ตามหัวข้อเลยนะครับ ผมมองมุม 2 มุมนะ เพราะจะว่าไป มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวมันเอง
บางคนบอกว่า "ดี" เพราะจะได้มีคุณภาพในการศึกษา ก็คงแล้วแต่มุมมองนะครับ แต่สำหรับผม คุณภาพการศึกษา มันไม่ได้อยู่ที่ขนาดของโรงเรียน หรือจำนวนของนักเรียน แต่ผมมองว่า มันอยู่ที่การสอน การดูแลของครู อาจารย์ มากกว่า แต่หากยุบมารวมกัน ผมว่ามันดีในแง่ของการจัดการของระบบการศึกษา เพราะหากมีจำนวนโรงเรียนมาก การดูแลจากส่วนกลาง การกระจายงบ การจัดหลักสูตร ก็ลำบากตามมาด้วย
เอาเป็นว่า มองเป็นส่วนๆไป คือ ต้องดูเป็นกรณีไป อย่างในตัวชุมชนที่ถนนหนทางสะดวก ก็ยุบรวมกันไป แล้วจัดรถรับส่งนักเรียนให้ทั่วถึง ส่วนโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาน ที่การเดินทางลำบาก อันนี้ผมว่าอย่าไปแตะต้องเลย แต่หากจะปรับปรุง ก็ต้องทำแบบระบบโรงเรียนประจำ คือเอาเด็กแต่ละหมู่บ้านมารวมกันให้มากๆ และจัดหลักสูตรเฉพาะให้เหมาะสมกับพื้นที่และการดำเนินชีวิต จัดให้มีที่พัก(ประจำ) ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ เพื่อบริโภคอย่างมีระบบ (โดยรัฐจัดการให้)
คือ อันนี้มันมุมมองของผมนะครับ ก็มอง2มุม ทั้งดี และไม่ดี
แต่ผมว่า สำหรับผม ถ้าจะปรับปรุงแก้ไข อะไรที่เกี่ยวกับระบบการศึกษาเนี่ย ผมว่า ควรโละ ระบบการศึกษาแบบเดิมๆทิ้งซะ เลิกซะทีกับการเรียนเพื่อสอบ เลิกยึดติดของเก่าๆ 10 กว่าปีละ เห็นพูดกันจัง ระบบบูรณาการ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง เอาความคิดเด็กเป็นหลัก แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม "ท่องจำ" แล้วเอาไปสอบ แล้วข้อสอบประเภทแสดงความคิดเห็น ถ้าตอบไม่ตรงกับความเห็นหรือมุมมองของผู้ออกข้อสอบ สรุปก็คือผิดอยู่ดี
เด็กบ้านเรา ได้เหรียญทองโอลิมปิควิชาการทุกปี มากกว่าอเมริกาซะอีก แต่ทำไม เด็กของเขามีคุณภาพกว่าของเรา เมื่อออกมาใช้ในการทำงานจริง ขอยกตัวอย่างนิดนึงนะครับ คือมีญาติไปเรียนที่อเมริกา(ตอนยังเด็ก) มันบอกว่า ม.ปลาย มันเรียนวันละ 4-6 ชม. บางวันเรียนแค่4 ชม. แต่ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องทำกิจกรรมตามที่ตัวเองสนใจ อย่างเช่นกิจกรรมนักข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียน การแสดง (แล้วแต่ตามที่เด็กจะสนใจ) ซึ่งไม่ได้เรียนเลย แต่เป็นการเน้นให้เด็กเรียนรู้การทำงานและอาชีพ ที่ตัวเองสนใจในอนาคต ผมว่าอันนี้แหล่ะที่บ้านเราควรเอาอย่าง เพราะทุกวันนี้ลองกลับมาดูบ้านเราสิครับ มีกี่คนเชียวที่เรียนจบ ป.ตรีแล้ว ได้ทำงานตามสาขาที่ตัวเองเรียนจบ แล้วมีคำพูดนึงที่ผมเคยได้ยินมาและผมเห็นว่าเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด คือ "มหาวิทยาลัยในประเทศไทย สอนคนให้จบเพื่อเป็นลูกจ้าง แต่มหาวิทยาลัยในอเมริกา สอนคนให้จบเพื่อมาเป็นเจ้าของกิจการ"
คุณคิดยังไงกันครับ กับการยุบโรงเรียน สำหรับผม มันมีทั้งข้อดีและข้อไม่ดี
บางคนบอกว่า "ดี" เพราะจะได้มีคุณภาพในการศึกษา ก็คงแล้วแต่มุมมองนะครับ แต่สำหรับผม คุณภาพการศึกษา มันไม่ได้อยู่ที่ขนาดของโรงเรียน หรือจำนวนของนักเรียน แต่ผมมองว่า มันอยู่ที่การสอน การดูแลของครู อาจารย์ มากกว่า แต่หากยุบมารวมกัน ผมว่ามันดีในแง่ของการจัดการของระบบการศึกษา เพราะหากมีจำนวนโรงเรียนมาก การดูแลจากส่วนกลาง การกระจายงบ การจัดหลักสูตร ก็ลำบากตามมาด้วย
เอาเป็นว่า มองเป็นส่วนๆไป คือ ต้องดูเป็นกรณีไป อย่างในตัวชุมชนที่ถนนหนทางสะดวก ก็ยุบรวมกันไป แล้วจัดรถรับส่งนักเรียนให้ทั่วถึง ส่วนโรงเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาน ที่การเดินทางลำบาก อันนี้ผมว่าอย่าไปแตะต้องเลย แต่หากจะปรับปรุง ก็ต้องทำแบบระบบโรงเรียนประจำ คือเอาเด็กแต่ละหมู่บ้านมารวมกันให้มากๆ และจัดหลักสูตรเฉพาะให้เหมาะสมกับพื้นที่และการดำเนินชีวิต จัดให้มีที่พัก(ประจำ) ปลูกพืชผัก และเลี้ยงสัตว์ เพื่อบริโภคอย่างมีระบบ (โดยรัฐจัดการให้)
คือ อันนี้มันมุมมองของผมนะครับ ก็มอง2มุม ทั้งดี และไม่ดี
แต่ผมว่า สำหรับผม ถ้าจะปรับปรุงแก้ไข อะไรที่เกี่ยวกับระบบการศึกษาเนี่ย ผมว่า ควรโละ ระบบการศึกษาแบบเดิมๆทิ้งซะ เลิกซะทีกับการเรียนเพื่อสอบ เลิกยึดติดของเก่าๆ 10 กว่าปีละ เห็นพูดกันจัง ระบบบูรณาการ เอาเด็กเป็นศูนย์กลาง เอาความคิดเด็กเป็นหลัก แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม "ท่องจำ" แล้วเอาไปสอบ แล้วข้อสอบประเภทแสดงความคิดเห็น ถ้าตอบไม่ตรงกับความเห็นหรือมุมมองของผู้ออกข้อสอบ สรุปก็คือผิดอยู่ดี
เด็กบ้านเรา ได้เหรียญทองโอลิมปิควิชาการทุกปี มากกว่าอเมริกาซะอีก แต่ทำไม เด็กของเขามีคุณภาพกว่าของเรา เมื่อออกมาใช้ในการทำงานจริง ขอยกตัวอย่างนิดนึงนะครับ คือมีญาติไปเรียนที่อเมริกา(ตอนยังเด็ก) มันบอกว่า ม.ปลาย มันเรียนวันละ 4-6 ชม. บางวันเรียนแค่4 ชม. แต่ยังไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องทำกิจกรรมตามที่ตัวเองสนใจ อย่างเช่นกิจกรรมนักข่าวหนังสือพิมพ์โรงเรียน การแสดง (แล้วแต่ตามที่เด็กจะสนใจ) ซึ่งไม่ได้เรียนเลย แต่เป็นการเน้นให้เด็กเรียนรู้การทำงานและอาชีพ ที่ตัวเองสนใจในอนาคต ผมว่าอันนี้แหล่ะที่บ้านเราควรเอาอย่าง เพราะทุกวันนี้ลองกลับมาดูบ้านเราสิครับ มีกี่คนเชียวที่เรียนจบ ป.ตรีแล้ว ได้ทำงานตามสาขาที่ตัวเองเรียนจบ แล้วมีคำพูดนึงที่ผมเคยได้ยินมาและผมเห็นว่าเป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด คือ "มหาวิทยาลัยในประเทศไทย สอนคนให้จบเพื่อเป็นลูกจ้าง แต่มหาวิทยาลัยในอเมริกา สอนคนให้จบเพื่อมาเป็นเจ้าของกิจการ"