Air Asia กับการบริการสุดห่วย

กระทู้สนทนา
เพื่อนๆ มีใครเคยใช้บริการกับ Air Asia แล้วเจอแบบนี้บ้างมั๊ยเศร้า
วันนี้วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน  2556  ผมและครอบครัวได้ไปส่งแม่ขึ้นเครื่อง flight บินตรงภูเก็ต-เชียงใหม่ แต่ไม่สามารถโหลดสัมภาระใต้เครื่องได้ ทางพนักงานที่เคาเตอร์แจ้งว่าเราไม่ได้จ่ายค่าสัมภาระรวมมาตอนที่จองซื้อผ่านเน็ต และไม่อนุญาตให้ถือ/หิ้วของขึ้นเครื่องเกิน 7 กิโล น้ำหนักกระเป๋าของแม่ในตอนนั้นอยู่ที่ 11 กก. พนักงานคนเดิมพูดจาด้วยท่าทีไม่แยแสว่าถ้าจะโหลดต้องจ่าย 900  ซึ่งทางเราได้ร้องขอความเห็นใจว่าแค่ 4 กิโลให้คุณแม่ถือขึ้นเครื่องได้หรือไม่ เพราะไม่งั้นเราต้องจ่ายค่าสัมภาระถึง 900 บาท ซึ่งทางเราคิดว่ามันโหดเกินไปหรือปล่าว ปกติผมไม่เคยใช้บริการสายการบินนี้เลยครับ เลยไม่รู้ว่าเค้ามีกฏแบบนี้ ถ้ารู้ปัญหาคงไม่เกิด แต่ด้วยความจำเป็นที่แม่ผมต้องไปพบแพทย์เพื่อเพื่อเช็คระบบหายใจ ซึ่งเป็นแพทย์ประจำที่เชียงใหม่ วันนี้สวยการบินอื่นเต็มหมด ด้วยความผิดพลาดนี้แม่ผมเลยร้องขอความเห็นใจ ครั้งนี้จะผ่อนผันได้บ้างมั้ยแต่พนักงานคนเดิมใช้คำพูดห้วนๆ และยืนยันด้วยท่าทีเดิมๆ คือต้องไปจ่ายเงินเท่านั้น และได้แสดงกิริยามองเหยียดๆ ในตอนที่แม่ของผมพูดขอความเห็นใจ ปัญหาที่ตามมาติดๆ คือแม่ผมได้แช่แข็งอาหารทะเล แพ็คกล่องโฟมอย่างดีเพื่อนำไปฝากหลานๆ ซึ่งน้ำหนักก็ไม่ถึงเจ็ดกิโล ก็ถูกปฎิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่อง ทั้งๆ ที่เราแพ๊คมาอย่างดี ไม่มีน้ำ้แข็งและกลิ่นรบกวน พวกคุณลองคิดดูนะครับ หัวใจของคนเป็นย่า/ยาย อยากเอาของกินที่หากินยากจากใต้ไปให้หลานรักที่อยู่เหนือได้ทานกัน แต่กลับไม่สามารถเอาไปให้หลานได้ ความรู้สึกของย่าแทบสลาย แม่ผมร้องไห้ด้วยความเสียใจหน้าเคาเตอร์ Air Asia เลย สุดท้ายคือผมต้องจ่ายเพิ่มแีก 900 เพื่อให้แม่สามารถนำกระเป๋ากลับไปได้ และต้องจ่ายเพิ่มอีก 256 บาทเพื่อส่งอาหารทะเลไปกับคาร์โก้ของการบินไทย สรุปแล้วผมต้องจ่ายรวมแล้วทั้งหมด 5856 โดยประมาณ...

และสุดท้ายที่รู้สึกแย่มากๆ คือ การปฎิบัติตัวและท่าทีที่ดูแคลนของพนักงานเคาเตอร์ที่มีต่อลูกค้าทั้งด้วยสีหน้า และคำพูด ทำเอาแม่ผมถึงกับน้ำตาซึม ผมเลยตัดสินใจที่จะแจ้งให้ผู้บริหารสายการบิน Air Asia ได้รับรู้ถึงพฤติกรรมดังกล่าว และเพื่อจะได้ไม่ทำให้พนักงานคนอื่นที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้ได้รับผลกระทบไปด้วย ผมจึงได้ถ่ายรูปพนักงานคนนั้นเพื่อแนบเอกสารร้องเรียน แต่พนักงานคนนั้นได้เดินเข้ามาใช้ไหล่กระแทกที่ข้างลำตัวผมถึงสามครั้งอย่างแรง พร้อมตวาดว่า ถ้าดิฉันไม่อนุญาติ ใครก็จะมาถ่ายรูปดิฉันไม่ได้ เธอใช้มือบีบแขนผมเอาไว้ และใช้เครื่องมือสื่อสารเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ผมเข้าใจว่าเราไม่ได้มีเจตนาที่จะทำลายชื่อเสียงบริษัท เพียงแค่ต้องการรูปพนักงานคนดังกล่าวใช้แนบเอกสารการร้องเรียนเท่านั้น แต่เธอได้ตวาดให้ผมลบรูปออก ซึ่งผมก็ได้ปฏิบัติตาม เพราะเธอเป็นผู้หญิง ผมพยามยามอดกลั้นไม่ตอบโต้ แต่จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องถึงขั้นทำร้ายร่างกายลูกค้าและพูดจาข่มขู่ ซึ่งพนักงานคาร์โก้ได้บอกในภายหลังว่ามีลูกค้าโดนแบบผมบ่อยมาก และเจอปัญหาเดียวกันกับผมมีทุกวัน วันละหลายๆรายแสดงว่าปัญหานี้ไม่ได้เกิดเฉพาะตัวผมในวันนี้  แต่หลานคนเลือกที่จะคิดว่าชั่งมันผ่านแล้วก็ผ่านไป เราเป็นลูกค้าจ่ายเงินเพื่อมาใช้บริการสายการบินแห่งนี้ แต่ต้องมาเจอกับพฤติกรรมแบบนี้ ของพนักงานท่านนี้  ผมไม่ตำหนิองค์กรหรอกครับแต่ผมขอตำหนิเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการทั้งหลาย ซึ่งก็ไม่ใช่จะทั้งหมด ที่ดีเราพร้อมชื่นชม แต่ถ้าเจอแบบที่ผมได้กล่าวมา พวกท่านจะคิดอย่างไร และสมควรหรือไม่ที่ในโอกาสต่อไป ผม/ครอบครัวและคนที่ผมรู้จักจะกลับมาใช้บริการสายการบินนี้อีก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่