คนที่สอบTOEICได้เต็มควรคิดค่าสอนพิเศษเท่าไหร่จึงเหมาะสม

คือว่าเจ้าของกระทู้รับสอนพิเศษภาษาอังกฤษมาระยะหนึ่ง ละแวกชานเมือง คิดค่าสอนตัวต่อตัวชั่วโมงละ 250 ปกติจะสอนครั้งละ 2 ชั่วโมง ก็จะได้ 500 ไม่ได้คิดว่าคุ้มไม่คุ้มเพราะชอบสอน ได้สอนแล้วมีความสุข ยิ่งถ้านักเรียนตั้งใจ คุณครูจะแฮปปี้มาก ยิ่งถ้าได้เห็นการพัฒนาของลูกศิษย์นี่ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่มาก  ทีนี้มีวันนึงที่ไปสอบ TOEIC ผลออกมาได้เต็มทั้ง listening และreading part รวมกันก็990  แล้ววันก่อนรู้มาว่าเพื่อนที่จบรุ่นเดียวกัน (เค้าได้TOEICน้อยกว่าเรานิดหน่อย) เค้าคิดค่าสอนตัวต่อตัว (เค้าสอนในกรุงเทพนะคะ) ชั่วโมงละ 500-650 เราก็เลยคิดว่าเราประเมินค่าตัวเองต่ำไปรึเปล่า น่าจะขึ้นค่าสอนได้แล้วเนอะ  โดยเฉพาะ course TOEIC เราก็สอนมาหลายปี มีเทคนิค มีเอกสารและสื่อการสอน (CD) ให้พร้อม แต่ก็ไม่อยากคิดแพงจนเกินไป สงสารพ่อแม่ผูปกครองที่จ่ายค่าเทอมแล้วยังต้องมาจ่ายค่าเรียนพิเศษเพิ่มอีก  เลยคิดว่าถ้าเป็นเด็กประถม มัธยม จะคิดชั่วโมงละ 300-400 (ถ้าเดินทางไกล/ไปลำบาก จะคิด 400) แต่ถ้าระดับมหาลัย และ course TOEIC /IELTS จะคิดชั่วโมงละ 500 จะเหมาะสมมั้ยคะ หรือเพื่อนๆคิดว่าอัตราเท่าไหร่จึงจะพอดีคะถ้าจะให้ลูกหลานมาเรียน (เรียนครั้งละ 2 ชั่วโมง) หรือว่าจะคิดเป็นคอร์สไปเลยดีคะ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คะแนนสอบ TOEIC ได้แค่ไหน ไม่เห็นจะเกี่ยวกับอัตราค่าสอนภาษาอังกฤษเลย  เพราะ TOEIC ก็ไม่ใช่ข้อสอบที่ยากนักหรอก
ความสำเร็จในการสอนภาษาอังกฤษมันขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆเหล่านี้ต่างหาก

1 ผู้สอนหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมหลายๆด้านในสาขา English studies หรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่นถ้านักเรียนออกเสียงภาษาอังกฤษไม่ชัดคุณเขียน side-of-a-head diagram แล้วชี้บอกนักเรียนได้หรือเปล่าว่าต้องขยับอวัยวะส่วนไหนอย่างไรเพื่อออกเสียงให้ถูกต้องได้ หรือถ้านักเรียนเขียนภาษาอังกฤษเละไม่เป็นภาษาคน คุณวินิจฉัยได้หรือไม่ว่า "ป่วยตรงไหน (อย่าคิดว่าสอนแต่ grammar จะแก้ปัญหาได้นะ)" เพราะ syntactic errors in the writing of second language learners เยียวยาไม่ได้ง่ายๆโดยการป้อนนักเรียนแต่บทเรียน grammar ถ้าไม่เชื่อก็ว่างๆลองไปค้นคว้าดูจะเห็นว่ามันมีอะไรที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้นอีกเหลายๆเท่า! จริงๆแล้วการแก้ปัญหาอีกหลายๆอย่างในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษนั้น จะกระทำได้ก็ต้องอาศัยลูกเล่นอันแพรวพราว คนที่จะทำได้ดีต้องมี precise logic and creative imaginations  ผู้สอนมีคุณสมบ้ติเหล่านี้หรือเปล่า

2 ผู้สอนหมั่น survey ตลาด textbooks และ สื่อการสอนภาษาอังกฤษดีๆจากต่างประเทศหรือเปล่า โดยการนำมันมาหัดตัดต่อทดลองใช้งาน ทดลองเขียนหลักสูตรภาษาอังกฤษขึ้นเอง รู้วิธีวางแผนการสอน และวัดผล หรือเปล่า  รู้วิธีค้นค้นเทคนิคการสอนใหม่ๆหรือเปล่า

3 ใช้เทคโนโลยีระดับไหน ถ้าคนสอนเก่ง computer software มากๆ แบบ เลิกแจก sheets เลิกใช้ whiteboard กับ marker เลิกใช้กระดาษกับปากกา แต่หันมาใช้ digital media สอนหมด จะกลายเป็นได้เปรียบมากๆ

^
ค่าสอนต้องคิดตามปัจจัยและคุณสมบัติเหล่านี้
.....................................................................................................................................................................................
จริงๆแล้วเรื่องสอนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวนี่บอกตรงๆว่าก็น่าลำบากใจเหมือนกัน...!!???

เพราะถ้านักเรียนไม่รวยมากๆก็เรียนได้แค่อาทิตย์ละครั้งๆละ 2 ชม. เอง เวลาเรียนขนาดนั้นเราว่าถ้าสอนนักเรียนที่ไม่อ่อนมากนักให้เก่งขึ้นมันพอทำได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าจะสอนนักเรียนที่อ่อนมากๆให้ได้แค่พอลืมตาอ้าปากช่วยตัวเองได้ โหมันต้องใช้เวลานานมากๆ (ต่อให้คนสอนรู้วิธีถ่ายทอดความรู้ได้ดีเยี่ยมก็ตามเถอะ เพราะการสอนภาษาอังกฤษมันไม่ได้ทำได้ง่ายนักนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสอนนักเรียนที่อ่อนมากๆน่ะ)

ก็เลยเราคิดว่าถ้าได้ค่าสอน ชม. ละ 500 - 700 บาท สอนทีละ 2 ชม. ก็ได้จากนักเรียน 1,000 - 1,400 บาท มันก็ดูดีหรอก แต่จะหานักเรียนที่มีเงินจ่ายมากขนาดนี้น่ะ ไม่ง่ายนักนะ เว้นเสียแต่คนสอนจะอยู่ในแวดวงนักธุรกิจรวยๆที่จะไว้ใจจ้างให้คุณสอนลูกหลานพวกเขา

แต่จะอย่างไรก็ตามเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเราเพิ่งทำงานค้นคว้า โดยการ survey  textbooks และ สื่อการสอน แบบ digital media ดีๆเป็นจำนวนมากจากต่างประเทศ โดยการเอามันมาทดลองตัดต่อเพื่อเขียนบทเรียนภาษาอังกฤษดีๆขึ้นมาได้ จนเราค้นพบวิธีสอน ฟัง พูด อ่าน เขียน และ grammar  ไปพร้อมๆกันในแต่ละ session โดยใช้ computer software ช่วยทุ่นแรงในการเรียนการสอนด้วย  

เราก็เลยร้อนวิชา ยอมรับสอนตัวต่อตัวราคาถูกๆประมาณ ชม. หนึ่งแค่ 300 บาทเอง สอนครั้งหนึ่งก็รับเงินแค่ 600 บาทเอง แต่ปัญหาที่เจอก็คือ

1. นักเรียนส่วนใหญ่มีเงินพอที่จะเรียนได้แค่อาทิตย์ละ 2 ชม. เอง ซึ่งโอเคนักเรียนมีความก้าวหน้าบ้าง แต่ก็ยังไม่เร็วเท่าเรียนอาทิตย์ละ 8 ชม. คือเรียนวันละ 2 ชม. 4 วันต่ออาทิตย์แบบที่เราเคยเปิดสอนเป็น class สมัยก่อนน่ะ

2. การสอนในราคาขนาดนั้น ทำให้ยิ่งรับสอน เรายิ่งเสียรายได้จากการทำงานแปลเอกสาร เพราะบางทีเราแปลเอกสาร 2 ชม. เราได้เงินมากกว่านั้นตั้ง 3-4 เท่าก็มี

สรุปแล้วเราคิดว่า

"การสอนตัวต่อตัวไม่ค่อยได้ผลหรอก สู้สอนเป็น class ไม่ได้"  
^
ทั้งนี้ เว้นเสียแต่ว่านักเรียนจะกระเป๋าหนักมีเงินจ่ายค่าเรียนได้ถึงอาทิตย์ละ 8 ชม. ขึ้นไป

ยกตัวอย่างการสอนเป็น class ที่ได้ผลดีเยี่ยม นั่นก็คือ เช่นเมื่อหลายปีมาแล้วเราเคยติวนักเรียน ม. ปลาย 1 ปีการศึกษาเต็มๆ โดยติวอาทิตย์ละ 8 ชม. พอนักเรียนเรายกชั้นเอ็นเข้ามหาลัยไปได้หมด หลายๆคนเก่งพอที่จะทำงานแปลเอกสารหาลำไพ่พิเศษในขณะเรียนมหาลัยไปได้ด้วย เพราะเราสอนไปเข้มข้นมากๆ และมีเวลาสอนยาวมากๆจึงประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ

แต่การสอนตัวต่อตัวแค่อาทิตย์ละ 2 ชม.  เราว่านักเรียนก้าวหน้าช้ามากๆ เราเลยเลิกรับสอนไปเลย แล้วรอจนกว่าเราจะมีสถานที่ซึ่งใหญ่พอที่จะเปิดเป็น class ได้ แล้วตอนนี้เราก็ทำแต่งานแปลเอกสาร ไม่รับสอนอีกแล้วหละ

สำหรับการเช่าสถานเพื่อเปิดสอนนะ บอกตรงๆว่าไม่อยากปวดหัวมานั่งทำการตลาดขาย courses ให้ทะลุเป้า  แต่รับสอนในบ้านนี่ไม่ต้องทำการตลาดมากนัก ไม่ต้องคิดนักเรียนแพงมากนักด้วย แต่นักเรียนมาเรียนเป็น class ทีละหลายๆคน เราก็ได้กำไรบานแล้วเพราะสอนในบ้านตัวเองไม่มีรายจ่ายมากนัก ไม่เหมือนไปเช่าสถานที่  แต่ตอนนี้เรารับสอนในบ้านไม่ได้เพราะพ่อเราไม่อยากให้คนแปลกหน้าเข้ามาเพ่นพ่าน

เราก็เลยตอนนี้ขอทำงานแปลเอกสารอย่างเดียวไปเรื่อยๆ (เผอิญตอนนี้งานแปลเอกสารเข้าเยอะมากๆด้วยดิ) แล้วเราก็ทำงานค้นคว้าเรื่องการสอนภาษาอังกฤษไปเรื่อยๆ และสะสม textbooks และ สื่อการสอน แบบ digital media กับ computer software (ที่ใช้ช่วยสอนภาษาอังกฤษ) ดีๆเป็นจำนวนมากจากต่างประเทศ  ไปเรื่อยๆ  เอาไว้วันไหนเราได้รับมรดกบ้านกับที่ดิน (มีความเป็นไปได้ว่าเราจะได้มรดกจากคน 3 คน)  ได้เมื่อไหร่แล้วเราจะกลับมาเปิดสอนเป็น class ใหม่...555+++...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่