เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ.2556 ที่สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน ชั้น 13 อาคารไอบีเอ็ม กรุงเทพฯ สถาบันรามจิตติ ในฐานะสำนักประสานงานเครือข่ายวิจัยด้านเด็ก เยาวชน และการศึกษาของ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) จัดเสวนา อินเทรนด์ ครั้งที่ 7 เรื่อง “จับกระแสการวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนจากประสบการณ์นานาประเทศ” โดยมี ดร.สีลาภรณ์ บัวสาย รองผู้อำนวยการ สกว. เป็นประธาน
ดร.จุฬาภรณ์ มาเสถียรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า จากการศึกษาการวัดและประเมินผลผู้เรียนในหลายๆ ประเทศ พบว่าเกือบทุกประเทศมีการปรับทิศทางระบบการวัดและประเมินผลที่เน้นการวัดประเมินเพื่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น แคนาดา เดนมาร์ก อังกฤษ อิตาลี สกอตแลนด์ เน้นความสำคัญกับ School-Based Assessment เพื่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการประเมินตั้งแต่ระดับห้องเรียน ชั้นเรียน จนถึงระบบโรงเรียน หรือประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เน้นที่ความรับผิดชอบของครูมืออาชีพ ที่ต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของลูกศิษย์ของตน การศึกษาไทยควรเน้นที่การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การปฏิรูปการผลิตและพัฒนาครู และการปฏิรูประบบการบริหารจัดการโดยรวมด้วย ดังนั้นครูประเทศญี่ปุ่นและฟินแลนด์จะมีวุฒิการศึกษาสูงระดับปริญญาโทและมีเงินเดือนเทียบเท่าวิศวะ
ดร.ปรีชาญ เดชศรี รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)กล่าวว่าการปรับรูปแบบการวัดและประเมินผลต้องเป็นการวัดและประเมินผลเพื่อวัดพัฒนาการของเด็ก ประเมินเพื่อความเรียนรู้ และประเมินเพื่อความสำเร็จ
"ประเทศที่พัฒนาเด็กได้อย่างประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ทุกประเทศปรับเจตคติของเด็กตั้งแต่ต้น แต่เด็กไทยเจตคติต่ำมาก และเวลามีการขับเคลื่อนระบบการศึกษา ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเจตคติ พูดแต่เรื่องวัดความรู้ วัดทักษะ แต่ไม่ได้พัฒนาส่วนที่เป็นตัวคน ดังนั้น ประเทศไทยต้องมาดูตัวเองว่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า เด็กไทยจะไปในทิศทางไหน อย่าไปไล่ตามเงาดูกระแสของประเทศอื่น" รองผอ.สสทวท.กล่าว
ด้าน ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า สิ่งซึ่งท้าทายที่สุดของการศึกษาไทย คือ ทำอย่างไรให้การศึกษาเป็น “เสื้อสั่งตัด” ไม่ใช่ “เสื้อโหล อย่างที่เป็นมา การเรียนรู้และการวัดและประเมินผลทั้งหมดจึงต้องเป็น “กระบวนการที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย” เพียงพอที่จะรองรับความแตกต่างในความถนัด ความสนใจ หรือแม้แต่ปัญหาที่มีในเด็กแต่ละคน ซึ่งจะทำให้การศึกษาสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้นต่อไป
"ปัจจุบันอุปสรรคสำคัญคือระบบการสอบระดับชาติเช่น โอเน็ต ที่ใช้ประกอบการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นตัวกดดันทั้งครูและเด็กทำให้การสอบในโรงเรียนมัธยมกลายเป็นการติวข้อสอบมากกว่าการจัดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้แก่เด็กอย่างแท้จริง" ดร.อมรวิชช์ กล่าว
ด้านนายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง กล่าวว่า ในการวัดเด็ก โรงเรียนคิดค้นเครื่องมือการวัดและประเมินผล ที่เรียกว่า การวัดและประเมินผลเพื่อคุณพ่อมหาวิทยาลัย คือนำข้อสอบโอเน็ต และตัวชี้วัดของกระทรวงศึกษาธิการมากาง โดยให้ครูสอนตามเนื้อหาหลักสูตรให้ครบ โดยที่ครูไม่ต้องออกข้อสอบเอง แต่โรงเรียนจะออกข้อสอบให้ พบว่านักเรียนทำคะแนนโอเน็ตได้ดีขึ้น สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้มากขึ้น ขณะเดียวกันครูก็สอนได้ครบหลักสูตร และทำให้ครูสนใจการสอนในห้องเรียนดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวงเสวนายังให้ข้อมูลว่าจากการวิจัยข้อสอบโอเน็ตจะพบว่าไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคุณธรรมจริยธรรมเลยจึงทำให้เด็กไม่ให้ความสนใจด้านนี้ พร้อมกันนี้ยังพบผู้ปกครองที่จัดการเรียนการสอนแบบการศึกษาทางเลือกไทยและโรงเรียนบ้านเรียนหรือโฮมสคูล เนื่องจากไม่มีความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของรัฐ ทั้งนี้โดยจัดการเรียนการสอบยึดอาชีพเกษตรพอเพียงและวิถีพุทธเป็นหลัก หรืออย่างเช่นผู้ปกครองของนายอรรถนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ นักสนุกเกอร์เยาวชนทีมชาติไทยก็ได้แสดงความคิดเห็นด้วย
พร้อมกันนี้หลวงพ่อสังคม ธนปัญโญ รองเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ผู้รับผิดชอบโฮมสคูลของวัด ได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมเสวนาด้วย กล่าวว่า เนื่องจากการจัดการศึกษาของไทยร่วมถึงคณะสงฆ์และมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย ยังไม่สามารถพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ และละเลยแนวความคิดของพระพุทธเจ้า พระพุทธทาส พระพรหมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเวณศกวัน จ.นครปฐม จึงได้มีแนวคิดที่จัดการศึกษาให้เยาวชนในชุมชนแบบโฮมสคูลขึ้นยึดวิถีพุทธและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสำคัญ โดยปีการศึกษานี้เปิดรับจำนวน 20 คนทั้งๆที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์ให้รับ 50 คน แต่เนื่องจากเห็นว่าปริมาณมากแต่คุณภาพอาจจะด่อยลงไป
ท้ายที่สุด ดร.สีลาภรณ์ได้มีข้อสังเกตว่า การวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนจากฐานโรงเรียนโดยครูมืออาชีพนี้เองจะเป็นเงื่อนไขปัจจัยสำคัญในการพาประเทศไปสู่การบรรลุเป้าหมายการศึกษา ซึ่งในปัจจุบันเองทางสกว.เองได้มีแนวคิดที่จะการดำเนินการขยายผลในเรื่องนี้ผ่านชุดโครงการที่น่าสนใจ อาทิ โครงการพัฒนาเครือข่ายครูเชิงพื้นที่ในแนวทางของการสร้างชุมชนการเรียนรู้ โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลการจัดการศึกษาซี่งสอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ฯลฯ ต่อไป
http://www.komchadluek.net/
ทำอย่างไรให้เด็กรักเรียน มีความสุขกับการเรียน ชอบเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความรู้จริงในเรื่องที่ชอบเรียน และสุดท้ายเป็นคนดี
ผลการเสวนาเกี่ยวกับ "โอเน็ต"
ดร.จุฬาภรณ์ มาเสถียรวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า จากการศึกษาการวัดและประเมินผลผู้เรียนในหลายๆ ประเทศ พบว่าเกือบทุกประเทศมีการปรับทิศทางระบบการวัดและประเมินผลที่เน้นการวัดประเมินเพื่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างชัดเจนมากขึ้น เช่น แคนาดา เดนมาร์ก อังกฤษ อิตาลี สกอตแลนด์ เน้นความสำคัญกับ School-Based Assessment เพื่อการพัฒนาผู้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการประเมินตั้งแต่ระดับห้องเรียน ชั้นเรียน จนถึงระบบโรงเรียน หรือประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เน้นที่ความรับผิดชอบของครูมืออาชีพ ที่ต้องรับผิดชอบต่ออนาคตของลูกศิษย์ของตน การศึกษาไทยควรเน้นที่การปฏิรูปกระบวนการเรียนรู้ การปฏิรูปการผลิตและพัฒนาครู และการปฏิรูประบบการบริหารจัดการโดยรวมด้วย ดังนั้นครูประเทศญี่ปุ่นและฟินแลนด์จะมีวุฒิการศึกษาสูงระดับปริญญาโทและมีเงินเดือนเทียบเท่าวิศวะ
ดร.ปรีชาญ เดชศรี รองผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.)กล่าวว่าการปรับรูปแบบการวัดและประเมินผลต้องเป็นการวัดและประเมินผลเพื่อวัดพัฒนาการของเด็ก ประเมินเพื่อความเรียนรู้ และประเมินเพื่อความสำเร็จ
"ประเทศที่พัฒนาเด็กได้อย่างประสบความสำเร็จไม่ว่าจะเป็น ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี สิงคโปร์ ทุกประเทศปรับเจตคติของเด็กตั้งแต่ต้น แต่เด็กไทยเจตคติต่ำมาก และเวลามีการขับเคลื่อนระบบการศึกษา ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเจตคติ พูดแต่เรื่องวัดความรู้ วัดทักษะ แต่ไม่ได้พัฒนาส่วนที่เป็นตัวคน ดังนั้น ประเทศไทยต้องมาดูตัวเองว่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า เด็กไทยจะไปในทิศทางไหน อย่าไปไล่ตามเงาดูกระแสของประเทศอื่น" รองผอ.สสทวท.กล่าว
ด้าน ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ที่ปรึกษาสถาบันรามจิตติ กล่าวว่า สิ่งซึ่งท้าทายที่สุดของการศึกษาไทย คือ ทำอย่างไรให้การศึกษาเป็น “เสื้อสั่งตัด” ไม่ใช่ “เสื้อโหล อย่างที่เป็นมา การเรียนรู้และการวัดและประเมินผลทั้งหมดจึงต้องเป็น “กระบวนการที่ยืดหยุ่นและหลากหลาย” เพียงพอที่จะรองรับความแตกต่างในความถนัด ความสนใจ หรือแม้แต่ปัญหาที่มีในเด็กแต่ละคน ซึ่งจะทำให้การศึกษาสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการมีชีวิตที่มั่นคงมากขึ้นต่อไป
"ปัจจุบันอุปสรรคสำคัญคือระบบการสอบระดับชาติเช่น โอเน็ต ที่ใช้ประกอบการเข้ามหาวิทยาลัยเป็นตัวกดดันทั้งครูและเด็กทำให้การสอบในโรงเรียนมัธยมกลายเป็นการติวข้อสอบมากกว่าการจัดกระบวนการเรียนรู้และพัฒนาความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ให้แก่เด็กอย่างแท้จริง" ดร.อมรวิชช์ กล่าว
ด้านนายรัตน์ชัย ศรสุวรรณ ผู้อำนวยการโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง กล่าวว่า ในการวัดเด็ก โรงเรียนคิดค้นเครื่องมือการวัดและประเมินผล ที่เรียกว่า การวัดและประเมินผลเพื่อคุณพ่อมหาวิทยาลัย คือนำข้อสอบโอเน็ต และตัวชี้วัดของกระทรวงศึกษาธิการมากาง โดยให้ครูสอนตามเนื้อหาหลักสูตรให้ครบ โดยที่ครูไม่ต้องออกข้อสอบเอง แต่โรงเรียนจะออกข้อสอบให้ พบว่านักเรียนทำคะแนนโอเน็ตได้ดีขึ้น สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้มากขึ้น ขณะเดียวกันครูก็สอนได้ครบหลักสูตร และทำให้ครูสนใจการสอนในห้องเรียนดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวงเสวนายังให้ข้อมูลว่าจากการวิจัยข้อสอบโอเน็ตจะพบว่าไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและคุณธรรมจริยธรรมเลยจึงทำให้เด็กไม่ให้ความสนใจด้านนี้ พร้อมกันนี้ยังพบผู้ปกครองที่จัดการเรียนการสอนแบบการศึกษาทางเลือกไทยและโรงเรียนบ้านเรียนหรือโฮมสคูล เนื่องจากไม่มีความเชื่อมั่นในระบบการศึกษาของรัฐ ทั้งนี้โดยจัดการเรียนการสอบยึดอาชีพเกษตรพอเพียงและวิถีพุทธเป็นหลัก หรืออย่างเช่นผู้ปกครองของนายอรรถนิธิ์ ส่งเสริมสวัสดิ์ นักสนุกเกอร์เยาวชนทีมชาติไทยก็ได้แสดงความคิดเห็นด้วย
พร้อมกันนี้หลวงพ่อสังคม ธนปัญโญ รองเจ้าอาวาสวัดพระบรมธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ผู้รับผิดชอบโฮมสคูลของวัด ได้รับนิมนต์ให้เข้าร่วมเสวนาด้วย กล่าวว่า เนื่องจากการจัดการศึกษาของไทยร่วมถึงคณะสงฆ์และมหาวิทยาลัยสงฆ์ด้วย ยังไม่สามารถพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ได้ และละเลยแนวความคิดของพระพุทธเจ้า พระพุทธทาส พระพรหมคุณาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดเวณศกวัน จ.นครปฐม จึงได้มีแนวคิดที่จัดการศึกษาให้เยาวชนในชุมชนแบบโฮมสคูลขึ้นยึดวิถีพุทธและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นสำคัญ โดยปีการศึกษานี้เปิดรับจำนวน 20 คนทั้งๆที่กระทรวงศึกษาธิการประสงค์ให้รับ 50 คน แต่เนื่องจากเห็นว่าปริมาณมากแต่คุณภาพอาจจะด่อยลงไป
ท้ายที่สุด ดร.สีลาภรณ์ได้มีข้อสังเกตว่า การวัดและประเมินผลเพื่อพัฒนาผู้เรียนจากฐานโรงเรียนโดยครูมืออาชีพนี้เองจะเป็นเงื่อนไขปัจจัยสำคัญในการพาประเทศไปสู่การบรรลุเป้าหมายการศึกษา ซึ่งในปัจจุบันเองทางสกว.เองได้มีแนวคิดที่จะการดำเนินการขยายผลในเรื่องนี้ผ่านชุดโครงการที่น่าสนใจ อาทิ โครงการพัฒนาเครือข่ายครูเชิงพื้นที่ในแนวทางของการสร้างชุมชนการเรียนรู้ โครงการวิจัยและพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลการจัดการศึกษาซี่งสอดคล้องกับทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ฯลฯ ต่อไป
http://www.komchadluek.net/
ทำอย่างไรให้เด็กรักเรียน มีความสุขกับการเรียน ชอบเรียนรู้ตลอดชีวิต มีความรู้จริงในเรื่องที่ชอบเรียน และสุดท้ายเป็นคนดี