**:)** นิยายชีวิตจริง (Base on Ture story)

กระทู้สนทนา

นิยายเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากเรื่องจริง




ยิ้ม
บทนำ



เบญจเพส...เป็นความเชื่อมาช้านาน ว่าเป็นช่วงวัยที่อาจมีเคราะห์ หรือมีเหตุสำคัญในชีวิต จึงต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษเมื่อมีอายุ 25 ปี  ฉันเองก็เป็นคนคนหนึ่งที่ชีวิตได้ดำเนินมาจนถึงช่วงวัยแห่งความเปลี่ยนแปลงนี้

ฉันชื่อ “เอมมี่” อายุของฉันพวกคุณคงรู้แล้ว แต่ฉันอยากเล่าความเป็นมาของฉันสักเล็กน้อย ฉันก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงแสนธรรมดาคนหนึ่งที่มีความรักกับผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งมาห้าปี เราสองคนเดินทางมาอยู่ประเทศออสเตรเลียได้สามปีแล้ว ฉันยังจำวันแรกที่เราสองคนเหยียบย่างบนแผ่นดินโลกใต้นี้ได้เป็นอย่างดี ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน เรามีเงินติดตัวมาคนละ 1000 เหรียญและช่วยกันเก็บเล็กผสมน้อยทำมาหากินกันอย่างขยันขันแข็งจนชีวิตความเป็นอยู่ของเราเริ่มดีขึ้น

สามีของฉันชื่อ “เคน” เขาเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขกับการทำงานหาเงิน เรามีความหวัง ความฝันและความทะเยอทะยานที่อยากมีบ้านมีครอบครัวมีเงินทองเยอะๆในขณะที่เรายังเด็ก เคนเป็นผู้ชายที่ดีมากที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมา เขาไม่ดื่มเหล้า ไม่เข้าผับ ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ข้อเสียเพียงอย่างเดียวที่เด่นชัดก็คือเขาเป็นคนประหยัดแบบที่ใครหลายคนเรียกว่า ‘งก’ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับฉัน เพราะฉันมองว่าการเก็บเงินเก็บทองนั้นดีกว่าจะเอาไปใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

ชีวิตของพวกเราราบเรียบ วันหยุดฉันจะพาเขาไปเที่ยวบ้าง บางครั้งเขาก็จะแค่หยุดอยู่บ้านเพราะเขาทำงานหนัก เขาต้องการพักผ่อน เขาทำงานเช้าเริ่มที่ 7 โมงและจะกลับมาทานข้าวที่บ้าน จากนั้นจะออกไปทำงานที่สองประมาณช่วง บ่าย2 และกลับมาถึงบ้านเที่ยงคืนบ้างตีหนึ่งบ้างแล้วแต่ความยุ่งของร้าน ในขณะที่ฉันเหรอ สบายค่ะ ฉันทำธุรกิจบ้านเช่าคือค่าครองชีพที่นี่แพงมาก เมื่อเราเช่าห้องมาหนึ่งยูนิตเป็นลักษณะสองห้องนอนสองห้องน้ำ เราจะซื้อเฟอร์นิเจอร์ ตู้เตียงและหาคนมาแชร์ บ้านหลังหนึ่งจะอยู่กัน 8 คนขึ้นไปเพื่อความประหยัด และเราจะได้กำไรจากส่วนนั้น นั่นคืองานของฉันฉันแค่ดูแลบ้านหลังต่างๆ เก็บเงิน เข้าไปจัดการเรื่องต่างๆน้ำ ไฟ เมื่อมีคนย้ายออกฉันก็ต้องจัดการหาคนมาอยู่แทน โดยที่สามีของฉันเป็นคนทำบัญชีค่ะ

ฟังดูแล้วชีวิตของเราก็ไม่มีอะไรใช่ไหมคะ

จนเมื่อฉันเริ่มเข้าสู่วัยเบญจเพส ความเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่างได้เกิดขึ้นกับชีวิตฉัน  เริ่มจากการที่พ่อแม่ของฉันและสามี ได้พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของพิธีแต่งงาน คือเราสองคนจดทะเบียนสมรสที่ออสเตรเลียโดยที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายรับรู้ เมื่อเวลาล่วงเลยมาสู่ปีที่สามของการอยู่ด้วยกัน แม่ของฉันที่เป็นฝ่ายหญิง และแม่ของสามีก็เริ่มพูดคุยกันถึงความจริงจังในการใช้ชีวิตคู่ของเรา ท่านต้องการให้เรากลับไทยมาจัดพิธีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

แต่เรารู้ว่าเรายังไม่พร้อม

ฉันเองก็ยังสนุกกับการใช้ชีวิต ยังอยากจะทำในหลายสิ่งหลายอย่าง เช่นเดียวกับตัวเขายที่ยังสนุกกับการทำงานหาเงิน เราจึงได้แต่แบ่งรับแบ่งสู้กับทางผู้ใหญ่มาโดยตลอด เพราะฉันเองก็เคยบอกไว้ว่า อยากจัดงานแต่งงานเมื่อวันที่เราพร้อม ไม่ต้องปากกัดตีนถีบ ไม่ใช่แต่งงานมีลูกแล้วต้องหาเช้ากินค่ำให้มีเงินผ่านไปเป็นมื้อๆ ควรมีความมั่นคงกว่านี้สักหน่อย และเราก็ควรเรียนรู้กันไปเรื่อยๆ เพราะฉันเองก็ไมใช่คนดีนักเราต่างยังมีข้อเสียที่ต้องแก้ไข

ฉันติดเที่ยวค่ะ

ฉันติดการเข้าสังคม มีเพื่อนฝูง ไปงานวันเกิดเพื่อน ไปดูคอนเสิร์ต ในขณะที่สามีแทบไม่เคยจะเข้าผับเลย เขาไม่ชอบที่เห็นฉันออกไปเที่ยว แต่ฉันก็ให้เหตุผลเขาว่าฉันต้องมีสังคมเพื่อนฝูง การออกไปเที่ยวฉันไม่เคยเมาหัวราน้ำ ทุกครั้งฉันกลับมาถึงบ้านในสภาพที่ปกติดีมากๆ ฉันรู้ตัวนะว่าฉันดื่มแค่ไหนจะเมา ฉันจึงเป็นคนที่มีสติในการดื่ม เน้นไปทางเที่ยวไปสนุกกับเพื่อนฝูงเสียมากกว่า และฉันไม่ได้ไปทุกอาทิตย์ เดือนหนึ่งฉันจะเทียวเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้ง

เขาบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้ เขาไม่ชอบผู้หญิงเที่ยว ฉันก็ยอมลดการเที่ยวเล่นลงไป กลายเป็นสองสามเดือนครั้ง แต่มันก็ยังทำให้เขาไม่พอใจและฉันเองก็ไม่พอใจที่เขาทำไมถึงรับไม่ได้ ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องเสียหาย ฉันไม่เคยไปเที่ยวแล้วนอนกับผู้ชายคนอื่น แค่ไปกับเพื่อนฝูงเท่านั้น

แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ของเราหรอกค่ะ

เราก็มีทะเลาะกันในบางครั้งที่ฉันไปเที่ยวแต่เราก็กลับมาดีกันทุกครั้ง ไม่เคยทะเลาะกันหนักๆจนถึงขั้นขอเลิก เราก็ยังคงใช้ชีวิตไปตามปกติดี
จนกระทั่งมีคนรู้จักมาชวนสามีของฉันไปเป็นหุ้นส่วนร้านอาหาร...

เราสองคนตื่นเต้นและอยากทำเพราะมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะมีช่องทางทำมาหากิน และอาจมีโอกาสยื่นเรื่องขอเป็นคนทีมีสิทธิ์อาศัยอยู่ในประเทศนี้แบบถาวรผ่านทางการทำธุรกิจ เรามองว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีจึงตัดสินใจจะถือหุ้นส่วนหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของอาถรรพ์เบญจเพส

ร้านอาหารเล็กๆของเรามีพนักงานไม่กี่คน หุ้นส่วนจะแบ่งกันเข้ามาทำในขณะที่สามีและฉันดูแลในครัวเรามีเด็กเสริ์ฟหลักหนึ่งคนชื่อ ปุ้ย เธอดูแลหน้าร้านและทำงานอย่างดีไม่มีบกพร่อง และมีพนักงานส่งโฮมดิลิเวอรี่ที่ชื่อ พี่ตั้ม เราทั้งสี่ทำงานปะสานกันเป็นทีมเวิร์คได้อย่างดี จนกระทั่งปัญหาเริ่มเกิดเมื่อฉันตัดสินใจบินกลับไทยไปทำธุระ...ในขณะเดียวกันปุ้ยเองก็ต้องลาออกเพราะย้ายบ้านหลังใหม่แล้วไม่มีใครเลี้ยงลูก  เราประกาศรับเด็กเสิร์ฟใหม่ และในตอนนั้นเองที่เราได้รู้จักกับผู้หญิงที่ชื่อ “จินนี่”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่