ปัจจุบันกู้สินเชื่อบ้านกับ ธ.ไทยพาณิชน์ ดอกเบี้ยอยู่ที่ 8.10%
ซึ่งค่อนข้างแพงมาก เพราะตอนนั้นก่อนเซ็นต์สัญญานิติกรรมใดๆไม่ได้อ่านรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ เพียงแค่ดูผ่านๆ
จึงทำให้ปัญหาต่างๆตามมาทีหลัง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ กลายเป็นบทเรียนราคาแพง!!
เคยโพสเกี่ยวกับกู้สินเชื่อบ้านไปแล้วครั้งหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตอบกระทู้และจะประสานงานให้ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น
ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขนั้นๆ ตามกฏหมาย เพราะเราไม่รอบคอบเอง เป็นบทเรียนเตือนใจตนเอง ก่อนจะทำสัญญานิติกรรมใดๆ ก่อนจะจรดเขียนปากกาลงไปพึงมีสติ พึงอ่านให้รอบคอบ ทุกอย่างยึดตามสัญญาเป็นหลัก
และถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขและข้อตกลงนั้นๆ ให้รีบดำเนินการทันที ไม่ต้องเชื่อ,อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทุกอย่างจะสายเกินแก้
และถ้าถูกเอารัดเอาเปรียบ (กรณีเกี่ยวกับแบงค์) แนะนำให้ไปร้องเรียนที่ ธ.แห่งประเทศไทย ไม่ต้องไปร้องเรียนที่ สคบ.
เพราะที่นี่จะช้า ยังไงก็ต้องส่งเรื่องไปที่ ธ.แห่งฯ ก่อนจะไปร้องเรียนหลักฐานทุกอย่างต้องเป๊ะ
กรณีของดิฉัน มัวแต่เสียเวลาเดินเรื่องแก้ไขสัญญากับทางธนาคารที่ขอกู้สินเชื่อ คิดว่าจะได้รับความยุติธรรม และเชื่อใจ แต่นั่นเป็นการถ่วงเวลา
ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป และสุดท้ายก็จำต้องยอมรับเงื่อนไขใหม่ (แต่ก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี) เพราะไม่สามารถทำอะไรที่ดีกว่านั้นได้อีกแล้ว
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่จะขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านรายใหม่ ไม่ใช่อนุมัติแล้วมัวแต่ดีใจ (ได้หนี้ก้อนโตมากอดอย่างภูมิใจ) โดยไม่อ่านรายละเอียดสัญญาให้รอบคอบ การพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ แตกต่างจาก ทำสัญญาในทางกฏหมาย อย่าไปเชื่อใจ ไว้ใจ
ถ้าเรื่องเพิ่งเกิด ควรรีบดำเนินการทันที (ถ้าเรามั่นใจว่ามีหลักฐานเอกสารทุกอย่างเป๊ะ) อย่าไปฟังถ้าแบงค์บอกให้รอ รอ รอ รอเคลียร์
เท่ากับปล่อยเวลาให้เราเสียประโยชน์ ดอกเบี้ยมันทำงานทุกวัน
กรณีดิฉันไม่มีประโยชน์ที่จะไปฟ้องร้อง เสียเวลา เพราะเรื่องมันผ่านมา2ปีกว่าแล้ว มัวแต่เสียเวลาเชื่อแบงค์ รอเคลียร์ แต่เมื่อเคลียร์แล้ว
ยังไม่ยุติธรรมอยู่ดี (ยังเสียเปรียบ)
อยากทราบว่าถ้าเราจะรีไฟแนนท์บ้าน คุณสมบัติของเจ้าของบ้านที่จะรีไฟแนนท์ต้องเป็นอย่างไรคะ
และที่ธนาคารไหนดีที่สุด
รีไฟแนนท์บ้าน สอบถามเรื่องการรีไฟแนนท์บ้าน ไม่รู้ว่าจะเลือกที่ไหนดีค่ะ (8.10%)
ซึ่งค่อนข้างแพงมาก เพราะตอนนั้นก่อนเซ็นต์สัญญานิติกรรมใดๆไม่ได้อ่านรายละเอียดเงื่อนไขต่างๆ เพียงแค่ดูผ่านๆ
จึงทำให้ปัญหาต่างๆตามมาทีหลัง ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ กลายเป็นบทเรียนราคาแพง!!
เคยโพสเกี่ยวกับกู้สินเชื่อบ้านไปแล้วครั้งหนึ่ง และมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตอบกระทู้และจะประสานงานให้ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น
ไม่มีประโยชน์ ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขนั้นๆ ตามกฏหมาย เพราะเราไม่รอบคอบเอง เป็นบทเรียนเตือนใจตนเอง ก่อนจะทำสัญญานิติกรรมใดๆ ก่อนจะจรดเขียนปากกาลงไปพึงมีสติ พึงอ่านให้รอบคอบ ทุกอย่างยึดตามสัญญาเป็นหลัก
และถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ตรงกับเงื่อนไขและข้อตกลงนั้นๆ ให้รีบดำเนินการทันที ไม่ต้องเชื่อ,อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ทุกอย่างจะสายเกินแก้
และถ้าถูกเอารัดเอาเปรียบ (กรณีเกี่ยวกับแบงค์) แนะนำให้ไปร้องเรียนที่ ธ.แห่งประเทศไทย ไม่ต้องไปร้องเรียนที่ สคบ.
เพราะที่นี่จะช้า ยังไงก็ต้องส่งเรื่องไปที่ ธ.แห่งฯ ก่อนจะไปร้องเรียนหลักฐานทุกอย่างต้องเป๊ะ
กรณีของดิฉัน มัวแต่เสียเวลาเดินเรื่องแก้ไขสัญญากับทางธนาคารที่ขอกู้สินเชื่อ คิดว่าจะได้รับความยุติธรรม และเชื่อใจ แต่นั่นเป็นการถ่วงเวลา
ปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป และสุดท้ายก็จำต้องยอมรับเงื่อนไขใหม่ (แต่ก็ยังเสียเปรียบอยู่ดี) เพราะไม่สามารถทำอะไรที่ดีกว่านั้นได้อีกแล้ว
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ที่จะขอยื่นกู้สินเชื่อบ้านรายใหม่ ไม่ใช่อนุมัติแล้วมัวแต่ดีใจ (ได้หนี้ก้อนโตมากอดอย่างภูมิใจ) โดยไม่อ่านรายละเอียดสัญญาให้รอบคอบ การพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดต่างๆ แตกต่างจาก ทำสัญญาในทางกฏหมาย อย่าไปเชื่อใจ ไว้ใจ
ถ้าเรื่องเพิ่งเกิด ควรรีบดำเนินการทันที (ถ้าเรามั่นใจว่ามีหลักฐานเอกสารทุกอย่างเป๊ะ) อย่าไปฟังถ้าแบงค์บอกให้รอ รอ รอ รอเคลียร์
เท่ากับปล่อยเวลาให้เราเสียประโยชน์ ดอกเบี้ยมันทำงานทุกวัน
กรณีดิฉันไม่มีประโยชน์ที่จะไปฟ้องร้อง เสียเวลา เพราะเรื่องมันผ่านมา2ปีกว่าแล้ว มัวแต่เสียเวลาเชื่อแบงค์ รอเคลียร์ แต่เมื่อเคลียร์แล้ว
ยังไม่ยุติธรรมอยู่ดี (ยังเสียเปรียบ)
อยากทราบว่าถ้าเราจะรีไฟแนนท์บ้าน คุณสมบัติของเจ้าของบ้านที่จะรีไฟแนนท์ต้องเป็นอย่างไรคะ
และที่ธนาคารไหนดีที่สุด