เรื่องที่ 1
ผมได้ใช้บริการสินเชื่อบ้านของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยเริ่มกู้ในปี 2010 โดยที่ผมเลือกที่จะใช้การตัดบัญชีอัตโนมัติ เพราะคิดว่าเป็นทางเลือกที่สะดวก เพราะทั้งประหยัดค่าเดินทางและค่าธรรมเนียม แต่ปรากฏว่าปลายปี 2012 ธนาคารได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยของผมขึ้นตามระเบียบและสัญญาเงินกู้ ซึ่งเงินที่ธนาคารได้ตัดผมในแต่ละเดือนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าดอกเบี้ยในแต่ละเดือนซึ่งทำให้ทุก ๆ เดือนที่มีการตัดบัญชีอัตโนมัติ เงินต้นของผมจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนเพราะว่า ธนาคารตัดเงินน้อยกว่าดอกเบี้ย (ตอนนี้ผมรอ statement จากธนาคารอยู่ถ้าได้แล้วผมจะมาอัพโหลดให้ดูว่าเจ็บช้ำขนาดไหน) ผมจึงได้ทำการติดต่อธนาคารเพื่อให้ธนาคารตัดเงินในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้หมดหนี้ตอน 30 ปีพอดี เพราะถ้าผมไม่ได้ดูเอกสารโดยละเอียด และปล่อยไปเรื่อย ๆ พอครบ 30 ปี แทนที่ผมจะหมดหนี้และได้บ้าน กลายเป็นว่าผมจะต้องเป็นหนี้จำนวนหลาย 10 ล้านโดยไม่รู้ตัว เพราะระบบธนาคารจะไม่มองว่าผมผิดนัดและไม่มีการเตือนอะไร และเงินต้นผมก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างช้า
ผมได้โทรติดต่อธนาคารและขอให้ทำการเปลี่ยนยอดตัดบัญชีอัตโนมัติว่าควรจะเป็นจำนวนที่เหมาะสม แต่ธนาคารบอกว่าไม่สามารถทำการย้อนหลังให้ได้ แต่ถ้าต้องการเพิ่มจริง ๆ ผมต้องไปกรอกแบบฟอร์มขอธนาคารด้วยตนเอง (ถ้าผมไม่มีความรู้ผมจะรู้หรือไม่ว่าจะต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ หนี้ถึงจะหมดพอดี 30 ปี)
ดังนั้นผมขอเตือนทุกท่านที่ใช้ระบบการตัดบัญชีอัตโนมัติของ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ให้คอยดูไว้ตลอดด้วยครับไม่งั้นหนี้ท่วมหัวไม่รู้ตัว
เรื่องที่ 2 กลยุทธ์ช่วยเหลือ (ทำร้ายกันแบบโหดสุด ๆ ) กรณีผู้ประสบภัยน้ำท่วมของธนาคาร
ช่วงปลายปี 2011 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้มีการช่วยเหลือผมโดยการไม่หักเงินอัตโนมัติตามปกติ แต่คิดดอกเบี้ย (ช่วยตรงไหนฟะ) หลังจากนั้นกลายเป็นผมมีดอกเบี้ยสะสมที่ต้องจ่าย จำนวนหลายหมื่นบาท ทำให้ผมต้องจ่ายแต่ดอกเบี้ยให้ธนาคารเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี
ซึ่งกรณีนี้ผมต้องติดต่อธนาคารไปหลายครั้งมาก และใช้เวลาหลายเดือนกว่าธนาคารจะยอมรับผิดว่าพักชำระโดยพละการ และทำการตัดเงินของผมไปใส่ย้อนหลัง
อุทาหรณ์คือธนาคารไม่ได้ช่วยเราเลยครับ เรื่องน้ำท่วมแต่เป็นการเพิ่มรายได้ของธนาคาร เพราะเค้าพักชำระ (ให้เราไม่ต้องจ่าย แต่กลับคิดดอกเบี้ยเรา)
เตือนภัย ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ระวังหนี้ท่วมหัวไม่รู้ตัว
ผมได้ใช้บริการสินเชื่อบ้านของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) โดยเริ่มกู้ในปี 2010 โดยที่ผมเลือกที่จะใช้การตัดบัญชีอัตโนมัติ เพราะคิดว่าเป็นทางเลือกที่สะดวก เพราะทั้งประหยัดค่าเดินทางและค่าธรรมเนียม แต่ปรากฏว่าปลายปี 2012 ธนาคารได้มีการปรับอัตราดอกเบี้ยของผมขึ้นตามระเบียบและสัญญาเงินกู้ ซึ่งเงินที่ธนาคารได้ตัดผมในแต่ละเดือนนั้นมีจำนวนน้อยกว่าดอกเบี้ยในแต่ละเดือนซึ่งทำให้ทุก ๆ เดือนที่มีการตัดบัญชีอัตโนมัติ เงินต้นของผมจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนเพราะว่า ธนาคารตัดเงินน้อยกว่าดอกเบี้ย (ตอนนี้ผมรอ statement จากธนาคารอยู่ถ้าได้แล้วผมจะมาอัพโหลดให้ดูว่าเจ็บช้ำขนาดไหน) ผมจึงได้ทำการติดต่อธนาคารเพื่อให้ธนาคารตัดเงินในจำนวนที่เหมาะสม เพื่อที่จะได้หมดหนี้ตอน 30 ปีพอดี เพราะถ้าผมไม่ได้ดูเอกสารโดยละเอียด และปล่อยไปเรื่อย ๆ พอครบ 30 ปี แทนที่ผมจะหมดหนี้และได้บ้าน กลายเป็นว่าผมจะต้องเป็นหนี้จำนวนหลาย 10 ล้านโดยไม่รู้ตัว เพราะระบบธนาคารจะไม่มองว่าผมผิดนัดและไม่มีการเตือนอะไร และเงินต้นผมก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ อย่างช้า
ผมได้โทรติดต่อธนาคารและขอให้ทำการเปลี่ยนยอดตัดบัญชีอัตโนมัติว่าควรจะเป็นจำนวนที่เหมาะสม แต่ธนาคารบอกว่าไม่สามารถทำการย้อนหลังให้ได้ แต่ถ้าต้องการเพิ่มจริง ๆ ผมต้องไปกรอกแบบฟอร์มขอธนาคารด้วยตนเอง (ถ้าผมไม่มีความรู้ผมจะรู้หรือไม่ว่าจะต้องจ่ายเดือนละเท่าไหร่ หนี้ถึงจะหมดพอดี 30 ปี)
ดังนั้นผมขอเตือนทุกท่านที่ใช้ระบบการตัดบัญชีอัตโนมัติของ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ให้คอยดูไว้ตลอดด้วยครับไม่งั้นหนี้ท่วมหัวไม่รู้ตัว
เรื่องที่ 2 กลยุทธ์ช่วยเหลือ (ทำร้ายกันแบบโหดสุด ๆ ) กรณีผู้ประสบภัยน้ำท่วมของธนาคาร
ช่วงปลายปี 2011 ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) ได้มีการช่วยเหลือผมโดยการไม่หักเงินอัตโนมัติตามปกติ แต่คิดดอกเบี้ย (ช่วยตรงไหนฟะ) หลังจากนั้นกลายเป็นผมมีดอกเบี้ยสะสมที่ต้องจ่าย จำนวนหลายหมื่นบาท ทำให้ผมต้องจ่ายแต่ดอกเบี้ยให้ธนาคารเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี
ซึ่งกรณีนี้ผมต้องติดต่อธนาคารไปหลายครั้งมาก และใช้เวลาหลายเดือนกว่าธนาคารจะยอมรับผิดว่าพักชำระโดยพละการ และทำการตัดเงินของผมไปใส่ย้อนหลัง
อุทาหรณ์คือธนาคารไม่ได้ช่วยเราเลยครับ เรื่องน้ำท่วมแต่เป็นการเพิ่มรายได้ของธนาคาร เพราะเค้าพักชำระ (ให้เราไม่ต้องจ่าย แต่กลับคิดดอกเบี้ยเรา)