ผมกับแผนเราทำธุรกิจเล็กๆร่วมกัน โดยมีนัดส่งของกับลูกค้าประจำทุกวันเสาร์ช่วงเช้า แต่อาจเปลี่ยนเป็นช่วงบ่ายได้ในวันเดียวกัน จึงต้องติดต่อกันตลอด ผ่านทางLine เพื่อนัดเวลา
เมื่อคืนผมกับแฟนก็ไปดูหนังกันตามปกติ ที่สกาล่ารอบ 2 ทุ่ม คนแน่นโรง แต่ผมก็ยังพอที่จะซื้อตั่วได้แถว N ในนาทีสุดท้ายก่อนหนังฉาย
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
-แต่ก่อนหนังจะจบ 15 นาที ลูกค้าประจำท่านนี้ โทรเข้าเครื่องแฟนผม ซึ่งปิดเสียงไว้แต่สั่น แฟนผมก็ไม่รับ
เค้าโทรเข้าเครื่องผม สั่นเหมือนกัน ผมก็ไม่รับ แต่ก็มองหน้ากันละ ว่างานเข้าแน่ๆ
-ต่อมามือถือแฟนผมก็สั่น แบบมีLine เข้าแฟนผมก็แง้มดู เพื่อไม่ให้แสงส่องรบกวนมาก พออ่านได้ใจความว่า ลูกค้าขอเลื่อนส่งของจากวันเสาร์เป็นวันอาทิตย์ได้ไหม? ตอบด้วย ทำไมโทรหาทั้ง 2 คนถึงไม่รับ?
-แฟนผมก็พิมตอบไปสั้นๆ ว่าขอถามแฟนก่อน (ใช้เวลาไม่ถึง 5 วิ) เธอก็รีบเก็บมือถือลงกระเป๋า แฟนผมก็กระชิบผมเบาๆว่า ลูกค้าขอเลื่อนวันส่งของ ผมก็ตอบเธอไปว่า ดูหนังจบก่อนค่อยคุยกัน เพราะหนังใกล้จะจบแล้ว
-สักครู่ มือถือผมก็มีLine เข้าบ้าง แต่ผมไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วลองนั่งคิดเรียบเรียงเหตุการณ์ดูแล้ว สรุปว่า น่าจะมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น
จึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาดู สาบานได้ว่า ไม่ถึง 2 วิแน่นอน
-สิ่งที่ผมได้รับคือ ผู้ชมด้านหลังผมท่านหนึ่งเอามือมาตบที่ไหล่ผม ถึงจะไม่แรงเท่าไหร แต่ผมก็รับรู้ได้ว่า ผมคงรบกวนเค้าด้วยแสงจากมือถือผม จึงเก็บมือถือลงกระเป๋าทันที
------ พอรวบรวมสติได้จากความตกใจ ก็นึกถึงข้อความที่เห็นแวบนึง ว่า ตกลงเอาไง หรือจะ ยกเลิกนัดสัปดาห์นี้-----
ผมนี่หน้าซีดเลย ในใจอยากลุกออกจากโรงหนังแล้ว ไปคุยกับลูกค้าเลย แต่ก็ไม่ทำ
-แฟนผมเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด และหันไปดูคนที่ทำกับผมทันที ปรากฎว่าเป็นเด็กวัยรุ่นชาย-หญิง ประมาณมัธยม แฟนบอกว่าน่าจะเป็นผู้ชายนะที่ตบไหล่ผม แฟนผมเห็นเขากำลังนั่งหัวเราะคิกคักกัน หลังจากที่ตบไหล่ผม
-ผมรอจนหนังจบ แล้วรีบออกจากโรงหนังมานั่งที่เก้าอี้หน้าโรง แล้วคุยกับลูกค้า ลูกค้าบอก ตกลงจะยกเลิกใช่ไหมสัปดาห์นี้
ผมตอบไปว่า วันอาทิตย์ช่วงเช้าสะดวกไหมครับ เค้าบอกว่า ได้ แต่ขอคอมเม้นหน่อยนะว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ คราวหลังถ้ามีอีก จะถือว่า ยกเลิกนะ ผมก็ได้แต่ ครับ ครับ
-ผมเรียจบแล้วมีงานประจำ พออยู่ได้ แต่แฟนผมยังเรียนอยู่ ไม่มีงานประจำ ธุรกิจนี้ได้เงินทุกอาทิตย์ พอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ หนังเราก็ดูได้แค่ สกาล่า ลิโด เพราะราคาถูก ไม่เคยได้มีโอกาสไปดู SF Major กับเขา ถ้าเราไม่ได้เงินจากลูกค้าอาทิตย์ไหน อาทิตย์นั้นเราก็อยู่กันลำบาก
------------------ เชิญเพื่อนสมาชิกแสดงความคิดเห็นได้ครับ จัดเต็มได้นะครับ ผมยินดีตอบทุกคอมเม้นที่ถามเพิ่มเติมครับ------------------
1.ผมคิดว่าผมทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว แต่มันเป็นการรบกวนคนอื่นจริง
2.คนที่ถูกผมรบกวนนั้น สามารถรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่ได้ หรือเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พยายามปากกัดตีนถีบ หารายได้ในยุคข้าวยากหมากแพง
3.หากผมตัดสินใจ ลุกขึ้นออกจากโรงไปคุยกับลูกค้า ในตอนนั้นที่เป็นฉากไคลแมกซ์ของหนัง ซึ่งต้องบังวัยรุ่นคู่นั้นแน่
4.เปรียบเทียบเวลาที่ผมจะพิมพ์ตอบLine แล้วรีบเก็บมือถือ Vs กับลุกออกจากโรง = การลุกออกจากโรงใช้เวลามากกว่า จึงบังรบกวนมากกว่าแต่เค้าก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ จะเป็นทางออกที่ดีของเหตุการณ์นี้
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นนะครับ
เหรียญมี 2 ด้าน เหตุการณ์เดียวกันแต่ 2 มุมมอง ณ โรงหนังสกาล่า เมื่อคืน {อ่านจบก่อนแล้วจึงแสดงความเห็นนะครับ}
เมื่อคืนผมกับแฟนก็ไปดูหนังกันตามปกติ ที่สกาล่ารอบ 2 ทุ่ม คนแน่นโรง แต่ผมก็ยังพอที่จะซื้อตั่วได้แถว N ในนาทีสุดท้ายก่อนหนังฉาย
ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ
-แต่ก่อนหนังจะจบ 15 นาที ลูกค้าประจำท่านนี้ โทรเข้าเครื่องแฟนผม ซึ่งปิดเสียงไว้แต่สั่น แฟนผมก็ไม่รับ
เค้าโทรเข้าเครื่องผม สั่นเหมือนกัน ผมก็ไม่รับ แต่ก็มองหน้ากันละ ว่างานเข้าแน่ๆ
-ต่อมามือถือแฟนผมก็สั่น แบบมีLine เข้าแฟนผมก็แง้มดู เพื่อไม่ให้แสงส่องรบกวนมาก พออ่านได้ใจความว่า ลูกค้าขอเลื่อนส่งของจากวันเสาร์เป็นวันอาทิตย์ได้ไหม? ตอบด้วย ทำไมโทรหาทั้ง 2 คนถึงไม่รับ?
-แฟนผมก็พิมตอบไปสั้นๆ ว่าขอถามแฟนก่อน (ใช้เวลาไม่ถึง 5 วิ) เธอก็รีบเก็บมือถือลงกระเป๋า แฟนผมก็กระชิบผมเบาๆว่า ลูกค้าขอเลื่อนวันส่งของ ผมก็ตอบเธอไปว่า ดูหนังจบก่อนค่อยคุยกัน เพราะหนังใกล้จะจบแล้ว
-สักครู่ มือถือผมก็มีLine เข้าบ้าง แต่ผมไม่ได้หยิบมือถือขึ้นมาดู แล้วลองนั่งคิดเรียบเรียงเหตุการณ์ดูแล้ว สรุปว่า น่าจะมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้น
จึงตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาดู สาบานได้ว่า ไม่ถึง 2 วิแน่นอน
-สิ่งที่ผมได้รับคือ ผู้ชมด้านหลังผมท่านหนึ่งเอามือมาตบที่ไหล่ผม ถึงจะไม่แรงเท่าไหร แต่ผมก็รับรู้ได้ว่า ผมคงรบกวนเค้าด้วยแสงจากมือถือผม จึงเก็บมือถือลงกระเป๋าทันที
------ พอรวบรวมสติได้จากความตกใจ ก็นึกถึงข้อความที่เห็นแวบนึง ว่า ตกลงเอาไง หรือจะ ยกเลิกนัดสัปดาห์นี้-----
ผมนี่หน้าซีดเลย ในใจอยากลุกออกจากโรงหนังแล้ว ไปคุยกับลูกค้าเลย แต่ก็ไม่ทำ
-แฟนผมเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด และหันไปดูคนที่ทำกับผมทันที ปรากฎว่าเป็นเด็กวัยรุ่นชาย-หญิง ประมาณมัธยม แฟนบอกว่าน่าจะเป็นผู้ชายนะที่ตบไหล่ผม แฟนผมเห็นเขากำลังนั่งหัวเราะคิกคักกัน หลังจากที่ตบไหล่ผม
-ผมรอจนหนังจบ แล้วรีบออกจากโรงหนังมานั่งที่เก้าอี้หน้าโรง แล้วคุยกับลูกค้า ลูกค้าบอก ตกลงจะยกเลิกใช่ไหมสัปดาห์นี้
ผมตอบไปว่า วันอาทิตย์ช่วงเช้าสะดวกไหมครับ เค้าบอกว่า ได้ แต่ขอคอมเม้นหน่อยนะว่า ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก โทรไปก็ไม่รับ ไลน์ไปก็ไม่ตอบ คราวหลังถ้ามีอีก จะถือว่า ยกเลิกนะ ผมก็ได้แต่ ครับ ครับ
-ผมเรียจบแล้วมีงานประจำ พออยู่ได้ แต่แฟนผมยังเรียนอยู่ ไม่มีงานประจำ ธุรกิจนี้ได้เงินทุกอาทิตย์ พอใช้แต่ไม่เหลือเก็บ หนังเราก็ดูได้แค่ สกาล่า ลิโด เพราะราคาถูก ไม่เคยได้มีโอกาสไปดู SF Major กับเขา ถ้าเราไม่ได้เงินจากลูกค้าอาทิตย์ไหน อาทิตย์นั้นเราก็อยู่กันลำบาก
------------------ เชิญเพื่อนสมาชิกแสดงความคิดเห็นได้ครับ จัดเต็มได้นะครับ ผมยินดีตอบทุกคอมเม้นที่ถามเพิ่มเติมครับ------------------
1.ผมคิดว่าผมทำสิ่งที่ถูกที่ควรแล้ว แต่มันเป็นการรบกวนคนอื่นจริง
2.คนที่ถูกผมรบกวนนั้น สามารถรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมไม่ได้ หรือเข้าใจสิ่งที่ผู้ใหญ่พยายามปากกัดตีนถีบ หารายได้ในยุคข้าวยากหมากแพง
3.หากผมตัดสินใจ ลุกขึ้นออกจากโรงไปคุยกับลูกค้า ในตอนนั้นที่เป็นฉากไคลแมกซ์ของหนัง ซึ่งต้องบังวัยรุ่นคู่นั้นแน่
4.เปรียบเทียบเวลาที่ผมจะพิมพ์ตอบLine แล้วรีบเก็บมือถือ Vs กับลุกออกจากโรง = การลุกออกจากโรงใช้เวลามากกว่า จึงบังรบกวนมากกว่าแต่เค้าก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ จะเป็นทางออกที่ดีของเหตุการณ์นี้
ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านที่อ่าน หรือ แสดงความคิดเห็นนะครับ