[[[เฉลย]]] เรื่องบางเรื่องสำหรับคนบางคน มันก็เกินไปจริงๆ [เหตุเกิด ณ ห้างดอกบัว]

จากกระทู้ http://pantip.com/topic/30393615

ขออนุญาตออกมาเฉลยข้อสงสัยของหลายๆท่านนะครับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ณ ห้างดอกบัวหรือไม่
เป็นเรื่องจริงครับ และเกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นได้ระยะหนึ่งแล้ว และสาขาไหน ผมขอไม่บอกนะครับ
ถ้าท่านไหนอยากทราบจริงๆ ผมขอเป็นบอกใบ้หลังไมค์แทนนะครับ

พี่ผู้ชายใช่ จขกท. หรือไม่
หลายท่านเดาถูกครับ ตามนั้นเลย

สาเหตุที่ผมตั้งกระทู้นั้นมี 2 สาเหตุใหญ่ๆ
1. เรื่องของผมมีส่วนคล้ายกับเรื่องพนักงานโรงหนังดังให้ได้ขบคิดและแลกเปลี่ยนความเห็นกัน
2. คือเรื่องตลกร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตผมเอง

ผมมองว่าถ้าได้มาตั้งและได้ข้อโต้เถียงและข้อขบคิดในวงกว้างและตัวผมเองได้คำตอบกับชีวิตผมด้วย

ขอขยายเนื้อหาบางส่วนเพิ่มเติมจากกระทู้ที่แล้วนิดนึงนะครับ

ในส่วนของโดนัท เป็นโดนัทของห้างเอง ซึ่งจะแพคใส่กล่อง กล่องละ 5-6ชิ้นและมีบาร์โค้ดแปะอยู่
เมื่อชำระเงินแล้ว พนักงานจะนำกล่องโดนัทใส่ถุงของห้างดอกบัว พื้นขาว ตัวเขียว ซึ่งเป็นแบบเดียวกับของภายในครับ

ในส่วนตำแหน่งของจุดขาย อยู่ภายนอกสโตร์ครับ บริเวณทางเข้าออกห้าง

ในส่วนเรื่องการแต่งตัว วันนั้นผมต้องไปพบลูกค้าที่ห้างพอดีครับเลยต้องแต่งตัวค่อนข้างเรียบร้อย

ในเรื่องบัตรเครดิตนั้น ตอนพนักงานทำการแจ้งยอด พนักงานได้สอบถามถึงใบเสร็จโดนัท
ผมตอบไปว่า ไม่ได้รับและแกล้งหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาเลือกหลายๆใบ เพื่อจะลองสร้างโมเมนต์กับพนักงาน
แต่พนักงานไม่สนใจเลยครับ มองหน้าผมประมาณว่าถามหาใบเสร็จไม่ได้ถามหาบัตรเครดิต
โมเมนต์ทั้งหมดโดดกลับมาหาผมซะงั้น

ตัวผมเองไม่ได้ทำงานสายงานบริการ แต่ทำงานในสายงานก่อสร้าง

เรื่องที่เกิดขึ้นผมมองว่าปัญหาหลักๆจริงๆก็คือปัญหาเรื่องคน

ในสถานการณ์ขาดแคลนแรงงานในปัจจุบัน ผมเข้าใจว่าพนักงานที่จ้างมานั้น บางทีตัวผู้จัดการสาขาเองก็รู้ว่า
ขาดคุณภาพ และ ยากที่จะอบรมให้ได้ตามที่ต้องการ

อย่างเช่นงานก่อสร้างของผม ผมรู้ว่าคนงานชุดนี้ไม่มีฝีมืองานฉาบเลย
คอนเซาท์ก็มาถามว่าที่ฉาบเนี่ย ใช้มือหรือ teen ฉาบ

สิ่งที่ผมทำได้ก็คือ ขอโทษคอนเซาท์ และบอกว่า ผมควบคุมงานไม่ทั่วถึงเอง
ปกติผมจะพยายามตามคอนเซาท์ตลอด เพราะบางทีลูกน้องเราบางคนไฟยังแรงและไม่เข้าใจ
ว่าเรากับเขาต้องต่างคนต่างทำหน้าที่  จนโดนแซวบ่อยๆว่าเป็น โปรเจคหนังหน้าไฟ หรือ โปรเจคกันชน
เข้าไปห้องคอนเซาท์ทีนึง เค้ารู้กันหมดว่าต้องมาให้ใครซักคนนึงด่า ดูซิมันจะลงโต๊ะไหน

และผมไม่สามารถบอกคอนเซาท์ได้ว่า ผู้รับเหมาเป็นคนทำ มาด่าผมทำไม
เพราะถ้าบอกไป คอนเซาท์ก็ถามว่าจะให้ผมจ่ายเงินบริษัทคุณหรือบริษัทผู้รับเหมาหละ ผมคงเงิบไปเลย

ประโยคคลาสสิคที่ผมมักจะได้ยินจากช่างเสมอๆก็คือ
คุณภาพแค่นี้แหละผ่าน ทำที่ไหนๆที่ไหนก็ผ่าน คอนเซาท์เรื่องมากเอง

ทั้งๆที่ผมรู้ว่างานไม่ดี แต่ผมไม่สามารถอัดผู้รับเหมาแรงๆได้ เพราะกลัวผู้รับเหมาหนีและงานไม่เดิน
และถ้ายิ่งเลวร้ายกว่านั้นก็คือ ผู้รับเหมาเห็นเราหงอมากๆ ก็จะได้ใจและคุมเกมกันไม่อยู่และงานจะเละกว่าเดิม

ทางที่ดีก็คือ พยามยามกันคอนเซาท์ออกจากลูกน้องและผู้รับเหมาและกลบแรงกระเพื่อมแต่แรกเลยจะดีกว่า
สรุปก็คือ รู้ว่าทำงานไม่ดี แต่ถ้าทำให้บริษัทกำไร ก็ต้องยอมให้ทำไป

ส่วนสถานการณ์ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ก็ต้องประเมินให้ดีและรับกับสถานการณ์ให้ได้
และทำงานให้คุ้มค่าจ้างไม่ให้เค้าเชิญออกก็พอ

สถานการณ์ห้างดอกบัวเช่นกัน ผมเชื่อว่าผู้จัดการเองก็รู้ว่าพนักงานขาดคุณภาพ แต่ถ้าจ้างมาและทำงานได้ห้างมีกำไร
และเพื่อผลกำไรสูงสุด มันก็ต้องจ้าง  

ผมจึงเลือกที่จะคุยกับผู้จัดการสาขา พอผมเจอผู้จัดการผมยอมรับว่าแปลกใจมาก
เพราะเป็นผู้หญิงและอายุพอๆกับผมซึ่งผมมองว่า ห้างดอกบัวน่าจะมีเงินหมุนเวียนต่อสาขาต่อวัน
น่าจะสูงกว่าโครงการก่อสร้างที่ผมทำแน่ๆ ดังนั้นคนคนนี้ต้องมีอะไรดีแน่นอน

พอผมชี้แจงปัญหาทั้งหมดไป คำตอบแรกที่ได้คือ ยามเป็น outsource ผมยอมรับเลยครับว่าอึ้งกับคำตอบมาก

ผมมองว่าคำตอบนี้ตอบบนพื้นฐานของการนึกถึงห้างมากกว่านึกถึงลูกค้า
ถึงห้างจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ผู้จัดการ แต่ผู้จัดการก็อย่าลืมว่าในทางเดียวกันลูกค้าก็เป็นคนจ่ายเงินเดือนให้ห้าง

ผมเลยอยากให้ผู้จัดการรู้สึกแย่และมองกลับว่าทำไมลูกค้าถึงทำแบบนี้
ลูกค้ารู้สึกแย่ขนาดนี้เลยหรอและถ้าลูกค้ารู้สึกแบบนี้ วิธีการแก้ปัญหาควรจะแก้แบบไหน

และในขณะเดียวกัน ผมมองว่าเหล่าพนักงานของห้างเอง จริงๆแล้วเค้าไม่ใช่คนที่เลวร้ายอะไร
เค้าแค่ทำในสิ่งที่เค้าคิดว่ามันถูกเท่านั้นเอง ไม่ได้ต่างอะไรกับประโยคคลาสสิคที่ผมเจอเลย
ผมก็รู้ครับว่าเค้าก็รู้ว่าเค้าไม่กลัวการถูกไล่ออกหรอก เพราะถึงออกเค้าก็หางานใหม่ได้
แต่ผมอยากให้เค้ารู้สึกสงสารผู้จัดการ เห็นว่าต้องทำให้ดีกว่าเดิมไม่ให้ลูกค้าทำกับผู้จัดการแบบนี้อีกแล้ว

บางคนอ่านถึงตรงนี้ก็คงสงสัยว่า ก็รู้ปัญหาแล้วทำไมยังทำแบบนั้นอีก
ผมยอมรับว่ามีทั้งอารมณ์โกรธปนอารมณ์อยากแนะนำ อยากรักษาสิทธิ์ของลูกค้า และเราต่างคนต่างทำหน้าที่เท่านั้นเอง

ส่วนเรื่องตลกร้ายในชีวิตผม ก็คือเหตุการณ์ที่ต่อจากเหตุการณ์นี้ก็คือเรื่องของแฟนของผมครับ ก็คบกันมาเกือบๆปีนึง
ที่ผมบอกว่า ผมให้เธอไปรอในรถ แต่จริงๆแล้ว เธอยืนรออยู่ห่างๆครับและดูอยู่ทุกอย่าง
พอผมเดินออกมาก็เจอน้องเค้า สีหน้าน้องเค้าเหมือนทั้งรู้สึกโกรธ รู้สึกแย่
น้องเค้ามองหน้าผม และมองผ่านหลังผมไป ตอนนั้นเองที่ผมหันไปมองถึงรู้ว่าผู้จัดการน้ำตาคลอเบ้าและเดินกลับเข้าไป

ผมชอบน้องเค้ามาตั้งแต่น้องเค้ายังไม่มีแฟน จนน้องเค้ามีแฟน จนเลิกกับแฟน
ผมเป็นคนซับน้ำตาให้น้องเค้า เป็นคนบอกว่าในโลกนี้ยังมีเพื่อนอีกตั้งหลายคน เป็นคนบอกว่าผมจะเป็นคนที่ดีสำหรับเค้า
น้องเค้าเริ่มดีขึ้น ร้องไห้น้อยลง เปิดใจให้ผมมากขึ้น และเราก็ตกลงมาคบหากัน

จนเหตุการณ์ในวันนั้น ผมคิดว่าคงไม่มีอะไรก็ไปส่งที่บ้านตามปกติ
ก่อนที่จะลงรถ น้องเค้าก็บอกผมว่า เราเลิกกันเถอะ

เหตุผลเพราะว่า เค้ารู้สึกรับไม่ได้มากๆกับสิ่งที่ผมทำ เรื่องนี้เค้าคิดนานแล้ว
เค้ากลัวว่าวันนึง ผมจะทำแบบนี้กับเขา
น้องเค้าขอเก็บภาพพี่ที่ดีแบบนี้ไว้ดีกว่า เพราะถ้าวันนึงผมทำแบบนี้กับน้องเค้า
เค้าคงจะไม่อยากเห็นหน้าผมอีกตลอดชาติ

ผมพยายามให้เหตุผลว่า ผมไม่เคยพูดแบบนี้กับน้องเค้านะ แต่น้องเค้าก็ยืนยันว่าตอนนี้ความรู้สึกเค้าเปลี่ยนไปแล้ว
เค้ารู้สึกกลัวจริงๆ ตอนนี้ไม่สนิทกันมาก แต่ถ้าวันนึง เราโกรธกัน เรางี่เง่ากัน เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่นอน

หลายครั้งที่เธอได้ยินผมคุยโทรศัพท์ หรือ สั่งงาน การตามงานของผมแรงๆนั้น เธอเองรู้สึกไม่ชอบ และรู้สึกว่ามันแย่มาก
แต่ครั้งนี้สำหรับเธอมันเกินไป และเกินไปมากๆ ขอให้ผมเข้าใจน้องเค้าและยอมรับการตัดสินใจ

คำตอบของหลายๆท่านทำให้ผมรู้เลยว่าผมเองผิดพลาดอย่างมากที่ไม่คิดว่าเรื่องนี้ก็มีคนมองว่าเป็นเรื่องร้ายแรง
และผมไม่รอบคอบเอง ผมรู้อยู่แล้วว่าน้องเค้าไม่ชอบ แต่ผมกลับมองว่าคงไม่มีอะไรหรอกมันไม่ได้รุนแรงอะไรมากมาย
ผมมองข้ามจุดนี้ไปจนเลยจุดที่จะแก้ไขได้แล้ว

ผมก็ได้แต่คิดว่าผมเองก็อายุ 28 น้องเค้าก็อายุ 23  อายุเราก็ต่างกัน 5 ปี คงมีมุมมองหลายอย่างที่ยังต่างกันมาก
ก็คงยอมรับการตัดสินใจซึ่งกันและกันและปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคต

ผมรู้สึกขอบคุณมากสำหรับข้อคิดเห็นต่างๆในเนื้อหากระทู้ให้สมาชิกหลายๆท่านได้อ่าน ได้เป็นข้อขบคิด ซึ่งยอมรับว่าบางความเห็นนั้นดีมากๆและตัวผมเองยังไม่เคยมองถึง ณ จุดนั้น
และขอบคุณมากสำหรับความคิดเห็นที่ทำให้ผมรู้ข้อผิดพลาดในชีวิตผมเช่นกันครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 11
คุณจขกท.คะ คุณไม่ต้องเสียใจเรื่องน้องคนนั้นหรอกค่ะ เธอแค่ขี้ขลาด เมื่อก่อนเราก็เคยขี้ขลาด ไม่สิเดี๋ยวนี้บางครั้งก็เป็น แฟนเราเป็นแบบคุณเลย

ค่ะ   เป็นคนอารมณ์แรงและไม่ยอมให้กับความไม่ถูกต้อง เราแน่ใจว่าถ้าแฟนเราเจอแบบคุณเค้าต้องโวยวายเสียงดัง หรือทำอะไรคล้ายๆคุณแน่ค่ะ

แรกๆตอนคบกันเรารับไม่ได้ เราต่อว่าเค้าว่าทำไมต้องให้เป็นเรื่องใหญ่ ทำไมแค่นี้ไม่ยอมเราอายคน และเวลาที่เค้าทำอะไรแบบนี้อยู่ไม่ว่าเราจะพูด

อะไรเค้าจะไม่ฟังเราเลย แต่หลังๆมาเราเริ่มชิน กับสิ่งที่เค้าทำ หรือบางครั้งก็รู้สึกดีเวลาเราเจอเรื่องอะไรเค้าจะเป็นคนออกหน้าให้ตลอด ตอนนี้รู้สึก

ดีที่เค้าเป็นคนแบบนี้เพราะเค้าเป็นที่พึ่งให้เราได้ แต่ถ้ามีเหตุการณ์ที่เราไม่อยากฟัง หรือเรารู้ว่าเค้าจะต่อว่าพนักงงาน เราจะเดินหนีค่ะ ไม่อยากฟังก็

ไม่ฟังแต่ปล่อยให้เค้าทำไป เพราะเราคิดว่าสิ่งที่เค้าทำถูกต้องค่ะ ขอยกตัวอย่างความกล้า(ที่ไม่ใช่วีน)ให้ฟังนะคะ ไม่นานนี้เองเราประทับใจมาก

ตอนขากลับจากเกาะหลีเป๊ะต้องนั่งสปีทโบ๊ท ซึ่งที่นี่เรียกขึ้นเรือตามบัตรคิว เราได้คิวท้ายๆพอลงเรือไปไม่มีที่นั่งค่ะ มีแต่ที่ยืนหัวเรือซึ่งเรากลัวผิว

ไหม้มาก แต่เราก็ทำใจ แต่แฟนเราไม่อย่างนั้นค่ะ เค้าบอกว่าไม่ยอมให้เรายืนตรงนี้ เค้าจัดแจงเดินดูทุกที่นั่งที่มีคนอยู่และจัดแจงหาที่นั่งที่พอแทรก

ได้ให้เราเข้าไปนั่งค่ะ   เราก็รีบไปนั่งที่น้อยนิดก็ยังดีส่วนเค้าก็ยืนข้างๆเรา ซึ่งคิดดูถ้าเป็นคนอื่นคงปล่อยตามยถากรรม ถึงเหมือนเรื่องเล็กน้อยแต่มัน

ทำให้เรามั่นใจในตัวเค้าค่ะว่าคนนี้แหละที่ดูแลเราได้ และตลอด5-6ปีที่ผ่านมาเค้าไม่เคยนิ่งนอนใจกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง บางทีเยอะไปเราก็เคืองๆ

วีรกรรมเค้าเยอะมากค่ะ แต่ถ้าไม่ได้เค้าเราก็ไม่รู้จะเป็นยังไงในหลายๆเรื่อง โลกจำเป็นต้องมีคนอย่างแฟนเราหรือคนอย่างจขกท.ค่ะ เพราะฉะนั้น

น้องคนนั้นของคุณพลาดแล้วแหละค่ะ อ้อแฟนเราไม่เคยทำไม่ดีหรือพูดไม่ดีกับเราแม่แต่ครั้งเดียว ทำให้เสียใจก็ไม่เคย เพราะเช่นนั้นไม่จริงหรอกที่

วีนไปทั่วแล้วจะมาทำกับเรา แฟนคุณแค่ขี้ขลาดเฉยๆ
ความคิดเห็นที่ 17
จขกท. ผมว่าคุณไม่ได้ผิดอะไร

ใครอยู่สถานการณ์แบบนั้นไม่มีอารมณ์โกรธก็คงโคตรแปลกล่ะครับ

แต่ที่ผมแปลกใจอยู่อย่าง หลายที่มากที่ผมเห็นผู้จัดการสาขา ทำหน้าที่ไม่สมกับตำแหน่ง

ร้านไอติมชื่อดัง ผู้จัดการหน้าตาเป็นส้นตึกทั้งวัน รับออร์เดอร์ลูกค้าทำหน้าปวดขี้

ผู้จัดการโรงหนังเร็วๆนี้ แหกปากเถียงลูกค้า (ฆ่าตัวตายชัดๆ)

และอีกหลายๆที่ ผมแปลกใจว่าบุคลากรงานด้านบริการเราขาดแคลนมากขนาดนี้เลยหรือ

แค่หาคนที่สามารถทำงานที่เหมาะสมกับตำแหน่งยังหาไม่ได้เอามาแค่มีวุฒิมาสมัครเป็นพอ แล้วกดเงินเดือนต่ำๆ

ไหวพริบการทำงานแทบไม่เห็น การแก้ปัญหาแบบขอไปที ไม่เข้าใจถึงปัญหา ตีโจทย์ไม่แตก

IQ เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ EQ แทบไม่มี

ถ้าบางคนจะบอกว่า คนที่ทำงานบริการก็มีอารมณ์เหมือนกัน

มันก็ใช่ แต่ ถ้าถึงเวลาทำหน้าที่ คุณต้องสวมหัวโขนแล้วทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

เมื่อก่อนผมเป็นดีเจ เถียงทะเลาะกับผู้จัดการร้านแทบจะกระทืบกัน

แต่ถึงเวลาทำงานต้องสวมหัวโขนทำหน้าที่เอ็นเตอร์เทนลูกค้า ต้องยิ้มแย้ม

แม้ว่าใจอยากจะไปกระทืบผู้จัดการก็ตาม

ส่วนเรื่องแฟนผมว่าปล่อยเขาไปเถอะ อายุยังแค่นั้นเอง คงไม่ได้คิดอะไรที่มันไกลไปมากกว่าเดือนหน้า

น้องเค้าคงกลัวว่าคุณจะทำแบบนั้นกับเค้า

ทั้งที่มันไม่จำเป็นเลยที่เวลาเราโกรธคนอื่นแล้วต้องมาทำแบบเดียวกันกับแฟน

ผมว่าคุณเป็นตัวของตัวเอง มีความแน่นอน เด็ดขาด ไม่โลเล

ผมว่าหลายคนที่เจอแบบคุณอาจจะไม่มีปากเสียงก็ได้ แต่ยอมให้ถูกกระทำ แล้วค่อยหยวนๆไป




ผมจะเล่าให้ฟังคล้ายๆกับจขกทเรื่องโมโหและการแสดงออก

กาลครั้งหนึ่งผมกับแฟนขึ้นรถเมล์ตอนดึก แต่มีคนเต็มรถ ผมกับแฟนก็ยืนโหน

สักแปบผู้ชายที่นั่งเบาะริม สกิดแขนแฟนผมแล้วพูดอะไรบางอย่าง ผมก็นึกว่าเค้าจะลุกให้นั่ง

แต่แฟนผมก็เฉยๆ สักพักก็เอาอีก แล้วอีกครั้งก็เอามือมาจับที่ข้อมือแฟนผม แฟนผมก็สบัดหนี

ผมเลยถามไปว่ามีอะไร ผู้ชายคนนั้นบอกว่า เค้าชวนแฟนผมคุยแต่แฟนผมไม่ยอมคุยด้วย

ผมเลยถามไปว่ามันเป็นสิทธิของแฟนผมที่จะไม่คุย มันยังเถียงอีกว่าไม่ได้

สักแปบมันจะจับตูดแฟนผม ผมเลยถีบไปที่ยอดอก แล้วกระเป๋ารถเมล์ที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่แรก ก็ไล่ผู้ชายคนนั้นลงไป

ก่อนมันลงมันหันมาตบหัวผม ผมเลยถีบมันตั้งแต่อยู่บนรถ ลงไปที่ริมฟุตบาท ตอนนั้นรถจอดสนิทแล้ว

แล้วก็ลงไปกระทืบ จนมันยอมจบแล้วเดินหนีไป  สักแปบแฟนผมเดินมาเพราะลงป้ายถัดไป กลับว่าผมว่าไม่ชอบคนใช้ความรุนแรง

อ้าวเวร สงสัยต้องรอให้มันมาปล้ำก่อนค่อยช่วยใช่ไหมนั่น

สำหรับผมตอนนั้นผมคิดว่าผมต้องปกป้องแฟน

โดยที่ไม่ได้คิดเลยว่าแฟนมองการกระทำนั้นว่าเป็นความรุนแรงไม่ได้มองว่าแฟนกำลังปกป้องเค้าอยู่

นี่คือการมองคนละมุมของผู้ชาย และ ผู้หญิงเลย



จขกท ครับ ผู้หญิงมีอีกเยอะครับ คุณคงไม่ใช่คู่กัน  อายุ 28 มีเวลาหาได้อีกเพียบ
ความคิดเห็นที่ 2
อายุ 28 เท่าผมนะครับ

ผมไม่รู้ว่าคุณได้อ่าน คห. ผมหรือเปล่า และอ่านแล้วจะโกรธจะโมโหผมหรือเปล่า

( ถ้ายังไม่ได้อ่าน ไปกระทู้นี้นะครับ http://pantip.com/topic/30411592 )

จริงๆ เรื่องมันคงจบง่ายๆ ถ้าตอนท้ายคุณไม่แสดงพฤติกรรมดังกล่าว มันแค่จุดๆ เดียวเท่านั้นเอง แต่มันเป็นจุดที่ทำให้คนอ่านบางท่าน ( รวมทั้งผมด้วย ) ไม่ค่อยพอใจเท่าไร

ผมอ่านตั้งแต่แรก ผมไม่รู้สึกอะไรนะครับ เข้าใจว่าเป็นการรักษาสิทธิ์ จนมาถึงตอนท้ายนั่นแหละ ที่ผมมองว่าคุณเจ้ายศเจ้าอย่างไปหน่อย ( ในฐานะที่ผมเป็น พนง. ระดับล่างมาตลอด จึงค่อนข้างจะเห็นอกเห็นใจ พนง. ระดับนี้ด้วยกันอยู่แล้ว ) เพราะถ้ามองอีกมุมหนึ่ง คนแต่งตัวดีๆ ก็เข้าไปขโมยของในห้าง ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป

ห้างแต่ละแห่งถึงจ้างคนมาเป็น จนท. นอกเครื่องแบบ คอยเดินไปมา ถ้าเห็นใครมีพิรุธก็ ว.แจ้ง รปภ. ได้เลย

อีกอย่างกระทู้นั้น คุณก็ไม่ได้เล่าละเอียดว่า แคชเชียร์ก็ดี รปภ. ก็ดี ใช้คำพูด ใช้น้ำเสียงลักษณะไหน ดังนั้นอาจทำให้ตีความได้ทั้ง 2 ด้าน คือทางนั้นเหยียดหยามดูถูกคุณก็ได้ หรือเขาพูดปกติ แต่คุณคิดมากซีเรียสมากก็ได้

แต่พอเจอคุณเฉลยว่าทำงานอะไร เอาละผมเข้าใจคุณทันที เพราะคุณอยู่ในสถานการณ์ที่ "กลืนไม่เข้าคายไม่ออก" ตลอดเวลา ( จะไล่บี้ผู้รับเหมาและช่างมากก็ไม่ได้ ไม่งั้นเดี๋ยวก็ทิ้งงานลาออกไป แต่จะไปโวย Consult ก็ไม่ได้ เพราะเขาถือเป็นเจ้านายคุณ )

คุณมองในบริบทคนเป็นหัวหน้างาน ส่วนผมมองในบริบทคนเป็น พนง.ระดับล่าง มันจึงออกมาแตกต่างกันเช่นนี้

ส่วนเรื่องคุณต้องเลิกกับแฟน ผมขอไม่ซ้ำเติมนะครับ แต่ให้มองว่าเป็นบทเรียน

ผมว่าคนเราส่วนใหญ่ชอบคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน ชอบการให้เกียรติกัน อย่างผมเคยเจอเรื่องไม่ดีกับงานด้านบริการไหม ก็เคยครับ แต่เบื้องต้น ลองพูดกันดีๆ ทักท้วงกันอย่างสุภาพก่อนดีไหม? ไม่จำเป็นต้องแสดงกิริยาที่ทำให้หลายคนมองคุณไม่ดีแบบนั้นก็ได้

เท่าที่ผมทำมา แค่ทักท้วง ตักเตือนกันดีๆ ส่วนใหญ่เขาก็ทำหน้านิ่งๆ แล้วก็ขอโทษนะครับ ยังไม่เคยเจอพวกเกรียนๆ วีนๆ เหวี่ยงๆ ซะที

คุณก็คน เขาก็คนเช่นกัน อยากให้คิดกันแบบนี้มากกว่าครับ

ปล.ตอบในฐานะคนไม่เคยเป็นหัวหน้าคน
ความคิดเห็นที่ 25
เหตุที่ผู้หญิงเขาเลิก .....

เพราะ คุณจริงจังในชีวิตเกินไปหรือเปล่า

เรื่องบางเรื่อง ถ้ามัน ไม่สาหัสสากรรจ์
หรือมีผลกระทบต่อเรื่องงานและชีวิต
ควรรู้จัก ปล่อยวาง บ้างครับ

นักบริหารที่ดี เขาสนใจในรายละเอียด
แต่ มองข้าม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ หยุมหยิม ครับ
ความคิดเห็นที่ 13
เราว่าที่คุณตอบโต้ผจก ห้างคนนั้นคงมีอารมณ์โกรธ(ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว)  เพียงแต่ผู้หญิงที่คบกับคุณเค้าแยกแยะไม่ถูก  ว่าคุณสวมหัวโขนอะไรเวลาทำงาน(คุมผู้ชายจำนวนมากให้อยู่ในร่องในรอย)  ต่อว่าผจก (เพราะลูกน้องทำให้คุณเสียเกียรติต่อหน้าสาธารณะชน)  ดังนั้นปัญหาคุณไม่ใช่วิธีการทำงานหรือการตอบโต้กับคนที่สร้างความเสียหายให้กับชีวิต  แต่ปัญหาคุณคือต้องหาผู้หญิงที่เหมาะสม  มีวุฒิภาวะจากการผ่านโลกมานานพอที่จะรู้ว่าวิธีตอบโต้แบบใดควรใช้ในสถานการณ์ไหน  และเป็นคนที่เคียงบ่าเคียงไหล่คุณได้เป็นอย่างดีต่างหาก

อย่าเศร้าใจไปเลย

ส่วนที่คุณตั้งกระทู้แรกแล้วคนมาเม้นท์แต่เรื่องเท้าเขี่ย  ทำใจซะ  บอร์ดสาธารณะ  คนตอบจะตอบให้ตัวเองดูดี  ฉลาด  มีวิธีต่างๆยังไงก็ได้  แต่ถ้าเผชิญเหตุการณ์ตรงหน้า  หลายคนก็คงมีวิธีแตกต่างกันไป  ดีไม่ดีไม่เหมือนคอมเม้นท์หรูพวกนั้นหรอก  ร้อยพ่อพันแม่

เราว่าคุณยังปราณีนะที่ไม่ทำเรื่องถึงคนที่มีอำนาจสูงกว่า ผจก รายนี้(ซึ่งไม่ได้ผิดตรงยอมขอโทษ  แต่ไม่แก้ปัญหาให้มีความเห็นอกเห็นใจแก่ลูกค้า  อีกทั้งไม่ได้ดูแลการปฎิบัติงานของลูกน้องให้ดีและเหมาะสม  คงเป็นคนที่ห้างจ้างเพราะโพรไฟล์อื่นมากกว่า)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่