วีรบุรุษสงครามของไทยมีไหมครับ ไม่เอาสมัยที่ใช้อาวุธโบราณ

กระทู้คำถาม
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
http://th.wikipedia.org/wiki/เกรียงไกร_อัตตะนันทน์ จอมพลเกรียงไกร  อัตตะนันท์วีรบุรุษสงครามเกาหลีครับ  ป.ล. เรื่องบทบาทของ. Little Tiger ชาวไทยหลายๆคนก็น่าจะรู้ดีนะครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
http://2g.pantip.com/cafe/library/topic/K5014464/K5014464.html
จากกระทู้นี้ครับ ค.ห.ที่ 5 กับค.ห. ที่ 8 ผู้ได้รับเหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์อันดับสูงสุดของเหรียญบำเหน็จกล้าหาญ เทียบเท่ากับเหรียญ Medal of Honor ของอเมริกา

จากภาพเหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร แพรหุ้มแถบแดงดำ ประดับเหนืออกขวาวีรบุรุษแดนใต้ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา
ความคิดเห็นที่ 14
Medal of Honor เหรียญกล้าหาญ ชั้นสูงสุดของสหรัฐอเมริกา


ทหารที่ปฏิบัติภารกิจในสมรภูมิอิรัก
ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น Medal of Honor จำนวน 4 นาย ทั้ง 4 นายเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติภารกิจ


- สิบโทเจสัน ดันแฮม (Jason Dunham) อายุ 23 ปี ตำแหน่งผู้บังคับหมู่ปืนเล็ก หมวดปืนเล็กที่ 4 กองร้อย เค กองพันที่ 3 กรมนาวิกโยธินที่ 7 ที่เสียชีวิตอย่างกล้าหาญขณะเข้าตรวจค้นยานพาหนะจำนวน 7 คันของกลุ่มต่อต้านที่เพิ่งซุ่มโจมตีขบวนลำเลียงของสหรัฐฯ ในบริเวณเมือง "คาราบิล่า" (Karabilah) เมื่อวันที่ 14 เมษายน ค.ศ.2004 และเกิดการต่อสู้ในระยะประชิด เมื่อสิบโทดันแฮมตรงเข้าล็อคคอและปลุกปล้ำผู้ก่อการร้ายคนหนึ่งที่พยายามกระโดดหนีออกจากรถ ผู้ก่อการร้ายคนดังกล่าวได้โยนระเบิดมือออกมาใส่ทหารสหรัฐฯ ที่อยู่ใกล้ๆ โดยไม่รีรอดันแฮมตัดสินใจถอดหมวกเหล็กออกพร้อมกับกระโดดใช้หมวกเหล็กและร่างกายทับระเบิดนั้นด้วยความกล้าหาญ จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

- พลทหาร รอส แมคกินนิส (Ross McGinnis) อายุเพียง 19 ปี ตำแหน่งพลปืนกล สังกัดหมวดปืนเล็กที่ 1 กองร้อย ซี กองพันที่ 1 กรมทหารราบที่ 26 ที่เสียชีวิตขณะเข้าโจมตีที่มั่นของกลุ่มต่อต้านในเมือง "อดามิยา" (Adhamiyah) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงแบกแดด เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ.2006 โดยในขณะที่แมคกินนิสกำลังปฏิบัติหน้าที่ด้วยการระดมยิงปืนกลแบบเอ็ม 2 ขนาด .50 คาลิเบอร์บนหลังคารถฮัมวี่ (Humvee) ใส่ที่มั่นของฝ่ายตรงข้ามอยู่นั้น

ข้าศึกได้ตอบโต้ด้วยการโยนระเบิดมือเข้าใส่เขา ลูกระเบิดได้กลิ้งผ่านช่องว่างของป้อมพลปืนแล้วหล่นเข้าไปในรถฮัมวี่ที่มีเพื่อนทหาร 4 นายนั่งอยู่ แมคกินนิสตะโกนบอกเพื่อนในรถ ทั้ง 4 คนพยายามกระโจนออกจากรถ แต่ระเบิดใกล้ที่จะระเบิด แมคกินนิสจึงตัดสินใจมุดจากป้อมปืนกลับลงไปในรถแทนที่จะกระโดดออกจากป้อมปืนบนหลังคาซึ่งสะดวกกว่ามาก จากนั้นก็ใช้ร่างกายทับระเบิดดังกล่าว เพื่อรักษาชีวิตเพื่อนของเขาทั้ง 4 คน จนเสียชีวิตทันที

- พลทหาร ไมเคิล เอ มอนซัว (Michael A. Monsoor) อายุ 25 ปี สังกัดชุดปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยซีล (SEAL) ทีม 3 ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งเคยได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น “ซิลเวอร์ สตาร์” (Silver Star) ขณะทำการรบในยุทธการ “เคนทั้กกี้ จัมเพอร์” (Kentucky Jumper) ที่เมือง "รามาดี" (Ramadi) ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2006 มาก่อนหน้านี้แล้วครั้งหนึ่ง

โดย หน่วยซีลทีม 3 ของเขามักได้รับมอบหมายให้เป็นส่วนล่วงหน้าของหมวดและได้ปะทะกับกลุ่มต่อต้านอย่างรุนแรงนับครังไม่ถ้วน จนสามารถสังหารกลุ่มต่อต้านในเป็นจำนวนถึง 84 คนในช่วงห้าเดือนแรกของการปฏิบัติการ และในวันที่ 9 พฤษภาคมของปีเดียวกัน มอนซัวก็แสดงความกล้าหาญด้วยการช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมที่บาดเจ็บออกจากพื้นที่การสู้รบ ท่ามกลางการระดมยิงอย่างหนักจากข้าศึก จนทำให้ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้นซิลเวอร์ สตาร์ดังกล่าว และอีกไม่นานมอนซัวก็ได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น "บรอนซ์ สตาร์" (Bronze Star) อีกเหรียญหนึ่ง

จนกระทั่งในวันที่ 29 กันยายน ค.ศ.2006 หน่วยซีลทีม 3 ของเขาจำนวน 4 คนรวมทั้งมอนซัวก็ปะทะกับกลุ่มต่อต้านและถูกล้อมอยู่บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง ชาวเมืองต่างให้การช่วยเหลือกลุ่มต่อต้านและระดมกำลังคนจากศาสนสถานที่อยู่ใกล้ๆ เข้าโจมตีทหารอเมริกันทั้งสี่คน ในระหว่างการต่อสู้ กลุ่มต่อต้านขว้างระเบิดมือขึ้นมาอย่างแรก จนกระแทกที่ไหล่ของมอนซัวก่อนที่หล่นลงกับพื้น มอนซัวตะโกนบอกเพื่อนๆ ว่า "ระเบิด" และกระโดดเข้าทับระเบิดพร้อมๆ กับในวินาทีเดียวกันกับที่ระเบิดทำงาน

ร่างของมอนซัวกระดอนขึ้นจากแรงระเบิด เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตอีก 30 นาทีต่อมา ในขณะที่เพื่อนของเขาอีก 2 คนที่อยู่ใกล้ๆ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดเช่นกันแต่สามารถรอดชีวิตมาได้เพราะมอนซัวได้ใช้ร่างของเขาบังสะเก็ดและแรงระเบิดเอาไว้จนเกือบหมด ความกล้าหาญครั้งนี้ทำให้มอนซัวได้รับเหรียญกล้าหาญชั้น Medal of Honor ในที่สุด

- จ่าสิบโท พอล เรย์ สมิธ (Paul Ray Smith) อายุ 34 ปี สังกัดกองร้อย บี กองพันทหารช่างที่ 11 กองพลทหารราบที่ 3 ทำการรบในนครแบกแดด โดยใช้ปืนกลประจำรถสายพานลำเลียงพล เอ็ม 113 ยิงต่อสู้กับทหารอิรักจำนวนมากที่พยายามรุกเข้ามาในพื้นที่รวมพลของทหารอเมริกันที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณสนามบินนานาชาติแบกแดด เพื่อถ่วงเวลาในการลำเลียงทหารบาดเจ็บออกจากพื้นที่

เขายิงต่อสู้จนหมดกระสุนทั้งสามกล่อง ก่อนที่ทหารอิรักจะล่าถอยไป พร้อมๆ กับเสียงปืนของสมิธก็เงียบหายไปด้วย เพื่อนทหารจึงปีนขึ้นไปหาสมิธบนป้อมปืนของรถลำเลียงพล และพบว่าสมิธถูกยิงฟุบคาป้อมปืน เสื้อเกราะของเขามีรอยกระสุน เอ เค 47 ของทหารอิรักอยู่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังถึง13 รู โดยที่เขายังคงทำการยิงต่อสู้ต่อไป จนกระทั่งกระสุนนัดสำคัญที่ปลิดชีวิตได้ทะลุท้ายทอยบริเวณที่ไม่มีเกราะป้องกัน กระสุนวิ่งเฉียงขึ้นไปทะลุสมองของเขา จนเสียชีวิตทันที วีรกรรมความกล้าหาญในครั้งนี้ทำให้การลำเลียงทหารอเมริกันที่บาดเจ็บออกจากพื้นที่ได้อย่างปลอดภัย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่