ฤดูที่ฉันเหงา … หนังเหงาที่ดูแล้วไม่เหงา (Spoiler)

จขกท's note

รีวิวนี้มีเพื่อนนามปากกา "ฝาเบียร์" ฝากมาลงครับเพราะเจ้าตัวไม่ได้เป็นสมาชิก เลยถือโอกาสจัดอักษร แก้ไขภายใต้คำแนะนำของผู้เขียน ให้เข้ากับกระทู้ในพันทิปนี้ครับ ถ้าถูกใจยังไงตามไปให้กำลังใจกับเจ้าตัวได้ตามลิงค์ท้ายบทความนะครับ หัวเราะ

คำเตือน: บทวิจารณ์นี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ แนะนำว่าชมภาพยนตร์ก่อนแล้วมาอ่าน แล้วค่อยแลกเปลี่ยนกันนะครับ อ่านก่อนดูจะเสียอรรถรสหนังพี่แดนครับ






“ฝนตก ยิ่งนึกถึงทีไรก็ยิ่งชุ่มฉ่ำอุ่นในหัวใจ” ….



น่าจะเป็นบทเพลงที่หลาย ๆ คนรู้จักและคุ้นหูกันดีผ่านเสียงร้องอันนุ่มนวลขบอง คิว วงฟลัว ในชื่อเพลงชวนเหงา — ฤดูที่ฉันเหงา



             ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่ง ชื่อ ๆ นีั จะไม่ได้จำกัดความอยู่แค่ ชื่อเพลง … แต่ในวันนี้ มันกลับกลายเป็น ชื่อหนัง …. หนังที่หลายคนจับจ้อง และรอดูว่า “หนังไทย” เรื่องนี้ จะมีทิศทางอย่างไรเมื่อเข้าโรงฉาย และดูเหมือนว่าคำถามนี้จะยิ่งน่าสนใจขึ้นเข้าไปอีก เมื่อเหลือบไปเห็นว่า คนเขียนบทและผู้กำกับหนังไทยชื่อเข้าใจง่ายเรื่องนี้คือ “แดน-วรเวช ดานุวงศ์”



              ส่วนตัวแล้วยอมรับว่าเป็นคนหนึ่งที่ติดตามงานของผู้ชายคนนี้ตั้งแต่เข้าวงการ ในนาม D2B เมื่อสิบกว่าปีก่อน ความโด่งดังจากการเป็นบอยแบนด์กับเพื่อน ๆ อีก 2 คน น่าจะเป็นตัวการันตีได้ว่านักร้องกลุ่มนี้ได้เข้าไปอยู่ในหัวใจวัยรุ่นไทยหลายๆคนในยุคนั้น …… แต่นั่นสิบกว่าปีมาแล้ว และไม่มีใครจะล่วงรู้เลยว่า หนึ่งในบอยแบนด์ระดับประเทศจะก้าวขึ้นมาจับงานเบื้องหลังอย่างเต็มตัว ทั้งแต่งเพลง เป็นโปรดิวเซอร์เพลง เป็นผู้จัดละคร กำกับละคร  …… และล่าสุด กับผลงานการเขียนบทและกำกับภาพยนตร์ ฤดูที่ฉันเหงา

ก่อนเข้าโรง……



               สำหรับหนังเรื่องนี้….. หลายคนน่าจะคิดคล้ายๆกันว่าเป็นหนังที่น่าจะดูเข้าใจได้ง่าย เรื่องราวน่าจะเกี่ยวกับความรักในหลาย ๆ รูปแบบ แต่ละคนก็พกพาความเหงามาในสถานการณ์ต่างๆ

               จุดเด่นของเรื่องนี้ที่ (คิดว่า) ผู้กำกับอยากสื่อออกมาก็คือ การใช้สายฝนเป็นตัวเล่าเรื่องความเหงา เพราะเวลาที่ฝนตก หลาย ๆ คนอาจจะยิ่งทวีคูณความเหงาในตัวเองเพิ่มมากขึ้น บางคนอาจจะคิดถึงแฟนเก่า บางคนแอบหลงรักใครก็จะเกิดอาการเพ้อหา มองสายฝนแล้วแอบยิ้มหรือแอบร้องไห้ลำพัง…..

แล้วหนังเรื่องนี้ก็เป็นเช่นนั้น …..



                เรื่องราวเล่าออกมาอย่างเรียบง่าย พูดถึงเรื่องราวของคนกลุ่มหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ตัวละครมีความเกี่ยวโยงกันด้วยสถานการณ์ที่หนังพาไป

   - คุง และ นารา : ความรักในวัยรุ่นที่สะท้อนชีวิตรักธรรมดา ๆ ทั่วไปได้อย่างเข้าใจได้ไม่ยาก ผู้หญิงน่ารักคิกขุ ย่อมต้องมีผู้ชายมาหลงรัก และผู้ชายคนนั้นก็คือ “คุง” ที่แสดงโดย “แจ๊ค แฟนฉัน” …. แน่นอนว่าหนุ่มในใจของสาวเจ้าต้องไม่ใช่ผู้ชายอย่างแจ๊ค … แต่เรื่องหัวใจห้ามได้ที่ไหน??



นี่คือคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบในฤดูเหงาของหนุ่มสาวคู่นี้ …. หนังเล่าออกมาว่าคุงหลงรักนาราตั้งแต่แรกเห็น ไม่มีเหตุผล ไม่มีการปูปมหลัง เช่นเดียวกับนารา ที่หลงรักหนุ่มช่างตัดผมร้านใกล้บ้านอย่างไม่มีเงื่อนไข แค่ได้มอง ได้เห็น ได้คุยก็คือสุดยอดแล้ว

นั่งดูก็ได้แต่ยิ้มไป หัวเราะไป เพราะความฮาและน่ารักของแจ๊ค บวกกับการแสดงออกด้านความรักกับนารา  รวมถึงความน่ารักสดใสของน้องนาราเองด้วย ที่แสดงออกมาได้น่ารัก สมวัย….. ต้องยอมรับว่าความรักรูปแบบนี้อาจจะเบสิค และเรียบง่าย เดาได้ไม่ยาก แต่จะยากไปเพื่ออะไร ในเมื่อชีวิตจริงๆ คนเราก็เป็นแบบนี้ เขารักเรา แล้ว เรารักเขา หรือ เรารักเขา แล้วถ้าเขาไม่รักเราล่ะ….. เท่านั้น



   - เดซี่ และ แจน สำหรับพาร์ทของคู่นี้บอกตามตรงว่า ผู้กำกับฉลาดที่จะทำออกมาให้คนดูต้องเดาว่า สองคนนี้เคยเป็นคู่รักกันหรือเปล่า หรือไม่ใช่ เอ๊ะหรือใช่!!!!! ตอนที่ดูตอนแรก scene แรกๆ ยอมรับว่าแอบคิดว่าใช่ แล้วก็งง ว่าไม่ใช่ เมื่อผ่านพ้น scene นั้นไปแล้ว มา scene ท้าย ๆ ที่มั่นใจแล้วว่าเขาสองคนน่าจะเป็นแฟนกันมาก่อน ก็เกิดภาพ flashback กลับไปทันที ทำให้อึ้งและทึ่งกับการเรียงร้อยเรื่องราวของผู้กำกับจริง ๆ ว่าคู่รักที่น่าจะเลิกรากันไปด้วยความเข้าใจผิดอะไรสักอย่าง แต่แล้วทั้งคู่ต่างก็ไม่ได้มีใครใหม่ ยังคงใช้ชีวิตอยู่กับความทรงจำเดิม ๆ เรื่่องราวดี ๆ เก่า ๆ ที่ทั้งคู่เคยมีให้กัน จนวันหนึ่งที่ได้กลับมาพบกันอีก เขาและเธอก็รู้ทันทีว่า

“พวกเขาไม่อาจจะเริ่มต้นกับใครได้ใหม่” จริงๆ





   - นักดนตรีขี้เหงา : บทนี้ที่รับบทโดยผู้กำกับเอง …..

     บทบาทของตัวนี้จะไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุง อารมณ์ว่าเป็นคนคอยให้คำปรึกษาด้านความรัก ใหกำลังใจ เป็นลูกล่อลูกชนกับคุง แต่ในขณะเดียวกันปมหลังของตัวเองก็มีเรื่องให้ชวนเหงาอยู่ไม่น้อย

หนังไม่ได้เล่าถึงที่มาที่ไปอย่างตรงไปตรงมาของความรักที่ไม่น่าจะสมหวังของนักดนตรีคนนี้….. เหมือนดึงอารมณ์ของคนให้รู้สึกว่าเขาเป็นบุคคลที่หายไปจากโลกนี้แล้ว แต่ก็ไม่อาจสรุปได้แน่ชัดจากเรื่อง หรือบางทีอาจเป็นคนที่เลิกกันไป หรืออะไรสักอย่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าที่หนังเหมือนกับไม่ได้เฉลยออกมาเพราะตั้งใจหรือเปล่า ที่อยากจะให้คนดูคิดกันไปเอง……..



                เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ต้องยอมรับว่า ธรรมดา แต่ว่า “มีอะไร” ….. มันธรรมดาที่เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ความรัก ความเหงา ทุก ๆ คนเป็นกันได้ เรื่องราวความรักที่ไม่ซับซ้อน ไม่ยุ่งยาก เข้าใจง่าย แต่มัน มีอะไร ที่หนังเรื่องนี้เล่าและสื่อออกมาโดยผ่านมุมองที่ “ไม่เหงา” หนังพยายามตอบโจทย์ว่า ถ้าเหงาจะทำอย่างไรให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ ทุกคาแรคเตอร์เล่าออกมาได้อย่างน่ารักว่าเขาและเธอเหล่านั้นผ่านความเหงาและเรื่องรักที่ไม่ค่อยจะลงตัวในช่วงเวลาหนึ่งๆไปได้อย่างไร ………

                 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า มีบางจุดของหนังเหมือนกันที่พยายามยัดเรื่องความตลก ความเฮฮาของหนังด้วยมุขต่าง ๆ แต่บางมุขก็ยังไม่สุด หรือบทภาพยนตร์บางบทก็ค่อยข้างหลวมเกินไป บางช่วงน่าจะพูดหรือส่งอารมณ์ได้มากกว่านี้ ให้อารมณ์เหมือนซึ้งไม่สุด ฮาไม่เต็ม …… แต่ก็เป็นแค่จุดเล็ก ๆ เท่านั้น โดยรวมของเรื่องแล้วก็ถือว่าโอเค โดยเฉพาะเรื่องภาพ ภาพสวยมาก และมุมกล่องต่าง ๆ ก็ถ่ายทอดออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

สำหรับ แดน…..



                 นี่ก็ถือเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งของผู้ชายคนนี้ …. เขาเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง พร้อมจะพัฒนาความสามารถตัวเองอยู่เสมอๆ หนังเรื่องนี้แม้จะไม่ได้เป็น production ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เน้นดารานำที่เป็นเซเลป แต่หนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่บ่งบอกถึงความตั้งใจ และความใส่ใจของคนทำหนังได้อย่างดี

                 มันคือรอยยิ้ม ที่เชื่อว่าคนที่เข้าไปดูหลายคน คงยิ้ม รู้สึก และ สัมผัสได้ถึงไอของละอองฝน ที่ครั้งนี้ไม่ได้พาความเหงาเข้ามา หากแต่เป็น “ความรู้สึกใหม่ ๆ” กับหนังไทยที่เค้าว่ากันว่าสไตล์เดิมๆ  อมยิ้ม04



ที่มาบทความ: http://beerthitiapa.wordpress.com/2013/05/11/%E0%B8%A4%E0%B8%94%E0%B8%B9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%89%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B2-%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B8%B2/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่