ผมใช้รถมานาน มีเรื่อง “เสียโง่” มาก็มาก อยากจะทยอยเล่าให้ทุกคนได้ทราบ เพื่อจะได้ไม่มีใครจะต้องมาเสียโง่อย่างผม
เรื่องแรก ขอเริ่มจากครั้งที่รถมีอาการสตาร์ทติดยาก แบบถ้าสตาร์ทครั้งแรกไม่ติดก็ต้องลองบิดกุญแจอีกหลายครั้ง
ครั้งแรกๆ ที่รถสตาร์ทไม่ติด ผมไปปรึกษาช่างนอกศูนย์ที่ดูแลรถคันนี้มาอย่างเป็นประจำ, ช่างว่า เป็นที่เกียร์น่าจะเริ่มปัญหา ผมก็ได้แต่รับฟังโดยที่ยังไม่เชื่ออะไร
กระทั่งวันหนึ่ง รถสตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด เรียกว่า ลองบิดกุญแจจนแบตเตอรรี่หมดเลยทีเดียว สุดท้ายต้องเรียกช่างและช่างก็ว่า เป็นที่คันเกียร์ ผมก็แย้งกับช่างว่าไม่น่าจะใช่นะ
ช่างก็ว่า เดี๋ยวลองเปลี่ยนคันเกียร์ดู(เป็นของมือ2 ที่เขามีอยู่แล้วในอู่) ถ้าไม่หายเดี๋ยวเปลี่ยนกลับและไม่คิดเงิน
สุดท้ายเปลี่ยนฯ เสร็จ รถก็ยังสตาร์ทไม่ติด , ช่างก็ลองเอาคันเกียร์อีกอันมาลองอีก ก็ยังไม่ได้ผล, ช่างก็เลยต้องไปเรียกให้ช่างไฟ(รถ)มาช่วย
แล้วปัญหาก็ได้รับการแก้ไข โดยช่างไฟตัดชุดกุญแจรีโมทออกมาแบบยกยวง พร้อมกับแจ้งว่า มันเป็นเพราะระบบของชุดกุญแจรีโมท(ตัวกล่อง)เสื่อมสภาพ ที่สำคัญเขากระซิบกับผมว่า คันเกียร์ไม่เสีย
หลังจากจ่ายเงินให้กับช่างไฟเป็นค่าตัดชุดกุญแจรีโมท 400 บาท, ผมก็คุยกับช่าง(เครื่องยนต์)ว่า คันเกียร์จะเปลี่ยนกลับ หรือจะสลับของกันไปเลยดีไหม
ช่างก็ยังยืนยันว่า คันเกียร์กำลังจะเสียแล้ว, เขาไม่ยอมสลับของ แต่ยอมจะถอดคืนกลับให้
แน่นอน, ผมกลัวเขาวางยา ก็เลยถามว่า งั้นค่าซ่อมคันเกียร์เท่าไหร่, เขาว่า 800 บาท
ผมถามว่า ลดได้ไหม , เขาก็นิ่ง ตีสีหน้าไม่พอใจ, ที่สุดผมก็ต้องจ่ายเงินให้เขาไป
ในวันนี้ผมได้ตัดขาดจากช่างคนนี้ไปแล้ว และรู้มาว่า ที่นิสัยเขาปลี่ยนไป (อย่างที่บอกครับ เขาดูแลรถคันนี้มานาน และยังดูแลคันอื่นๆ ของบ้านผมด้วย) เพราะไปทำเต้นท์รถมือ 2 แล้วเกิดขาดทุน
ผมเสียโง่ในครั้งนี้เพราะไว้ใจช่างที่รู้จักกันเป็นเวลานานถึง 10 ปี มากเกินไป
และถ้ารถใครมีอาการสตาร์ทติดยาก ลองเช็คระบบกุญแจรีโมทดูก่อนนะครับ บางครั้งคันเกียร์อาจจะไม่เสียก็ได้
ประสบการณ์ "เสียโง่" ของผม
เรื่องแรก ขอเริ่มจากครั้งที่รถมีอาการสตาร์ทติดยาก แบบถ้าสตาร์ทครั้งแรกไม่ติดก็ต้องลองบิดกุญแจอีกหลายครั้ง
ครั้งแรกๆ ที่รถสตาร์ทไม่ติด ผมไปปรึกษาช่างนอกศูนย์ที่ดูแลรถคันนี้มาอย่างเป็นประจำ, ช่างว่า เป็นที่เกียร์น่าจะเริ่มปัญหา ผมก็ได้แต่รับฟังโดยที่ยังไม่เชื่ออะไร
กระทั่งวันหนึ่ง รถสตาร์ทอย่างไรก็ไม่ติด เรียกว่า ลองบิดกุญแจจนแบตเตอรรี่หมดเลยทีเดียว สุดท้ายต้องเรียกช่างและช่างก็ว่า เป็นที่คันเกียร์ ผมก็แย้งกับช่างว่าไม่น่าจะใช่นะ
ช่างก็ว่า เดี๋ยวลองเปลี่ยนคันเกียร์ดู(เป็นของมือ2 ที่เขามีอยู่แล้วในอู่) ถ้าไม่หายเดี๋ยวเปลี่ยนกลับและไม่คิดเงิน
สุดท้ายเปลี่ยนฯ เสร็จ รถก็ยังสตาร์ทไม่ติด , ช่างก็ลองเอาคันเกียร์อีกอันมาลองอีก ก็ยังไม่ได้ผล, ช่างก็เลยต้องไปเรียกให้ช่างไฟ(รถ)มาช่วย
แล้วปัญหาก็ได้รับการแก้ไข โดยช่างไฟตัดชุดกุญแจรีโมทออกมาแบบยกยวง พร้อมกับแจ้งว่า มันเป็นเพราะระบบของชุดกุญแจรีโมท(ตัวกล่อง)เสื่อมสภาพ ที่สำคัญเขากระซิบกับผมว่า คันเกียร์ไม่เสีย
หลังจากจ่ายเงินให้กับช่างไฟเป็นค่าตัดชุดกุญแจรีโมท 400 บาท, ผมก็คุยกับช่าง(เครื่องยนต์)ว่า คันเกียร์จะเปลี่ยนกลับ หรือจะสลับของกันไปเลยดีไหม
ช่างก็ยังยืนยันว่า คันเกียร์กำลังจะเสียแล้ว, เขาไม่ยอมสลับของ แต่ยอมจะถอดคืนกลับให้
แน่นอน, ผมกลัวเขาวางยา ก็เลยถามว่า งั้นค่าซ่อมคันเกียร์เท่าไหร่, เขาว่า 800 บาท
ผมถามว่า ลดได้ไหม , เขาก็นิ่ง ตีสีหน้าไม่พอใจ, ที่สุดผมก็ต้องจ่ายเงินให้เขาไป
ในวันนี้ผมได้ตัดขาดจากช่างคนนี้ไปแล้ว และรู้มาว่า ที่นิสัยเขาปลี่ยนไป (อย่างที่บอกครับ เขาดูแลรถคันนี้มานาน และยังดูแลคันอื่นๆ ของบ้านผมด้วย) เพราะไปทำเต้นท์รถมือ 2 แล้วเกิดขาดทุน
ผมเสียโง่ในครั้งนี้เพราะไว้ใจช่างที่รู้จักกันเป็นเวลานานถึง 10 ปี มากเกินไป
และถ้ารถใครมีอาการสตาร์ทติดยาก ลองเช็คระบบกุญแจรีโมทดูก่อนนะครับ บางครั้งคันเกียร์อาจจะไม่เสียก็ได้