เราทุกคนกำลังตามหาสิ่งหนึ่งอยู่ คำถามคือ…..เราจะหาเจอหรือไม่
ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แทนที่ฤดูหนาวที่ผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน สีสันสวยงามของดอกไม้เป็นตัวบ่งบอกอย่างดีเยี่ยม แต่เดือนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับเดือนที่แล้วมากนัก เขายังต้องไปเรียนหนังสือ ต้องทำการบ้านส่งอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเขาขี้เกียจหรือเขาโง่เกินที่จะทำ คะแนนของเขาจัดอยู่ในระดับดีเยี่ยมด้วยซ้ำไป แต่เพียงเพราะเขาคิดว่า มันน่าเบื่อจำเจ ที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบนี้ทุกวัน
ราฟ กริฟฟิน เด็กหนุ่มวัย 15 ปี เขาทั้งดูหล่อ เท่ ผมที่ออกจะยุ่งนิดหน่อย และแววตาสีน้ำเงินของเขา เหมือนดั่งมีเวทมนตร์ที่จะสามารถหยุดให้หญิงสาวมองเขาตาไม่กระพริบ ขาของพวกเธอเหมือนพร้อมที่จะโดดเข้าใส่ยังไงยังนั้น แม้แต่ผู้ชายบางคนยังอดที่จะมองตามเขาไม่ได้ แต่นั้นเป็นสายตาของความอิจฉาซะมากกว่า ราวกับว่าหากมีเขายังอยู่พวกนั้นจะไม่สามารถที่จะอวดเบ่งอะไรได้เลย เขาชินแล้วกับอาการเหล่านี้ แต่นั้นสาบานให้ตายเถอะ เขาไม่ได้อยากเป็นนักหรอก กับการมีผู้คนจ้องมอง กระซิบ รวมถึงนินทาเกี่ยวกับเขา ระหว่างที่เขาอยู่บนทางเดินของโรงเรียน
“ราฟ -- เดินเก๊กอยู่ที่นี่เองหรอ ฉันหานายตั้งนานแน่ะ” น้ำเสียงที่คุ้นหู บวกกับความกวนโอ๊ยเข้าไป เขาไม่ต้องสงสัยเลย นั้นเป็นเสียงของเพื่อนรักเขาเอง
เวน ซิลเวอร์ลุค เขาดูหล่อ เท่ ไม่ต่างไปจากราฟ มีผมสีน้ำตาลเข้มที่จัดทรงเท่านั้น ที่จะทำให้ดูเด่นชัดว่าเป็นเขา เวนมักจะพูดเสมอว่าเขากับราฟมีนิสัยที่คล้ายกันมาก แต่ในความคิดราฟนั้นไม่เป็นความจริงซักนิดเดียว
เขาสองคนดูแล้วแตกต่างจากนักเรียนทั่วไป ไม่ถึงขนาดนั้นที่จะแยกตัวจากนักเรียนคนอื่น แต่แค่ความรู้สึกก็สามารถรู้ได้ว่า พวกเขานั้นแตกต่าง..
สายตาที่ยังคงจ้องมองอยู่เป็นอุปสรรคที่ค่อนข้างน่ารำคาญ ราฟคิดว่ามันอาจทำให้เขาเดินช้าลงสัก 2-3 นาทีก็เป็นได้ แต่ถ้ามีเวนเดินมาด้วย มันก็รู้สึกจะไม่เป็นปัญหา เพราะการชวนคุยของเวน เบี่ยงเบนความสนใจจากสายตา และเสียงซุบซิบจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี
วันนี้ก็ดูจะเหมือนทุก ๆ วัน เป็นวันที่สุดแสนจะน่าเบื่อเช่นเคย หากไม่มีเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ !! เด็กสาวผมลอนสีน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างผอมบาง ขาสั้น ๆ ของเธอกลับไม่เป็นปัญหาในจุดหมายที่เธอจะไป เมื่อเธอกำลังซอยเท้าอย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามาหยุดที่เด็กหนุ่มแววตาสีน้ำเงิน
“คือ—เรามีเรื่องจะบอกนายนะ ราฟ....เรา ชอบ นาย “ เด็กสาวหน้าแดงกร่ำ พร้อมยื่นดอกกุหลาบสีชมพูหวานจ๋อย ขณะที่เวนแอบอมยิ้ม หัวเราะอยู่ใกล้ ๆ
ตอนนี้ทุกสายตากำลังจ้องมองมายังจุดเดียวกัน แบบไม่ได้นัดหมาย เสียงซุบซิบต่าง ๆ กับการเคลื่อนไหวทุกกิริยาบทหยุดลงในทันที อย่างกับโดนกดปุ่มหยุดเวลาเอาไว้ ทุก ๆ คนต่างรอลุ้นในคำตอบ เพราะปกติน้อยคนนักที่จะกล้ามาบอกรักสายฟ้าแลบกลางแจ้งแบบนี้ แต่นั้นยังไม่เท่ากับการที่เธอกำลังบอกรักกับผู้ชายที่หล่อ และแปลกที่สุดในโรงเรียน
แววตาสีน้ำเงินของราฟ แฝงไปด้วยความเย็นชา ดุจดังน้ำแข็ง ใบหน้าของเขา ช่างว่างเปล่ายิ่งหนัก ไม่ปรากฏสีหน้า หรืออารมณ์ใด ๆ ก่อนที่เขาจะขยับริมฝีปากพูดออกมา ด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ – แต่…เธอเก็บดอกไม้ไปเถอะ ฉันคงรับไว้ไม่ได้ ขอโทษที”
ดอกกุหลาบสีชมพูร่วงลงกับพื้นทันที เด็กสาวปล่อยโฮออกมา ก่อนจะรีบซอยเท้าสั้น ๆ ของเธอ พารูปร่างอันผอมบางวิ่งไปให้เร็วที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนดูเหมือนเคลื่อนไหวมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงที่เบา แต่ราฟก็พอจะได้ยิน ไอ้ใจร้าย !! ไอ้ปีศาจ !!ไอ้ไม่มีหัวใจ หรือผู้หญิงบางคนจะยิ้มกริ่ม สมน้ำหน้านางนั้น !! ก็ตามแต่จะสรรหาคำมาได้
เวนเก็บดอกไม้ขึ้นมา พร้อมกับตีหน้าเซง ถอนหายใจยกใหญ่กับท่าทีของเพื่อนเขา
“นายควรจะรับมันไว้นะ ทำแบบนี้หล่อนเสียใจแย่”
“ถ้าฉันรับมันไว้ ก็เหมือนให้ความหวัง สู้ให้เขาเสียใจตอนนี้จะดีกว่า” ราฟบอก
เวนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งนึง เวนคิดว่าบางทีเราควรรับมันไว้ก่อน ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่การแสดงท่าทีแบบหักดิบแบบนี้ เขารู้ว่าราฟเข้าใจดี เพียงแต่เพื่อนของเขา ที่ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด กลับแสดงความรู้สึกที่อ่อนโยน รักษาความรู้สึกคนอื่นไม่ค่อยเป็น เขามองตามหลังเพื่อนรักของเขา ก่อนจะวิ่งตามไปเข้าเรียนในคาบต่อไป
การเรียนเป็นไปอย่างปกติ บางคนสนใจเรียน ตั้งหน้าจดลูกเดียว บางคนนั่งเล่นมือถือ บางคนนั่งกินขนม หรือหลับ อย่างเวน แต่นั้นกลับไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะอีกสักพักเขาจะถูกอาจารย์เรียกปลุกขึ้นมา ด้วยวัตถุที่ลอยมาจากอากาศ แล้วเรียกตอบคำถามที่แสนยาก แต่เขากลับโชว์ความอัศจรรย์ ตอบได้ทุกครั้ง เรียกเสียงปรบมือจากทุกคน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่เขามักจะยิ้มเห็นฟันทุกซี่ให้แก่พวกหล่อนเสมอ
ขณะที่ราฟถึงแม้เขาจะไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่เคยจะตั้งใจเรียนเลยซักครั้ง เขามักนั่งคิดไรเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ อย่างเรื่องที่คิดในวันนี้ ก็คงไม่พ้นเป็นเรื่องแม่สาวลอนสีน้ำตาลในตอนกลางวัน ราฟคิดว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาไม่ต้องการมีใครในตอนนี้ เขาไม่เคยมีความรัก นั้นอาจจะเป็นเพราะเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจ ยังไม่เจอคนที่ใช่ หรือจริง ๆ แล้วเขากลัว กลัวว่าคนที่เขารัก จะไม่รักเขาจริง กลัวว่าเวลารักกัน แล้วซักวันผู้หญิงจะทิ้งเขาไป ความรักอาจจะไม่มีอยู่จริง อาจจะเป็นแค่ความต้องการของมนุษย์ เพียงเพราะในการดำรงเผ่าพันธุ์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เขาได้เรียนมา การนั่งคิดไปมาแบบนี้ ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แต่นั้นกับฆ่าเวลาที่แสนจะน่าเบื่อไปได้อย่างเหลือเชื่อ
เมื่อเสียงออดดังขึ้น นั้นเป็นสัญญาณว่าเวลาที่แสนจะน่าเบื่อได้จบลง ทุกคนจะแสดงสีหน้าเหมือนได้รับชัยชนะจากสงครามทุกทีที่เวลาเรียนจบลง
บ้านของราฟกับโรงเรียนห่างกันแค่ 1 กิโลเขาจึงเดินกลับบ้านทุกวันตามปกติ ซึ่งถ้าไกลกว่านั้น เขาคิดว่าอาจจะไม่เห็นเขาที่โรงเรียนก็เป็นได้ ส่วนเวนนั้นจะมีคนขับรถมารับเขาเสมอทุกเย็น แต่ดูเหมือนวันนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกมา ด้วยเสียงใสแจ่ว
“ราฟ วันนี้ฉันขอเดินกลับบ้านกับนายด้วยนะ พอดีที่บ้านโทรมาบอกว่ารถมีปัญหานิดหน่อย อีกสักพักคงจะเสร็จ แต่ฉันไม่อยากรอที่โรงเรียน เลยกะว่าจะเดินกลับบ้านกับนาย แล้วค่อยให้ไปรับฉันที่บ้านนาย”
ทางเดินกลับบ้านของราฟนั้น เป็นทางที่เรียบง่ายเหลือเกิน ไม่มีอะไรซับซ้อน เกินกว่าที่จะเดินตรงไปเรื่อย ๆ บางที 1 กิโลก็ทำให้เหงาได้อย่างบอกไม่ถูก แต่เขาเดินเส้นทางนี้มาเป็น สิบ ๆ ปี ความชินได้กลบเกลื่อนทุกสิ้นให้จางหายไปเกือบหมดแล้ว แต่วันนี้อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนเดิน มันไม่ได้น่าเบื่อเหมือนเดิม อารมณ์ขันของเวนทำให้ทางเดินหดสั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารู้สึกว่ากำลังเดินผ่านสนามเด็กเล่น นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว
สนามเด็กเล่นยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไปเคยเปลี่ยน ของเหล่าเด็กที่มาเล่น ไม่ว่าผ่านไปกี่ปียังเป็นเหมือนเดิม ร้านขายน้ำ ฮอทดอกก็ยังคงตั้งขายอยู่ที่เดิม มันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่สุด ราฟกับเวนมักมาเล่นที่สนามเด็กเล่นแห่งนี้ด้วยกันบ่อย เมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก และมันยังเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบเจอกันครั้งแรกอีกด้วย
“ฉันรู้สึกหิวอะ เดียวขอไปซื้อฮอทดอกกินหน่อย รอแปปนึง” เวนบอกพร้อมกับลูบที่ท้องตัวเอง
“อื้อ โอเค”
ระหว่างที่ราฟรอ เขาสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ฝั่งตรงข้ามของถนน อายุไม่น่าเกิน 5 ขวบ เธอถักเปีย มีผมสีแดงสด ใส่ชุดเหมือนตุ๊กตา ดูน่ารักสดใสมากในสายตาเขา เขาเหมือนรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขานั้นเผลอยิ้มกว้างออกมา
เขาสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงตุ๊กตาคนนั้น กำลังฉุดลากแม่ของเขาที่กำลังติดเมาท์กับแม่บ้านอีกคนที่ดูไม่ได้ใส่ใจกับลูกของเขาเลย ดูเหมือนเด็กสาวอยากจะข้ามฝั่ง มาเล่นที่สนามเด็กเล่นจะแย่อยู่แล้ว
แต่แล้วเหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ไวแบบที่เขาไม่สามารถจะนึกถึงได้ ไวเกิดกว่าที่ราฟจะจับความรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรลงไป เด็กผู้หญิงคนนั้นสะบัดมือแม่ของตัวเองอย่างหมดความอดทด เธอวิ่งข้ามฝั่งมา รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งวิ่งมาด้วยเร็วสูง จังหวะนั้นสิ่งที่ตัดสินใจของราฟนั้นเป็นอะไร เขาได้ตัดสินใจหรือเปล่า เขาวิ่งกระโดดคว้าตัวเด็กน้อยเอาไว้ ราฟและเด็กผู้หญิงคนนั้น รอดตายอย่างฉิวเฉียด
ร่างของเขาหงายจากพื้น กอดเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ ทั้งสองปลอดภัยดี เด็กผู้หญิงปล่อยโฮออกมา แม่ของเด็กที่เห็นเหตุการณ์ ปลอบลูกสาวเป็นการใหญ่ หล่อนมาขอบคุณอย่างสุดซึ้งแก่เขา เวนได้กลับมาฟังเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ต้องหวังเรื่องจะคุยกับเจ้าของรถสปอร์ต เพราะนะเวลานั้น มันคงเหยียบเป็นสองเท่า เพื่อพาตัวเองไปให้ไกลที่สุด
ราฟและเวนได้พาเด็กผู้หญิงตุ๊กตาผมแดง เล่นเครื่องเล่นทั่วทั้งสนามอย่างสนุกสนานที่สุด เสียงหัวเราะของคนสามคน ดังไปทั่วทั้งสนาม แม่ของเด็กยิ้มอย่างมีความสุข ราฟรู้สึกว่ายามที่เขาเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กคนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยมี ความรู้สึกเดียวกับที่เกิดขึ้นในแวปที่เขากระโดดเข้าไปช่วยไว้ สิ่งนั้นได้อธิบายทุกอย่างแบบชัดเจนไว้หมดแล้ว
เราทุกคนกำลังตามหาสิ่งหนึ่งอยู่ คำถามคือ…..เราจะหาเจอหรือไม่
ตะวันที่ทอแสงสีทองอ่อน ๆ เลือนคล่อยเข้ามา แม่ของเด็กกล่าวขอบคุณพวกเขาทั้งสองอีกครั้งก่อนจากกัน หล่อนอุ้มเด็กผู้หญิงผมแดงไว้ ที่ดูเหมือนมีท่าทีอยากจะเล่นต่อ สายตาที่ไร้เดียงสาของเธอ ช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก ระหว่างที่แม่กำลังเดินจากไป เด็กผู้หญิงได้มองตามหลังด้วยเวลาตาแสนเศร้าได้เอ่ยกับเขาว่า
“ขอบคุณนะคะ พี่ชาย”
ราฟน้ำตาคลอขึ้นมาทันที ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกอบอุ่นถึงเพียงนี้ เขาเข้าใจแล้ว นี้คือสิ่งที่เขาตามหาอยู่ คือสิ่งที่เขาเฝ้าคอยมา มันเกิดขึ้นกับเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลใด ๆ ทั้งปวง แบบนี้สินะที่เรียกว่า…….
ความรัก
เวนยิ้มตามอย่างสุขใจ เขาหยิบสิ่งหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมา มันคือ….ดอกกุหลาบสีชมพู ที่หญิงสาวเมื่อตอนกลางวันจะให้เขานั้นเอง ราฟเห็นดังนั้น เขาเข้าใจในสิ่งที่เวนจะพูดถึง เขาหยิบดอกกุหลาบ วิ่งไปให้แก่เด็กหญิงคนนั้น เด็กหญิงยิ้มเดียงสาอย่างสุขใจ อย่างน้อยตอนนี้เขารู้แล้วว่าพรุ่งนี้เขาต้องมีงานที่ต้องทำทันที คือ เขาจะไปขอคืนดี และขอโทษกับผู้หญิงผมรอนคนนั้น อย่างน้อยเขาก็ยังอยากที่จะเป็น เพื่อนของเธอ…..
…จบ…
The nature heart: Special - Spring-
ฤดูใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว แทนที่ฤดูหนาวที่ผ่านพ้นไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน สีสันสวยงามของดอกไม้เป็นตัวบ่งบอกอย่างดีเยี่ยม แต่เดือนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับเดือนที่แล้วมากนัก เขายังต้องไปเรียนหนังสือ ต้องทำการบ้านส่งอาจารย์ ไม่ใช่ว่าเขาขี้เกียจหรือเขาโง่เกินที่จะทำ คะแนนของเขาจัดอยู่ในระดับดีเยี่ยมด้วยซ้ำไป แต่เพียงเพราะเขาคิดว่า มันน่าเบื่อจำเจ ที่ต้องทำอะไรซ้ำ ๆ ซาก ๆ แบบนี้ทุกวัน
ราฟ กริฟฟิน เด็กหนุ่มวัย 15 ปี เขาทั้งดูหล่อ เท่ ผมที่ออกจะยุ่งนิดหน่อย และแววตาสีน้ำเงินของเขา เหมือนดั่งมีเวทมนตร์ที่จะสามารถหยุดให้หญิงสาวมองเขาตาไม่กระพริบ ขาของพวกเธอเหมือนพร้อมที่จะโดดเข้าใส่ยังไงยังนั้น แม้แต่ผู้ชายบางคนยังอดที่จะมองตามเขาไม่ได้ แต่นั้นเป็นสายตาของความอิจฉาซะมากกว่า ราวกับว่าหากมีเขายังอยู่พวกนั้นจะไม่สามารถที่จะอวดเบ่งอะไรได้เลย เขาชินแล้วกับอาการเหล่านี้ แต่นั้นสาบานให้ตายเถอะ เขาไม่ได้อยากเป็นนักหรอก กับการมีผู้คนจ้องมอง กระซิบ รวมถึงนินทาเกี่ยวกับเขา ระหว่างที่เขาอยู่บนทางเดินของโรงเรียน
“ราฟ -- เดินเก๊กอยู่ที่นี่เองหรอ ฉันหานายตั้งนานแน่ะ” น้ำเสียงที่คุ้นหู บวกกับความกวนโอ๊ยเข้าไป เขาไม่ต้องสงสัยเลย นั้นเป็นเสียงของเพื่อนรักเขาเอง
เวน ซิลเวอร์ลุค เขาดูหล่อ เท่ ไม่ต่างไปจากราฟ มีผมสีน้ำตาลเข้มที่จัดทรงเท่านั้น ที่จะทำให้ดูเด่นชัดว่าเป็นเขา เวนมักจะพูดเสมอว่าเขากับราฟมีนิสัยที่คล้ายกันมาก แต่ในความคิดราฟนั้นไม่เป็นความจริงซักนิดเดียว
เขาสองคนดูแล้วแตกต่างจากนักเรียนทั่วไป ไม่ถึงขนาดนั้นที่จะแยกตัวจากนักเรียนคนอื่น แต่แค่ความรู้สึกก็สามารถรู้ได้ว่า พวกเขานั้นแตกต่าง..
สายตาที่ยังคงจ้องมองอยู่เป็นอุปสรรคที่ค่อนข้างน่ารำคาญ ราฟคิดว่ามันอาจทำให้เขาเดินช้าลงสัก 2-3 นาทีก็เป็นได้ แต่ถ้ามีเวนเดินมาด้วย มันก็รู้สึกจะไม่เป็นปัญหา เพราะการชวนคุยของเวน เบี่ยงเบนความสนใจจากสายตา และเสียงซุบซิบจากคนอื่นได้เป็นอย่างดี
วันนี้ก็ดูจะเหมือนทุก ๆ วัน เป็นวันที่สุดแสนจะน่าเบื่อเช่นเคย หากไม่มีเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ !! เด็กสาวผมลอนสีน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างผอมบาง ขาสั้น ๆ ของเธอกลับไม่เป็นปัญหาในจุดหมายที่เธอจะไป เมื่อเธอกำลังซอยเท้าอย่างรวดเร็ว ตรงเข้ามาหยุดที่เด็กหนุ่มแววตาสีน้ำเงิน
“คือ—เรามีเรื่องจะบอกนายนะ ราฟ....เรา ชอบ นาย “ เด็กสาวหน้าแดงกร่ำ พร้อมยื่นดอกกุหลาบสีชมพูหวานจ๋อย ขณะที่เวนแอบอมยิ้ม หัวเราะอยู่ใกล้ ๆ
ตอนนี้ทุกสายตากำลังจ้องมองมายังจุดเดียวกัน แบบไม่ได้นัดหมาย เสียงซุบซิบต่าง ๆ กับการเคลื่อนไหวทุกกิริยาบทหยุดลงในทันที อย่างกับโดนกดปุ่มหยุดเวลาเอาไว้ ทุก ๆ คนต่างรอลุ้นในคำตอบ เพราะปกติน้อยคนนักที่จะกล้ามาบอกรักสายฟ้าแลบกลางแจ้งแบบนี้ แต่นั้นยังไม่เท่ากับการที่เธอกำลังบอกรักกับผู้ชายที่หล่อ และแปลกที่สุดในโรงเรียน
แววตาสีน้ำเงินของราฟ แฝงไปด้วยความเย็นชา ดุจดังน้ำแข็ง ใบหน้าของเขา ช่างว่างเปล่ายิ่งหนัก ไม่ปรากฏสีหน้า หรืออารมณ์ใด ๆ ก่อนที่เขาจะขยับริมฝีปากพูดออกมา ด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“ขอบคุณนะ – แต่…เธอเก็บดอกไม้ไปเถอะ ฉันคงรับไว้ไม่ได้ ขอโทษที”
ดอกกุหลาบสีชมพูร่วงลงกับพื้นทันที เด็กสาวปล่อยโฮออกมา ก่อนจะรีบซอยเท้าสั้น ๆ ของเธอ พารูปร่างอันผอมบางวิ่งไปให้เร็วที่สุด เท่าที่เธอจะทำได้
เสียงกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ทุกคนดูเหมือนเคลื่อนไหวมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ ถึงแม้จะพูดด้วยเสียงที่เบา แต่ราฟก็พอจะได้ยิน ไอ้ใจร้าย !! ไอ้ปีศาจ !!ไอ้ไม่มีหัวใจ หรือผู้หญิงบางคนจะยิ้มกริ่ม สมน้ำหน้านางนั้น !! ก็ตามแต่จะสรรหาคำมาได้
เวนเก็บดอกไม้ขึ้นมา พร้อมกับตีหน้าเซง ถอนหายใจยกใหญ่กับท่าทีของเพื่อนเขา
“นายควรจะรับมันไว้นะ ทำแบบนี้หล่อนเสียใจแย่”
“ถ้าฉันรับมันไว้ ก็เหมือนให้ความหวัง สู้ให้เขาเสียใจตอนนี้จะดีกว่า” ราฟบอก
เวนถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งนึง เวนคิดว่าบางทีเราควรรับมันไว้ก่อน ไม่ว่าเราจะรู้สึกอย่างไร ไม่ใช่การแสดงท่าทีแบบหักดิบแบบนี้ เขารู้ว่าราฟเข้าใจดี เพียงแต่เพื่อนของเขา ที่ทั้งหล่อ ทั้งฉลาด กลับแสดงความรู้สึกที่อ่อนโยน รักษาความรู้สึกคนอื่นไม่ค่อยเป็น เขามองตามหลังเพื่อนรักของเขา ก่อนจะวิ่งตามไปเข้าเรียนในคาบต่อไป
การเรียนเป็นไปอย่างปกติ บางคนสนใจเรียน ตั้งหน้าจดลูกเดียว บางคนนั่งเล่นมือถือ บางคนนั่งกินขนม หรือหลับ อย่างเวน แต่นั้นกลับไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา เพราะอีกสักพักเขาจะถูกอาจารย์เรียกปลุกขึ้นมา ด้วยวัตถุที่ลอยมาจากอากาศ แล้วเรียกตอบคำถามที่แสนยาก แต่เขากลับโชว์ความอัศจรรย์ ตอบได้ทุกครั้ง เรียกเสียงปรบมือจากทุกคน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่เขามักจะยิ้มเห็นฟันทุกซี่ให้แก่พวกหล่อนเสมอ
ขณะที่ราฟถึงแม้เขาจะไม่ได้หลับ แต่ก็ไม่เคยจะตั้งใจเรียนเลยซักครั้ง เขามักนั่งคิดไรเรื่อยเปื่อยอยู่เสมอ อย่างเรื่องที่คิดในวันนี้ ก็คงไม่พ้นเป็นเรื่องแม่สาวลอนสีน้ำตาลในตอนกลางวัน ราฟคิดว่าเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เขาไม่ต้องการมีใครในตอนนี้ เขาไม่เคยมีความรัก นั้นอาจจะเป็นเพราะเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจ ยังไม่เจอคนที่ใช่ หรือจริง ๆ แล้วเขากลัว กลัวว่าคนที่เขารัก จะไม่รักเขาจริง กลัวว่าเวลารักกัน แล้วซักวันผู้หญิงจะทิ้งเขาไป ความรักอาจจะไม่มีอยู่จริง อาจจะเป็นแค่ความต้องการของมนุษย์ เพียงเพราะในการดำรงเผ่าพันธุ์ ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่เขาได้เรียนมา การนั่งคิดไปมาแบบนี้ ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ แต่นั้นกับฆ่าเวลาที่แสนจะน่าเบื่อไปได้อย่างเหลือเชื่อ
เมื่อเสียงออดดังขึ้น นั้นเป็นสัญญาณว่าเวลาที่แสนจะน่าเบื่อได้จบลง ทุกคนจะแสดงสีหน้าเหมือนได้รับชัยชนะจากสงครามทุกทีที่เวลาเรียนจบลง
บ้านของราฟกับโรงเรียนห่างกันแค่ 1 กิโลเขาจึงเดินกลับบ้านทุกวันตามปกติ ซึ่งถ้าไกลกว่านั้น เขาคิดว่าอาจจะไม่เห็นเขาที่โรงเรียนก็เป็นได้ ส่วนเวนนั้นจะมีคนขับรถมารับเขาเสมอทุกเย็น แต่ดูเหมือนวันนี้จะเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินสิ่งที่เขาบอกมา ด้วยเสียงใสแจ่ว
“ราฟ วันนี้ฉันขอเดินกลับบ้านกับนายด้วยนะ พอดีที่บ้านโทรมาบอกว่ารถมีปัญหานิดหน่อย อีกสักพักคงจะเสร็จ แต่ฉันไม่อยากรอที่โรงเรียน เลยกะว่าจะเดินกลับบ้านกับนาย แล้วค่อยให้ไปรับฉันที่บ้านนาย”
ทางเดินกลับบ้านของราฟนั้น เป็นทางที่เรียบง่ายเหลือเกิน ไม่มีอะไรซับซ้อน เกินกว่าที่จะเดินตรงไปเรื่อย ๆ บางที 1 กิโลก็ทำให้เหงาได้อย่างบอกไม่ถูก แต่เขาเดินเส้นทางนี้มาเป็น สิบ ๆ ปี ความชินได้กลบเกลื่อนทุกสิ้นให้จางหายไปเกือบหมดแล้ว แต่วันนี้อย่างน้อยเขาก็มีเพื่อนเดิน มันไม่ได้น่าเบื่อเหมือนเดิม อารมณ์ขันของเวนทำให้ทางเดินหดสั้นอย่างรวดเร็ว เมื่อเขารู้สึกว่ากำลังเดินผ่านสนามเด็กเล่น นั้นเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเขาเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว
สนามเด็กเล่นยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะไปเคยเปลี่ยน ของเหล่าเด็กที่มาเล่น ไม่ว่าผ่านไปกี่ปียังเป็นเหมือนเดิม ร้านขายน้ำ ฮอทดอกก็ยังคงตั้งขายอยู่ที่เดิม มันเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่สุด ราฟกับเวนมักมาเล่นที่สนามเด็กเล่นแห่งนี้ด้วยกันบ่อย เมื่อตอนที่พวกเขายังเด็ก และมันยังเป็นสถานที่ที่พวกเขาพบเจอกันครั้งแรกอีกด้วย
“ฉันรู้สึกหิวอะ เดียวขอไปซื้อฮอทดอกกินหน่อย รอแปปนึง” เวนบอกพร้อมกับลูบที่ท้องตัวเอง
“อื้อ โอเค”
ระหว่างที่ราฟรอ เขาสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนนึงที่ฝั่งตรงข้ามของถนน อายุไม่น่าเกิน 5 ขวบ เธอถักเปีย มีผมสีแดงสด ใส่ชุดเหมือนตุ๊กตา ดูน่ารักสดใสมากในสายตาเขา เขาเหมือนรู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขานั้นเผลอยิ้มกว้างออกมา
เขาสังเกตเห็นเด็กผู้หญิงตุ๊กตาคนนั้น กำลังฉุดลากแม่ของเขาที่กำลังติดเมาท์กับแม่บ้านอีกคนที่ดูไม่ได้ใส่ใจกับลูกของเขาเลย ดูเหมือนเด็กสาวอยากจะข้ามฝั่ง มาเล่นที่สนามเด็กเล่นจะแย่อยู่แล้ว
แต่แล้วเหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ไวแบบที่เขาไม่สามารถจะนึกถึงได้ ไวเกิดกว่าที่ราฟจะจับความรู้สึกว่าตัวเองทำอะไรลงไป เด็กผู้หญิงคนนั้นสะบัดมือแม่ของตัวเองอย่างหมดความอดทด เธอวิ่งข้ามฝั่งมา รถสปอร์ตหรูคันหนึ่งวิ่งมาด้วยเร็วสูง จังหวะนั้นสิ่งที่ตัดสินใจของราฟนั้นเป็นอะไร เขาได้ตัดสินใจหรือเปล่า เขาวิ่งกระโดดคว้าตัวเด็กน้อยเอาไว้ ราฟและเด็กผู้หญิงคนนั้น รอดตายอย่างฉิวเฉียด
ร่างของเขาหงายจากพื้น กอดเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้ ทั้งสองปลอดภัยดี เด็กผู้หญิงปล่อยโฮออกมา แม่ของเด็กที่เห็นเหตุการณ์ ปลอบลูกสาวเป็นการใหญ่ หล่อนมาขอบคุณอย่างสุดซึ้งแก่เขา เวนได้กลับมาฟังเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ไม่ต้องหวังเรื่องจะคุยกับเจ้าของรถสปอร์ต เพราะนะเวลานั้น มันคงเหยียบเป็นสองเท่า เพื่อพาตัวเองไปให้ไกลที่สุด
ราฟและเวนได้พาเด็กผู้หญิงตุ๊กตาผมแดง เล่นเครื่องเล่นทั่วทั้งสนามอย่างสนุกสนานที่สุด เสียงหัวเราะของคนสามคน ดังไปทั่วทั้งสนาม แม่ของเด็กยิ้มอย่างมีความสุข ราฟรู้สึกว่ายามที่เขาเห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของเด็กคนนี้เขาเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่เขาไม่เคยมี ความรู้สึกเดียวกับที่เกิดขึ้นในแวปที่เขากระโดดเข้าไปช่วยไว้ สิ่งนั้นได้อธิบายทุกอย่างแบบชัดเจนไว้หมดแล้ว
เราทุกคนกำลังตามหาสิ่งหนึ่งอยู่ คำถามคือ…..เราจะหาเจอหรือไม่
ตะวันที่ทอแสงสีทองอ่อน ๆ เลือนคล่อยเข้ามา แม่ของเด็กกล่าวขอบคุณพวกเขาทั้งสองอีกครั้งก่อนจากกัน หล่อนอุ้มเด็กผู้หญิงผมแดงไว้ ที่ดูเหมือนมีท่าทีอยากจะเล่นต่อ สายตาที่ไร้เดียงสาของเธอ ช่างบริสุทธิ์ยิ่งนัก ระหว่างที่แม่กำลังเดินจากไป เด็กผู้หญิงได้มองตามหลังด้วยเวลาตาแสนเศร้าได้เอ่ยกับเขาว่า
“ขอบคุณนะคะ พี่ชาย”
ราฟน้ำตาคลอขึ้นมาทันที ไม่รู้ทำไม เขาถึงรู้สึกอบอุ่นถึงเพียงนี้ เขาเข้าใจแล้ว นี้คือสิ่งที่เขาตามหาอยู่ คือสิ่งที่เขาเฝ้าคอยมา มันเกิดขึ้นกับเขาโดยที่เขาไม่รู้ตัว เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายด้วยเหตุผลใด ๆ ทั้งปวง แบบนี้สินะที่เรียกว่า…….
ความรัก
เวนยิ้มตามอย่างสุขใจ เขาหยิบสิ่งหนึ่งในกระเป๋าขึ้นมา มันคือ….ดอกกุหลาบสีชมพู ที่หญิงสาวเมื่อตอนกลางวันจะให้เขานั้นเอง ราฟเห็นดังนั้น เขาเข้าใจในสิ่งที่เวนจะพูดถึง เขาหยิบดอกกุหลาบ วิ่งไปให้แก่เด็กหญิงคนนั้น เด็กหญิงยิ้มเดียงสาอย่างสุขใจ อย่างน้อยตอนนี้เขารู้แล้วว่าพรุ่งนี้เขาต้องมีงานที่ต้องทำทันที คือ เขาจะไปขอคืนดี และขอโทษกับผู้หญิงผมรอนคนนั้น อย่างน้อยเขาก็ยังอยากที่จะเป็น เพื่อนของเธอ…..
…จบ…