยะการต่อสู้หดแคบลงเหลือเพียงสิบก้าวเท่านั้น จางฮุ่ยที่รองเท้าหนังวัวสีดำติดในช่องแตกของกระเบื้อง นึกอยากโทษมารดาตัวเองที่ให้เท้าใหญ่โตผิดมนุษย์มาด้วย เหลืออีกเพียงห้าก้าวเท่านั้นศัตรูก็จะถึงตัว พริบตานั้นคุณชายสำนักอธรรมทุ่มเทกำลังภายในถึงแปดส่วนหมายเผด็จศึกแม่ทัพฝ่ายตรงข้ามให้สิ้น ด้วยอีกไม่กี่ชั่วยามก็จะย่างเข้าสู่วันใหม่แล้ว ดังนั้นไม่อาจเห็นแก่คุณธรรมจริยธรรมอันใด เงื้อดาบขึ้นหมายฟันคอนักศึกษาผู้นี้ให้จบชีวิตอย่างไม่ทรมาณก็นับว่าเมตตามากแล้ว

เสียงดาบแหวกอากาศดังหวือได้ยินทางขวา ทันใดนั้น จางฮุ่ย จากที่อยู่ในท่ายืนก็เปลี่ยนผันเป็นท่าปลาหลี่อวี๋พลิกตัวกลิ้งหลบคมดาบได้อย่างหวุดหวิด ดาบนั้นจึงหวดลงบนกระเบื้องดินเผาทิ้งรอยแตกยาวถึงสี่เชียะ คนไปแล้ว แต่รองเท้ายังอยู่คาช่องแตกนั้น จางฮุ่ยลุกขึ้นยืนได้ก็กลับมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อม เท้าข้างหนึ่งเปลือยเปล่าข้างหนึ่งใส่รองเท้าหนังสีดำ ดูไปน่าขันยิ่งนัก หากแต่ในห้วงความเป็นความตายนี้ไม่มีผู้ใดหัวเราะออก คุณชายชุดเกราะดำขลิบทองประเมินสถานการณ์คู่ต่อสู้คร่าวๆ อันดับแรก คู่ต่อสู้ใช้ดาบหน้าใหญ่ ย่อมมีน้ำหนักมาก ดังนั้นจึงเหมาะกับการฟันมากกว่า การฟันนั้นก็จะทำได้ช้าเนื่องจากต้องอาศัยระยะเงื้อดาบกว้าง อีกทั้งเมื่อฟันแล้วพลาดจะเกิดช่องโหว่ใหญ่ ดังนั้นตนเองซึ่งใช้ดาบแคบเรียวจะใช้การแทงเป็นหลักเพื่ออาศัยจุดเด่นทางด้านความเร็วและคล่องตัว เมื่อกำหนดแผนการต่อสู้เป็นมั่นเหมาะแล้ว บุตรชายสำนักใหญ่ก็นึกกระหยิ่มยิ้มย่องที่มุมปากประดับรอยยิ้มวูบหนึ่ง

“มาแล้ว” จางฮุ่ยนึกในใจ รูปแบบการรุกไม่ได้เกินความคาดหมายศิษย์สำนักที่เด่นเรื่องพิชัยสงคราม ฝ่ายตรงข้ามจู่โจมโดยใช้ท่าแทง สามดาบแรกมุ่งไปที่จุดตาย หนึ่งเพื่อหยั่งฝีมือ สอง หากฝ่ายตรงข้ามด้อยฝีมือก็จะส่งลงสู่ปรโลกทันทีไม่ต้องเสียเวลา หากแต่ดาบหน้าใหญ่เคลื่อนไหวไม่เชื่องช้าแม้แต่น้อย สร้างความแปลกใจให้กับเหล่าศิษย์สำนักเกราะดำ อย่างไรก็ตาม ดาบของจางฮุ่ยเป็นเพียงการปัดป้อง ความได้เปรียบยังคงเป็นของผู้นำกองกำลังเกราะดำ อีกยี่สิบดาบถัดมา เป็นการแทงหลอกบ้างจริงบ้าง แต่เมื่อมีช่องโหว่จึงแฝงกำลังภายใน หากเป็นนักสู้ที่ช่ำชอง การรักษากำลังภายในเป็นสิ่งจำเป็น การใช้ลมปราณโดยพร่ำเพรื่ออาจทำให้ตกเป็นรองในช่วงท้ายการต่อสู้ หากยืดเยื้อ ดาบหน้าใหญ่นั้นกลับมีความคล่องตัวสูสีกับดาบเรียวอย่างไม่น่าเชื่อ

ควรทราบว่าจางฮุ่ยเป็นศิษย์สำนักพิสดาร ไม่เน้นวิชาการต่อสู้ หากแต่เน้นศิลปะ วิทยาการ กลยุทธ์ พิชัยสงคราม หากแต่หลุดพ้นกรอบความคิดแบบเดิมๆ ส่งเสริมให้ศิษย์มีจินตนาการกว้างไกล เช่นนี้กลับเป็นคุณอย่างมหาศาล ศิษย์สำนักโล่ห์เหล็กจึงเป็นผู้ไม่ยึดติดกับขนบธรรมเนียม หรือ กฏเกณฑ์ใดๆ สามารถสร้างเคล็ดวิชา รูปแบบการต่อสู้เฉพาะตนขึ้นมา จะสูงจะต่ำอย่างไรนั้น อาจารย์ผู้ดูแลจะเป็นผู้ชี้แนะให้ไปแก้ไขข้อบกพร่องเอาเอง เช่นนี้ ดาบหน้ากว้างของจางฮุ่ยจึงสั่งให้ช่างตีเหล็กหล่อหลอมขึ้นเป็นพิเศษ มีน้ำหนักน้อยกว่าดาบหน้าใหญ่ธรรมดากว่าครึ่ง อีกทั้งมีความเหนียวหยุ่น ทราบว่ามูลค่าดาบพิเศษนี้เพียงพอให้ครอบครัวชาวบ้านทั่วไปดำรงชีพได้ครึ่งค่อนปี

ล่วงไปสิบกว่าเพลง ยังไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด บุตรชายเจ้าสำนักที่ถือดีว่าฝึกวิชาฝีมือและจัดเจนการใช้สารพัดอาวุธตั้งแต่เล็ก เนื่องจากบิดาได้จ้างครูฝึกที่ใช้อาวุธเฉพาะกว่าสิบคน ไม่ว่าจะเป็นครูกระบี่ ครูดาบ ครูทวน ครูกระบอง ครูง้าว เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ให้แก่บุตรชาย หากแต่ดาบหน้ากว้างก็คือดาบหน้ากว้าง ไม่ใช่ดาบหน้ากว้างพิเศษเล่มนี้ คนใช้ดาบเรียวเริ่มมีโทสะเนื่องจากไม่อาจเผด็จศึกนักศึกษาประหลาดผู้นี้ได้จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ยิ่งนานไปบริวารบ่าวไพร่จะเสื่อมสิ้นศรัทธา ถึงคราจำเป็นต้องใช้ออกด้วยหนึ่งในสามท่าไม้ตาย ถึงแม้จะนึกเสียดายอยู่บ้าง เนื่องจากท่าไม้ตายหากถูกใช้ออกแล้วครั้งหนึ่งแล้วย่อมยากที่จะประสบผลในครั้งต่อไป ควรใช้ในคราวคับขันถึงชีวิตจริงๆ

ชายเกราะดำตอนนี้ดูไปถทึงน่ากลัวยิ่ง ใบหน้าของมันเคร่งเครียด ขนคิ้วชูชันแยกเขี้ยวคำรามโถมเข้าหาจางฮุ่ย ดาบนี้แฝงกำลังภายในเต็มที่แบบไม่ออมรั้ง ความเร็วของดาบเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ฝีเท้าจางฮุ่ยเริ่มสับสน แม้ท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมายังรู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดพรายไม่หยุดยั้ง ดาบหน้าใหญ่เริ่มติดขัดแล้ว เป็นเรื่องปกติสำหรับผู้ที่ไม่ได้เน้นการฝึกวิชาสายต่อสู้ กำลังภายในย่อมไม่เข้มแข็งคงที่ อีกทั้งสภาพร่างกายก็มิอาจยืนระยะสู้ความเหนื่อยล้า หนำซ้ำศัตรูทุ่มเทกำลังภายในออกในทุกกระบวนท่า ภายในหัวสมองจางฮุ่ยวกวนสับสนนึกหาแผนการรับมือ “แคร้ง” ดาบนี้หนักหน่วงรุนแรงเกินไปจริงๆ จางฮุ่ยมัวแต่ปัดป้องท่าแทง จนลืมนึกไปว่าดาบเรียวก็ใช้ฟันได้เหมือนกัน กว่าจะรู้ตัวก็ให้ปวดง่ามมือแทบฉีกขาด ดาบคู่มือปลิวกระเด็นไปไกลกว่าห้าก้าว

เสียงฟ้าร้องครืนครืนเหมือนเสียงโห่ร้องของเหล่าอสูรให้ลงอาญาผู้แพ้ ดาบอยู่คนอยู่ ดาบของจางฮุ่ยสิ้นแล้ว สายฝนเริ่มเบาบางจนเห็นเป็นละออง กองกำลังเกราะดำกระเหี้ยนกระหือรือยิ่ง เปล่งเสียง “ฆ่า ฆ่า” กึกก้อง คนของหมู่ตึกไหมหยกสุดที่ทนดูได้หลับตาลง ท่านแม่ของเสี่ยวอวี๋ไม่อาจหลบอยู่ในที่ซ่อนต่อไป นางจำต้องวิ่งออกมาขอเพียงได้คารวะผู้มีพระคุณแม้เป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี “หยิบดาบ” คุณชายเกราะดำหยิบยื่นไมตรีอย่างวิญญูชน จางฮุ่ยไม่คาดว่าคนผู้นี้จะปล่อยให้โอกาสดีเพียงหนึ่งเดียวหลุดลอยไป เมื่อไรก็ตามที่ตัวเองก้มลงหยิบดาบอาจจะไม่สามารถรักษาศีรษะเอาไว้ได้ อย่างไรก็ตามดาบคู่มือเป็นดาบพิเศษ อาจมีโอกาสหนึ่งในร้อยที่จะวกกลับมาป้องกันได้ทัน ระยะการต่อสู้ร่นเข้ามาเหลือสามก้าวอีกครั้ง

จางฮุ่ยสืบเท้าพร้อมย่อตัวลงเก็บดาบด้วยมือขวา ไม่ย่อเปล่าแต่หมุนตัวไปด้านซ้ายพร้อมเปลี่ยนมาถือดาบด้วยมือซ้ายหมุนตัวกลับหลังพร้อมตวัดดาบหมายลำคอบุตรชายคนโตสำนักเกราะดำ ดาบเรียวที่เงื้ออยู่ค้างร่วงลงบนพื้นกระเบื้องเคร้ง คนสวมเกราะดำหงายหลังร่วงลงนอนแผ่หรา โลหิตฉีดพุ่งจากลำคอแลดูคล้ายน้ำพุสีเลือด กองกำลังทั้งสองฝ่ายตะลึงงัน ไม่มีฝ่ายใดเคลื่อนไหว “อารักขาคุณชายใหญ่” ที่ปรึกษาซุนแม้ทราบว่าโอกาสรอดคุณชายตัวเองน้อยนิดยิ่ง แต่จำต้องชิงร่างผู้เป็นนายกลับมาก่อน ขณะกำลังนึกว่าจะรุกหรือจะถอยดี ก็บังเกิดเสียงโห่ร้องกึกก้องมาตามทาง ฝ่ายหมู่ตึกร้องเรียกหาคุณชายใหญ่ของตน เป็นขบวนของคุณชายใหญ่และคุณชายรองหมู่ตึกไหมหยก กลับมาถึงก่อนกำหนดสองวัน ฝ่ายสำนักเกราะดำไม่มีทางเลือกนอกจากถอยกลับ ที่ปรึกษาซุนไม่ทราบว่าจะรักษาศีรษะพ้นคืนนี้ได้หรือไม่ นี่เรียกว่าขโมยไก่ไม่สำเร็จ ขาดทุนข้าวสารทั้งยุ้ง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่