
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดูหนังแล้วจะตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ตัวร้ายได้ขนาดนี้ (ฮา)
รอหนังเรื่องนี้มานานมากค่ะ ตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่เบน (Benedict Cumberbatch) มารับเล่นเรื่องนี้ก็ติดตามตามข่าวมาตลอด ทีแรกเราเจอสปอยส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ไปพอสมควร ซึ่งเราไม่ค่อยชอบใจกับเรื่องที่ได้รู้เท่าไหร่นัก ส่วนนึงเพราะเราเองก็เป็น Trekkie คนหนึ่ง (แม้จะไม่ใช่ระดับฮาร์ดคอร์อะไร) และการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องหลายๆอย่างไปจากเดิมที่เคยเป็นก็แอบทำเราไม่พอใจอยู่เล็กๆ แต่ก็พยายามเปิดใจให้กว้าง แล้วรอดูก่อนที่จะตัดสินลงไปจริงๆจังๆ โอเค เพราะพี่เบนมีส่วน (อวยพี่เบนมาแต่ต้นค่ะ 55555+) แต่ถึงที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้เราพอใจในหนังภาคนี้จนลืมอคติแต่แรกไปได้ก็เป็นที่ตัวนักแสดงและความลงตัวทุกอย่างของตัวภาพยนตร์จริงๆ ทุกอย่างใส่ลงมาอย่างมีที่มาที่ไป เคารพในจุดที่ของเดิมทำไว้ และปรับเปลี่ยนแต่ไม่ทำลายบางอย่างให้มันออกมาน่าสนใจยิ่งขึ้น ตลอดการดูหนังไม่มีซักฉากเลยที่เราจะรู้สึกเบื่อ การดำเนินเรื่องฉับไวจนต้องพยายามตั้งใจเก็บรายละเอียด เพื่อทั้งคิดต่อและพยายามเชื่อมโยงกับภาคเก่าที่เคยมี (และเพื่อพยายามโฟกัสหน้าของ John Harrison ไม่ให้พลาดเลยซักวิด้วย

)
จากนี้ไปมีสปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราชอบความสัมพันธ์ของเคิร์กและสป็อคที่ "ยกระดับขึ้นมา" ในช่วงระยะเวลา 1 ปีที่อยู่บนยานลำเดียวกัน ทำภารกิจร่วมกันมาก
ช่วงเวลาที่ได้อยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างเรียนรู้นิสัย (ที่แสนจะตรงกันข้าม) พัฒนาความสัมพันธ์ แม้จะดูเหมือนเป็นการพัฒนาอยู่ฝ่ายเดียว แม้จะหงุดหงิดที่หลายครั้งหลายหนสป็อคทำตัวได้เถรตรงเกินไป (จนน่าถีบ) แต่เพราะเป็น "เพื่อน" แม้โกรธ แต่เคิร์กไม่อาจเกลียดได้จากใจ ไม่สามารถทำเป็นตัดขาดได้ เพราะเป็นเพื่อน เพราะคือครอบครัว
และสำหรับสป็อคก็เช่นกัน
ถ้าเคิร์กจะสังเกตเห็น ในยามที่เคิร์กไม่ได้เป็นกัปตันอีกแล้ว สป็อคยังเรียกเขาด้วยฐานะของ "กัปตัน" อยู่ คนอย่างสป็อคผู้เถรตรงและไม่เคยโกหก (จริงๆตรงนี้แอบขำ เพราะสป็อคโกหกนะเรื่องนี้) แค่ถูกติงครั้งเดียวว่าอีกฝ่ายไม่ใช่กัปตันก็น่าจะกลับไปเรียกด้วยยศเดิมโดยไม่ต้องมีใครมาเตือนซ้ำแล้ว
แต่ทำไมสป็อคยังเรียกเคิร์กว่ากัปตันอยู่ล่ะ
ก็เพราะสำหรับสป็อค เคิร์กคือกัปตันของเขาต่างหาก เขาจึงเรียกแบบนั้นไม่ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนไปก็ตาม เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อน เพราะเป็นคนที่เขาเชื่อมั่นและยกย่อง
ตอนที่เคิร์กจบชีวิตลง ไม่มีใครพูดถึงเหตุผลว่า "สตาร์ฟลีทจะไม่มีการล้างแค้น" เหมือนจู่ๆมันก็กลายเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วไปซะเฉยๆ มันทำคนที่เรารักเราแคร์ตาย เรามีสิทธิ์เต็มที่ที่จะเอาคืน ไม่มีการออกปากห้าม ไม่มีการสงสัย แม้กระทั่งสป็อคเอง ที่ไม่เห็นด้วยกับการที่เคิร์กจะล้างแค้น John Harrison ที่ฆ่ากัปตันไพค์มาแต่ต้น กลับกลายเป็นคนที่คิดอาฆาตหวังจะแก้แค้นลงทัณฑ์คนที่ทำให้เพื่อนของเขาต้องตายมากที่สุด
เพราะบางครั้งความจริงมันเป็นอย่างที่ Harrison พูด
เพราะบางครั้งชีวิตมันไม่ใช่แค่กฏ เพราะคนเราไม่อาจอยู่ได้แค่ตามสิ่งที่คนอื่นกะเกณฑ์สร้างไว้ (อย่างสป็อค) หรือแค่ทำตามความรู้สึก (อย่างเคิร์ก) เราจำต้องมีทั้งสอง ในตอนนี้ สป็อคได้รู้รสชาติของการเสียคนสำคัญไปดีแล้ว และรู้ด้วยว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ ไม่มีเลย ถ้าเพื่อครอบครัวหรือใครบางคนคนที่เรารัก
และเขาก็เลือก เลือกที่จะทำตามความรู้สึกของตัวเอง
เราเป็นปีศาจ คนร้าย หรืออสุรกายอัปลักษณ์ได้เสมอ แค่เพื่อคนสำคัญของเราเท่านั้น
ปล. แต่ถึงแม้เราจะชอบความสัมพันธ์ของเคิร์กและสป็อคแค่ไหน เราก็หมั่นไส้เคิร์กที่ต่อย Harrison อยู่ดี และขอบอกว่าเรานับจำนวนหมัดไว้ด้วย (11 ทีที่เรานับได้ ไว้เอาไปจดแล้วสาปแช่งตัวละครนี้ในฝันเอา)

จบการพร่ำเพ้อแต่เพียงเท่านี้ Live long and prosper ผู้อ่านทุกคนค่ะ
[CR] [Spoil] Star Trek into darkness ทะยานสู่ด้านมืด ทะยานสู่อ้อมอก John Harrison :P
ไม่เคยมีครั้งไหนที่ดูหนังแล้วจะตั้งหน้าตั้งตาเชียร์ตัวร้ายได้ขนาดนี้ (ฮา)
รอหนังเรื่องนี้มานานมากค่ะ ตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่เบน (Benedict Cumberbatch) มารับเล่นเรื่องนี้ก็ติดตามตามข่าวมาตลอด ทีแรกเราเจอสปอยส่วนสำคัญของหนังเรื่องนี้ไปพอสมควร ซึ่งเราไม่ค่อยชอบใจกับเรื่องที่ได้รู้เท่าไหร่นัก ส่วนนึงเพราะเราเองก็เป็น Trekkie คนหนึ่ง (แม้จะไม่ใช่ระดับฮาร์ดคอร์อะไร) และการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องหลายๆอย่างไปจากเดิมที่เคยเป็นก็แอบทำเราไม่พอใจอยู่เล็กๆ แต่ก็พยายามเปิดใจให้กว้าง แล้วรอดูก่อนที่จะตัดสินลงไปจริงๆจังๆ โอเค เพราะพี่เบนมีส่วน (อวยพี่เบนมาแต่ต้นค่ะ 55555+) แต่ถึงที่สุดแล้วสิ่งที่ทำให้เราพอใจในหนังภาคนี้จนลืมอคติแต่แรกไปได้ก็เป็นที่ตัวนักแสดงและความลงตัวทุกอย่างของตัวภาพยนตร์จริงๆ ทุกอย่างใส่ลงมาอย่างมีที่มาที่ไป เคารพในจุดที่ของเดิมทำไว้ และปรับเปลี่ยนแต่ไม่ทำลายบางอย่างให้มันออกมาน่าสนใจยิ่งขึ้น ตลอดการดูหนังไม่มีซักฉากเลยที่เราจะรู้สึกเบื่อ การดำเนินเรื่องฉับไวจนต้องพยายามตั้งใจเก็บรายละเอียด เพื่อทั้งคิดต่อและพยายามเชื่อมโยงกับภาคเก่าที่เคยมี (และเพื่อพยายามโฟกัสหน้าของ John Harrison ไม่ให้พลาดเลยซักวิด้วย
จากนี้ไปมีสปอย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปล. แต่ถึงแม้เราจะชอบความสัมพันธ์ของเคิร์กและสป็อคแค่ไหน เราก็หมั่นไส้เคิร์กที่ต่อย Harrison อยู่ดี และขอบอกว่าเรานับจำนวนหมัดไว้ด้วย (11 ทีที่เรานับได้ ไว้เอาไปจดแล้วสาปแช่งตัวละครนี้ในฝันเอา)
จบการพร่ำเพ้อแต่เพียงเท่านี้ Live long and prosper ผู้อ่านทุกคนค่ะ