จิตสำนึกหลังจากความตาย เรื่องเล่าแปลกประหลาดจากพรมแดนของแพทย์กู้ชีพ

กระทู้ข่าว
โดย BRANDON KEIM 24/4/56

แซม พาร์เนีย ทำงานแพทย์กู้ชีพ หรืออีกนัยหนึ่งเขาช่วยนำผู้คนกลับมาจากความตาย และบางคนกลับมาพร้อมกับเรื่องราว เรื่องเล่าของพวกเขาอาจช่วยรักษาชีวิต หรือแม้แต่ท้าทายแนวคิดทางวิทยาศาสตร์ดั้งเดิมเกี่ยวกับธรรมชาติของจิตสำนึก

"หลักฐานที่เรามีจนกระทั่งบัดนี้คือจิตสำนึกของมนุษย์ไม่ได้ถูกทำลายไป" พาร์เนียกล่าว นายแพทย์ที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสโตนี บรูค และผู้อำนวยการหลักสูตรวิจัยกู้ชีพของโรงเรียน "มันคงอยู่ต่อไปอีกสองสามชั่วโมงหลังจากความตาย แม้ว่าในสถานะจำศีลที่เราไม่สามารถเห็นได้จากภายนอก"



การแพทย์กู้ชีพเกิดขึ้นจากการค้นพบ CPR ในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ขั้นตอนทางการแพทย์ซึ่งหัวใจที่หยุดเต้นถูกทำให้ฟื้นขึ้นมา แต่เดิมมีประสิทธิภาพสองสามนาทีหลังจากหัวใจหยุดทำงาน ความก้าวหน้าใน CPR ได้เพิ่มเวลานั้นไปเป็นครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่า

เทคนิคใหม่นี้ให้ความมั่นใจในการขยายขอบเขตระหว่างความเป็นและความตายออกไปอีก ในขณะเดียวกันประสบการณ์ที่รายงานโดยคนที่ฟื้นขึ้นมาบางครั้งท้าทายกับสิ่งที่คิดว่าเป็นไปได้  พวกเขาอ้างว่าได้เห็นและได้ยินสิ่งต่างๆ แม้ว่ากิจกรรมในสมองของพวกเขาดูเหมือนว่าได้หยุดไปแล้ว

มันฟังดูเหนือธรรมชาติ และถ้าความทรงจำของพวกเขาถูกต้องและสมองของพวกเขาได้หยุดไปแล้วจริงๆ มันไม่สามารถถูกอธิบายได้ทางประสาทวิทยา อย่างน้อยกับสิ่งที่รู้กันในตอนนี้ พาร์เนียผู้นำในการศึกษา Human Consciousness Project’s AWARE ซึ่งได้จดบันทึกประสบการณ์หลังความตายในโรงพยาบาล 25 แห่งทั่วอเมริกาเหนือและยุโรป กำลังศึกษาปรากฎการณ์นี้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์

พาร์เนียอภิปรายงานของเขาในหนังสือเล่มใหม่ ลบความตาย: วิทยาศาสตร์ที่เขียนเขตแดนระหว่างความเป็นและตายขึ้นมาใหม่ (Erasing Death: The Science That Is Rewriting the Boundaries Between Life and Death) Wired พูดคุยกับพาร์เนียเกี่ยวกับการกู้ชีพและธรรมชาติของจิตสำนึก

Wired: ในหนังสือคุณบอกว่าความตายไม่ใช่ชั่วขณะเวลาแต่เป็นกระบวนการ คุณหมายความว่าอย่างไร?

แซม พาร์เพีย: มันมีจุดที่ใช้สำหรับนิยามความตาย หัวใจของคุณหยุดเต้น สมองของคุณหยุดทำงาน ชั่วขณะที่เกิดภาวะหัวใจหยุดทำงาน จนเมื่อ 50 ปีที่แล้ว เมื่อ CPR ได้รับการพัฒนาขึ้น เมื่อคุณมาถึงจุดนี้ คุณไม่สามารถกลับมาได้ นั่นนำไปสู่การรับรู้ว่าความตายไม่สามารถย้อนกลับได้โดยสิ้นเชิง

แต่ถ้าผมต้องตายเดี๋ยวนี้ เซลล์ต่างๆในร่างกายของผมคงยังไม่ตายไปด้วย มันใช้เวลาสำหรับเซลล์ที่จะตายหลังจากพวกมันขาดออกซิเจน มันไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด เรามีช่วงเวลานานขึ้นกว่าที่คนรับรู้กัน ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเมื่อคุณกลายเป็นศพ เมื่อหมอประกาศว่าคุณตาย มันยังคงมีโอกาส ในมุมมองทางชีววิทยาและการแพทย์ ว่าความตายถูกถอยกลับได้

แน่นอนถ้าบางคนตายและคุณปล่อยพวกเขาทิ้งไว้คนเดียวนานพอ เซลล์จะเสียหาย มันมีเวลาที่คุณไม่สามารถนำพวกเขากลับมาได้ แต่ไม่มีใครรู้ระยะเวลานั้นอย่างแน่ชัด มันอาจไม่ใช่แค่สิบยี่สิบนาที แต่มากกว่าชั่วโมง ความตายเป็นกระบวนการอย่างแท้จริง

Wired: ผู้คนจะถูกนำกลับมาจากความตายได้อย่างไร?
พาร์เนีย: โดยพื้นฐานแล้วความตายเหมือนกับอาการสโตรค และนั่นเป็นจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสมอง สโตรคคือกระบวนการบางอย่างที่หยุดการไหลเวียนของเลือดไปสู่สมอง ไม่ว่ามันเป็นเพราะหัวใจหยุดปั๊ม หรือมีสิ่งอุดตันที่หยุดการไหลเวียนเลือด พวกเซลล์ไม่แคร์

เซลล์สมองสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานถึง 8 ชั่วโมงหลังจากการไหลเวียนของเลือดหยุดลง ถ้าหมอสามารถเรียนรู้ที่จะจัดการกระบวนการที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ และทำให้อัตราที่เซลล์ตายช้าลง เราสามารถกลับไปและแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นสาเหตุให้คนๆนั้นตาย จากนั้นรีสตาร์ทหัวใจใหม่แล้วนำพวกเขากลับมา ในทางหนึ่งความตายอาจย้อนกลับได้สำหรับภาวะที่การรักษามีอยู่แล้ว

ตัวอย่างเช่นถ้าบางคนตายจากอาการหัวใจวาย และสามารถรักษาได้ ดังนั้นแล้วในหลักการเราสามารถป้องกันสมอง ให้แน่ใจว่ามันไม่ได้ประสบกับความตายระดับเซลล์อย่างถาวร จากนั้นรีสตาร์ทหัวใจ แต่ถ้าบางคนตายจากมะเร็ง และมะเร็งนั้นรักษาไม่ได้ อย่างนั้นก็เปล่าประโยชน์

Wired: คุณกำลังพูดถึงการนำคนกลับมามีชีวิตเป็นวัน, สัปดาห์ หรือเป็นปีๆหลังจากพวกเขาตายไปแล้ว?
พาร์เนีย: ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่การเยือกแข็ง เมื่อคุณตาย เซลล์ตายส่วนใหญ่ของคุณเกิดขึ้นผ่าน อะพอพโทซิส (Apoptosis) หรือการตายของเซลล์ที่ถูกโปรแกรมไว้แล้ว ถ้าร่างกายของคุณเย็น ปฏิกิริยาเคมีภายใต้อะพอพโทซิสจะช้าลง การทำให้ร่างกายเย็นทำให้อัตราที่ซึ่งเซลล์สลายตัวช้าลง แต่เรากำลังพูดถึงการทำให้เย็นลงไม่ใช่การแช่แข็ง กระบวนการของการแช่แข็งจะสร้างความเสียหายกับเซลล์

Wired: คุณก็ศึกษาประสบการณ์ใกล้ตายด้วย แต่คุณใช้ศัพท์ที่แตกต่างออกไปเป็นประสบการณ์หลังจากตาย
พาร์เนีย: ผมตัดสินใจว่าเราควรศึกษาสิ่งที่ผู้คนประสบเมื่อพวกเขาไปเลยภาวะหัวใจหยุดเต้น ผมพบว่าคนไข้ 10 เปอร์เซ็นต์ ที่รอดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นรายงานเรื่องเหลือเชื่อเหล่านี้ของการเห็นสิ่งต่างๆ



เมื่อผมดูตำราภาวะหัวใจหยุดเต้น ชัดเจนว่ามันหลังจากหัวใจหยุดเต้นและการไหลของเลือดเข้าสู่สมองหยุดลง ไม่มีการไหลเวียนเลือดสู่สมอง ไม่มีกิจกรรมใดประมาณ 10 วินาทีหลังจากหัวใจหยุดลง เมื่อหมอเริ่มทำ CPR พวกเขายังคงไม่สามารถได้รับเลือดเพียงพอเข้าสู่สมอง มันยังคงแน่นิ่งต่อไป นั่นคือกลไกชีวภาพของผู้ที่ตายหรือคนที่กำลังได้รับ CPR

ไม่ใช่แค่การศึกษาของผม แต่อีกสี่คน ทั้งหมดล้วนแสดงสิ่งเดียวกัน ผู้คนมีความทรงจำ เมื่อรวมกับรายงานจากทั่วทั้งโลก จากคนที่เห็นสิ่งต่างๆอย่างชัดเจนและจำมันได้ มันเสนอแนะว่าสิ่งนี้จำเป็นต้องได้รับการศึกษาในรายละเอียดมากกว่านี้

Wired: หนึ่งในรายงานหลังจากตายแรกๆในหนังสือของคุณเกี่ยวข้องกับ โจ ทิราโลซี ซึ่งถูกกู้ชีพ 40 นาทีหลังจากหัวใจของเขาหยุดเต้นไป  คุณเล่าเกี่ยวกับเขาอีกหน่อยได้ไหม?
พาร์เนีย: ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการดูแลตัวเขาเมื่อเขามาถึงโรงพยาบาล แต่ผมรู้จักหมอของเขาเป็นอย่างดี พวกเราทำงานกับห้องฉุกเฉิน เพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขารู้จักความสำคัญของการเริ่มทำให้ผู้ป่วยเย็นลง เมื่อทิราโลซีมาถึงพวกเขาทำให้เขาเย็นลง ซึ่งช่วยรักษาเซลล์สมองของเขา พวกเขาพบหลอดเลือดถูกขวางกั้นในหัวใจของเขา นั่นสามารถรักษาได้แล้วในตอนนี้ โดยการทำ CPR และทำให้เขาเย็นลง หมอสามารถแก้ไขเขาและแน่ใจได้ว่าเขาไม่ได้รับความเสียหายทางสมอง

เมื่อทิราโลซีตื่นขึ้นมา เขาบอกพยาบาลว่าเขาได้รับประสบการณ์ล้ำลึกและต้องการพูดเรื่องนี้ นั่นคือเราพบเขาได้อย่างไร เขาบอกผมว่าเขารู้สึกสงบอย่างประหลาดและเห็นสิ่งมีชีวิตอันไร้ที่ตินี้ เต็มไปด้วยความรักและเมตตา นี่ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ

ผู้คนมีแนวโน้มจะแปลความสิ่งที่เห็นบนภูมิหลังของพวกเขา ชาวฮินดูบรรยายเทพเจ้าฮินดู ผู้ที่เชื่อว่าไม่มีพระเจ้าไม่ได้เห็นเทพเจ้าฮินดูหรือพระเจ้าของคริสต์ แต่เห็นบางสิ่ง วัฒนธรรมต่างกันเห็นสิ่งเดียวกัน แต่การแปลความขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเชื่อถือ

Wired: เราสามารถเรียนรู้อะไรได้บ้างจากความจริงที่ว่าผู้คนรายงานการเห็นสิ่งเดียวกัน?
พาร์เนีย: อย่างน้อยที่สุด มันบอกเราว่ามีประสบการณ์หนึ่งเดียวที่มนุษย์ประสบเมื่อพวกเขาผ่านความตาย มันเป็นสากล มันได้รับการบรรยายโดยเด็กอายุน้อยถึง 3 ขวบ และมันบอกเราว่าเราไม่ควรกลัวความตาย

Wired: เรารู้ได้อย่างไรว่าประสบการณ์หลังความตายเกิดขึ้นเมื่อผู้คนคิดว่าพวกเขาประสบ? บางทีผู้คนจำความคิดผิดไปจากตอนก่อนตาย หรือหลังจากฟื้นคืนสติ
พาร์เนีย: นั่นเป็นคำถามที่สำคัญมากๆ ความทรงจำเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลตายจริงๆและไม่มีกิจกรรมทางสมองอย่างที่วิทยาศาสตร์แนะไว้หรือไม่? หรือตอนที่พวกเขาเริ่มตื่นขึ้นแต่ยังคงไม่รู้สึกตัว?

ประเด็นที่ไม่เห็นด้วยว่าประสบการณ์เกิดขึ้นหลังจากนั้น หรือก่อนสมองหยุดทำงาน นั่นคือว่าคนมากมายบรรยายรายละเอียดเฉพาะมากๆของสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาระหว่างภาวะหัวใจหยุดเต้น พวกเขาบรรยายบทสนทนาที่มี เสื้อผ้าที่ใส่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 10 หรือ 20 นาทีในการกู้ชีพ ซึ่งไม่เข้ากันกับกิจกรรมสมอง

อาจเป็นได้ว่าบางคนได้รับการกู้ชีพที่ดีกว่า และนั่นทำให้พวกเขามีกิจกรรมทางสมองอยู่ (อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานสนับสนุน) หรือมันอาจบอกว่าจิตสำนึกมนุษย์ จิตวิญญาณ วิญญาณ อัตตา ทำงานต่อไปได้

Wired: เป็นไปไม่ได้หรือว่าประสบการณ์นี้แค่สะท้อนรูปแบบลึกลับที่สุดบางอย่างของกิจกรรมสมอง?
พาร์เนีย: เมื่อคุณตาย ไม่มีเลือดไหลเวียนไปสู่สมองของคุณ ถ้ามันต่ำกว่าระดับหนึ่งๆ คุณไม่สามารถมีกิจกรรมไฟฟ้า มันใช้จินตนาการมากที่จะคิดว่า ด้วยเหตุใดเหตุหนึ่ง มีบริเวณที่ซ่อนอยู่ในสมองของคุณซึ่งเริ่มทำงานเมื่อสิ่งอื่นๆทั้งหมดไม่ทำงาน

การสังเกตเหล่านี้ก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวคิดปัจจุบันของเราว่าสมองกับจิตใจปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร แนวคิดในประวัติศาสตร์คือกระบวนการทางไฟฟ้าเคมีในสมองนำไปสู่จิตสำนึก สิ่งนั้นอาจไม่ถูกต้องอีกต่อไปเพราะว่าเราสามารถแสดงว่ากระบวนการเหล่านั้นไม่เกิดขึ้นต่อไปหลังจากตาย

อาจมีบางสิ่งในสมองที่เรายังไม่ได้ค้นพบซึ่งเป็นเหตุผลของจิตสำนึก หรือบางทีอาจเป็นว่าจิตสำนึกเป็นตัวตนที่แยกจากสมอง

Wired: นี่ดูเหมือนโน้มเอียงไปอธิบายแบบเหนือธรรมชาติของจิตสำนึก
พาร์เนีย: ตลอดประวัติศาสตร์ เราพยายามอธิบายสิ่งต่างๆให้ดีที่สุดที่เราสามารถด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แต่นักวิทยาศาสตร์ที่เปิดใจที่สุดตระหนักว่าเรามีขีดจำกัด เพียงเพราะว่าบางสิ่งไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ปัจจุบันไม่ได้ทำให้มันงมงายหรือผิด เมื่อคนค้นพบแม่เหล็กไฟฟ้า แรงซึ่งตอนนั้นไม่สามารถเห็นหรือตรวจวัดได้ นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากล้อเลียนมัน

นักวิทยาศาสาตร์มาเชื่อว่าอัตตาคือกระบวนการของเซลล์สมอง แต่มันไม่เคยมีการทดลองที่แสดงว่าเซลล์ในสมองบางทีอาจนำไปสู่ความนึกคิดของมนุษย์ได้ ถ้าคุณมองเซลล์สมองภายใต้กล้องจุลทรรศน์ และผมบอกคุณ "เซลล์สมองนี้คิดว่าผมหิว" นั่นเป็นไปไม่ได้

อาจเป็นว่า เช่นเดียวกับแม่เหล็กไฟฟ้า จิตวิญญาณมนุษย์ และจิตสำนึกคือรูปแบบลึกล้ำมากๆของแรงที่มีปฏิกริยากับสมอง แต่ไม่จำเป็นต้องถูกผลิตโดยสมอง ยังไม่มีคำตัดสิน

Wired: แล้วการศึกษาการถ่ายภาพสมอง fMRI ของความนึกคิดและความรู้สึกทั้งหมดล่ะ? หรือการทดลองซึ่งนักวิทยาศาสตร์สามารถบอกได้ว่าบางคนกำลังมองเห็นอะไร หรือพวกเขากำลังฝันอะไร โดยการมองดูที่กิจกรรมสมอง?
พาร์เนีย: หลักฐานทั้งหมดที่เรามีแสดงความสัมพันธ์ระหว่างส่วนหนึ่งๆของสมองและกระบวนการทางจิตใจหนึ่งๆ แต่มันเป็นคำถามไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน กิจกรรมระดับเซลล์ผลิตจิตใจ หรือจิตใจผลิตกิจกรรมระดับเซลล์

คนบางคนพยายามสรุปว่า สิ่งที่เราสังเกตเห็นบ่งบอกว่าเซลล์ผลิตความนึกคิด นี่ไงภาพของความซึมเศร้า, นี่ไงภาพของความสุข แต่นี่เป็นเพียงแค่ความเกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่สาเหตุ ถ้าคุณยอมรับทฤษฎีนั้น มันไม่ควรมีรายงานของคนที่ได้ยินได้เห็นสิ่งต่างๆหลังจากกิจกรรมในสมองของพวกเขาได้หยุดลง ถ้าคนสามารถมีจิตสำนึก บางทีนั่นมีความเป็นได้ว่าทฤษฎีของเรายังไม่ดีพอ

http://www.wired.com/wiredscience/2013/04/consciousness-after-death/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่