อ่านฟรีได้แล้วที่
มนุษย์เงินเดือน ฉบับอินดี้
ตอนที่ 1 จบเสียที
http://pantip.com/topic/30387531
ตอนที่ 2 ออกหางาน (='.'=)
http://pantip.com/topic/30395519
ตอนที่ 3 ตามหาพระอาจารย์ (>'.')>
http://pantip.com/topic/30423722
ตอนนี้ยอดคนอ่านสูง จนคนเขียนกระทู้ใจหาย
สวัสดีครับ
มา มะ เริ่มตอนที่ 2
จากตอนที่ 1 ผมเรียนจบ
สิ่งแรกที่ผมทำคือ พักผ่อน
ยังขอเงินแม่ใช้อยู่เหมือนเดิม (ได้วันละ 120)
ส่วนใหญ่ออกจากบ้านไปมหาลัย ไปเยี่ยมเพื่อน ๆ
เพราะผมจบ 3 ปีครึ่ง อย่าคิดว่าผมเก่งอะไร
3 ปีครึ่ง เป็นเรื่องปกติของสาขาผม
ก็ร่อนแร่ไปนอนเล่นหอเพื่อน (มีแอร์)
เพื่อนก็ทำโปรเจคจบกันไป
ผมก็นอนตากแอร์อ่านการ์ตูนอย่างมีความสุข
ให้เพื่อนมันอิจฉาเล่น
จบเร็ว จบช้า ไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตชีวิตคุณครับ
ผมกล้าพิมพ์ เพราะในกลุ่มเพื่อนผม คนที่จบช้าสุด
เป็นคนที่มีเงินเดือนสูงที่สุด และดูมีอนาคตมากที่สุด
แต่เพื่อนผมเป็นคนที่มีทัศคติในการทำงานที่ดี และพัฒนาตัวครับ
ส่วนไอ้คนจบ 3 ปีครึ่ง ก็แบบที่เห็น ๆ เนี่ยแหละครับ
เอาให้รอดไปวัน ๆ ก่อน
และเมื่อผ่านไปสักระยะ เริ่มคิดได้ว่า
คนจบ 4 ปีเขาจะจบกันมาแล้ว

คู่แข่งก็ต้องเพิ่ม ยิ่งเกรดไม่ค่อยสวยด้วย
ก็เริ่มหาจากหนังสือสมัครงานบ้าง ในเน็ตบ้าง
ไปนั่งหาในร้านเน็ต 2 ชั่วโมงหางานสัก 10 นาที
ที่เหลือนั่งเล่มเกม
มีเน็ตใช้ที่บ้าน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
น้องชายปล่อย wifi มาให้
เก็บเดือนละ 100 (ให้ฟรีก็ไม่ได้)
กลับเข้าเรื่อง
ตอนนั้นผมเป็นคนที่ออกจะแนวปอดแหก
ตอนนี้ก็ยังไม่หาย กลัวไปหมด
กลัวเข้าไปทำงานแล้วจะทำไม่ได้
ก็เลยเลือกอะไรที่เราน่าจะทำได้
ก็เลยหางานพวก support
ไม่ได้มุ่งไปทางโปรแกรมเมอร์เหมือนหลาย ๆคน
ซึ่งตรงนี้ขอแนะนำน้อง ๆ ที่จบใหม่ ว่า
อยากทำงานตำแหน่งไหน สมัครไปเลย ไม่ต้องกลัว
ถึงแม้สิ่งที่เราเรียนได้แพ็คใส่กล่อง สก๊อตเทปพันอีก 3 ชั้น
และส่งคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
ถ้าเขารับเราเดี๋ยวเขาก็เทรนเราเอง
ถ้าเทรนแล้วไม่มีแวว ก็จะไม่ผ่านโปรเอง 5555
ผมไม่รู้ว่าคณะอื่น เป็นยังไง
และก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ สายผม วิท-คอม เป็นแบบไหนแล้ว
แต่สมัยผมที่สอนมาใช้จริง 50% ยังไม่ถึงเลย
คือ เขียนโปรแกรมจริง ๆ ไม่เหมือนตอนสอบ
ที่ต้องเขียนบรรทัดแรก จนบรรทัดสุดท้าย
ทางลัด ตัวช่วย มีเยอะแยะ ขอแค่มีพื้นฐานสักหน่อย
และถ้าคุณสอบผ่านมาได้ ก็คงมีพื้นฐานติดตัวมาบ้าง
อย่ามามัวเสียเวลากับงานที่เราไม่ได้อยากทำ
จบใหม่ เปิดแก๊สให้เต็มที่ ไฟจะได้แรง ๆ
มั่นใจเข้าไว้ และเตรียมตัวสักนิดก่อนไปสัมภาษณ์
แต่ถ้าแก๊สใกล้หมด จะอดตาย งานอะไรก็ทำไปก่อน
ที่เขาบอกว่าขอประสบการณ์
สมัครไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวเขาจะว่า
ถึงเขาจะว่า เราก็ไม่ได้ยิน
ถ้าเขาอ่านแล้วไม่ใช่ เขาก็คัดออกไปเอง
ส่งไปเผื่อเขาหาใครไม่ได้จริง ๆ แล้วคิดจะเทรนเด็กจบใหม่
อย่างน้อยเขาก็มีประวัติเราแล้ว
หางาน ๆ ไปเรื่อย ๆ สัมภาษณ์แล้วสัมภาษณ์อีก ยังไงก็ยังไม่ได้
เริ่มท้อ เหนื่อย พักสักนิด ผ่อนคลาย ไม่ไหวจริง ๆ ก็ร้องไห้ มันช่วยคุณได้
แล้วค่อยสร้างกำลังกาย และใจใหม่ ซึ่งเพลงก็ช่วยได้
เพลงที่ให้กำลังใจใน youtube เยอะแยะ นั่งฟังแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ตั้งใจฟัง ผมฝากไว้ให้สักเพลงก็แล้วกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่สำคัญ สำคัญมาก อย่าดูถูกตัวเอง (เหมือนผม 555)
เพราะถ้าคุณดูถูกตัวเอง ชีวิตคุณมันจะยิ่งหล่นลง ๆ
ผมพยายามเขียนให้ไม่เครียด
แต่มานั่งคิดถึงเรื่อง อย่าดูถูกตัวเอง น้ำตามันจะไหล
เพราะคนที่ผมเคยรัก(ข้างเดียว) ก็เคยพูดประโยคนี้กับผม
ตอนผมไปสัมภาษณ์ที่แรก เป็น support ดูแล
ร้านหนังสือ ในเครือของห้าง ๆ หนึ่ง สาขาไหนมีปัญหาก็ไปแก้
ก็แนะนำตัวไปหน่อย พี่เขาก็ถามว่า "น้องจะทำไหม ถ้าทำพี่รับเลย
แต่อย่าออกเร็วนะ"
ผมก็ 'ใช้หมอง นั่งสมาธิ'
ไปทำงานสีลม เดินทางไปกลับแบบสั้นสุด 50 กิโล
(วัดจาก google map เมื่อกี้)
ตอนนั้นรถไฟฟ้า ใต้ดินไม่มีอะไรสักอย่าง
แถมสัมภาษณ์ที่แรก เขาก็รับแล้ว คนมันมีความสามารถ

เดี๋ยวหาใหม่ก็ได้ หางานง่ายนิดเดียว (ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริง ๆ)
ผมก็ตอบปฏิเสธพี่เขาไป
และหลังจากนั้นเรียกสัมภาษณ์ยังไม่มีเลย
เวลาก็ผ่านไป เริ่มเข้าสู่โหมด งานอะไรก็ได้

แม่ผมก็เริ่มใช้เส้นสายแล้ว
เพราะไม่อยากต้องมาเสียเงินวันละ 120
แม่ผมเป็นผู้กว้างขวางในหมู่บ้าน
ยิ่งตอนเกษียนแล้ว แทบบอกได้เลยว่า
ไม่มีใครไม่รู้จักแม่ผม และไม่มีเรื่องอะไรในหมู่บ้าน
ที่แม่ไม่รู้ (น่าจะไปลงสมัครผู้ใหญ่บ้าน)
แม่ผมได้ข่าวจากสายข่าว
ว่าบริษัทขายผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป เปิดรับสมัคร
ผมก็คิดแล้วว่า อย่างน้อยก็ต้องมีสวัสดิการเป็นผ้าอ้อมเด็ก
ตอนมีลูกก็ประหยัดไปเรื่องนึงแล้ว
ก็ไปสมัครโดยให้บอกว่าเป็นญาติกับน้าคนที่มาบอกข่าว
น้าเขาเป็นแม่บ้านที่นั้นครับ
สมัครตำแหน่งอะไร ผมก็จำไม่ได้
แต่จะมีสอบ excel ผมก็คิด excel ที่เอาไว้ทำตาราง
มันจะมีสอบอะไร แต่ก็ไปยืมหนังสือเพื่อนบ้าน
ที่จบบัญชีกันเหนียวไว้ก่อน
นั่งเปิดอ่านอยู่ 2-3 วันก่อนไปสอบ
โอ้โห excel มันทำได้ขนาดนี้เลยหรือ
ถึงเวลาสอบ สอบเสร็จมั่นใจมาก ทำได้ทุกข้อ
แถมมีเส้นน้าแม่บ้านอีก 555 ได้งานแน่นอน
ปิดซอยฉลองล่วงหน้าได้เลย (ดีใจจะได้สวัสดิการผ้าอ้อมเด็ก)
สรุปไม่ได้ ไปเจอเส้นใหญ่กว่า...เซ็ง
บางคนอาจจะรู้สึกไม่ดีกับการใช้เส้นสาย
ผมอยากจะบอกว่าใช้เส้นสายไม่ผิด
แต่คุณจะแบกความรับผิดชอบมากขึ้น
ทำอะไรคิดถึงคนฝากด้วย
เพราะถ้าเสีย จะเสียถึงคนที่ฝากคุณเข้าทำงานด้วย
(ซึ่งผมก็ทำแย่ ๆ แบบนั้นมาแล้ว จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง)
เริ่มเครียดแบบจริงจัง งานก็ยังหาไม่ได้
แถมช่วงนั้นบ้านผมมีปัญหา ปัญหาจากน้องชาย
เปลี่ยนบ้านผมเป็นแหล่งบันเทิง ดึก ๆ โผล่มาแล้ว มานั่งเล่นเกม
เสียงก็ดัง จนผมระเบิด ทะเลาะกัน แต่อะไร ๆ ก็ไม่ดีขึ้น
จนหลัง ๆ คิดจะเดินเข้าไปถามว่า "จะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ"
แถมตอนนั้นพ่อเกิดป่วยหนัก ประมาณเส้นเลือดในสมองแตก
หมดเงินกับโรงพยาบาลเอกชนเยอะ เยอะจนได้บัตรวีไอพี
ตอนนั้นทั้งกลัวและเครียด กลัวว่าท่านจะเดินไม่ได้
แต่โชคดีมากที่ท่านเดินได้ แม้จะไม่เหมือนเดิม
งานก็หาไม่ได้ อยู่บ้านก็เครียดจากน้องชายและสหาย
พ่ออาการดีขึ้นแล้ว ผมก็ตัดสินใจบวช
เจอบทสวดขอบวช ยาวมาก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
วันแรก ประมาณตี 3 ก็ตื่นแล้วครับ
มีเสียงระฆังดัง และเป็นแบบนี้ทุกคืน
ระฆังดังก็ตื่นมา แล้วก็นอนต่อ
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตีเพื่ออะไร ใครรู้บอกผมที
กิจวัตรประจำวัน บิณฑบาตร ทำวัตรเช้า
ทำวัตรเย็น มานั่งฟังหลวงปู่เล่าเรื่องต่าง ๆ
เข้านอน ก็วนอยู่แบบเนี่ยครับ
สบายใจครับ
แต่แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะบุญที่บวช หรือมารผจญ
เหมือนงานจะลอยมาหา และเป็นงานที่ผมอยากทำมาก
แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปยังไง
ได้ฤกษ์สึก ก็สึกครับ เขาก็บอกให้อธิฐานตอนจะสึก
ผมก็ก็อธิฐานไปเสียเยอะ ขอให้ได้งานดี ๆ ชีวิตดี ๆ ฯลฯ
แต่ดันลืมขอให้ได้เงินเยอะ ๆ เฮ้อ....
ตอนต่อไปจะเป็นการเรียน การฝึกงาน เพื่อเข้าสู่งานแรกในชีวิต
ขอบคุณครับ
ปล. คนถือหมอน ตอนผมบวช เป็นผู้ชาย
เป็นใครทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลย
ปล.2 ตอนแรกผมกะว่าจะเขียนวันจันทร์หน้า
แต่พอดีวันนี้ลาหยุด ไปหาหมอ ยังพอมีเวลา ก็เลยเขียนเลยแล้วกัน
(วันนี้ มีเรื่องจะคุยกับหมอเยอะแยะไปหมด 5555 )
มนุษย์เงินเดือน ฉบับอินดี้ ตอนที่ 2 ออกหางาน (='.'=)
มนุษย์เงินเดือน ฉบับอินดี้
ตอนที่ 1 จบเสียที http://pantip.com/topic/30387531
ตอนที่ 2 ออกหางาน (='.'=) http://pantip.com/topic/30395519
ตอนที่ 3 ตามหาพระอาจารย์ (>'.')> http://pantip.com/topic/30423722
ตอนนี้ยอดคนอ่านสูง จนคนเขียนกระทู้ใจหาย
สวัสดีครับ
มา มะ เริ่มตอนที่ 2
จากตอนที่ 1 ผมเรียนจบ
สิ่งแรกที่ผมทำคือ พักผ่อน
ยังขอเงินแม่ใช้อยู่เหมือนเดิม (ได้วันละ 120)
ส่วนใหญ่ออกจากบ้านไปมหาลัย ไปเยี่ยมเพื่อน ๆ
เพราะผมจบ 3 ปีครึ่ง อย่าคิดว่าผมเก่งอะไร
3 ปีครึ่ง เป็นเรื่องปกติของสาขาผม
ก็ร่อนแร่ไปนอนเล่นหอเพื่อน (มีแอร์)
เพื่อนก็ทำโปรเจคจบกันไป
ผมก็นอนตากแอร์อ่านการ์ตูนอย่างมีความสุข
ให้เพื่อนมันอิจฉาเล่น
จบเร็ว จบช้า ไม่ใช่ตัวกำหนดอนาคตชีวิตคุณครับ
ผมกล้าพิมพ์ เพราะในกลุ่มเพื่อนผม คนที่จบช้าสุด
เป็นคนที่มีเงินเดือนสูงที่สุด และดูมีอนาคตมากที่สุด
แต่เพื่อนผมเป็นคนที่มีทัศคติในการทำงานที่ดี และพัฒนาตัวครับ
ส่วนไอ้คนจบ 3 ปีครึ่ง ก็แบบที่เห็น ๆ เนี่ยแหละครับ
เอาให้รอดไปวัน ๆ ก่อน
และเมื่อผ่านไปสักระยะ เริ่มคิดได้ว่า
คนจบ 4 ปีเขาจะจบกันมาแล้ว
คู่แข่งก็ต้องเพิ่ม ยิ่งเกรดไม่ค่อยสวยด้วย
ก็เริ่มหาจากหนังสือสมัครงานบ้าง ในเน็ตบ้าง
ไปนั่งหาในร้านเน็ต 2 ชั่วโมงหางานสัก 10 นาที
ที่เหลือนั่งเล่มเกม
มีเน็ตใช้ที่บ้าน เมื่อ 2 ปีที่แล้ว
น้องชายปล่อย wifi มาให้
เก็บเดือนละ 100 (ให้ฟรีก็ไม่ได้)
กลับเข้าเรื่อง
ตอนนั้นผมเป็นคนที่ออกจะแนวปอดแหก
ตอนนี้ก็ยังไม่หาย กลัวไปหมด
กลัวเข้าไปทำงานแล้วจะทำไม่ได้
ก็เลยเลือกอะไรที่เราน่าจะทำได้
ก็เลยหางานพวก support
ไม่ได้มุ่งไปทางโปรแกรมเมอร์เหมือนหลาย ๆคน
ซึ่งตรงนี้ขอแนะนำน้อง ๆ ที่จบใหม่ ว่า
อยากทำงานตำแหน่งไหน สมัครไปเลย ไม่ต้องกลัว
ถึงแม้สิ่งที่เราเรียนได้แพ็คใส่กล่อง สก๊อตเทปพันอีก 3 ชั้น
และส่งคืนอาจารย์ไปหมดแล้ว
ถ้าเขารับเราเดี๋ยวเขาก็เทรนเราเอง
ถ้าเทรนแล้วไม่มีแวว ก็จะไม่ผ่านโปรเอง 5555
ผมไม่รู้ว่าคณะอื่น เป็นยังไง
และก็ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ สายผม วิท-คอม เป็นแบบไหนแล้ว
แต่สมัยผมที่สอนมาใช้จริง 50% ยังไม่ถึงเลย
คือ เขียนโปรแกรมจริง ๆ ไม่เหมือนตอนสอบ
ที่ต้องเขียนบรรทัดแรก จนบรรทัดสุดท้าย
ทางลัด ตัวช่วย มีเยอะแยะ ขอแค่มีพื้นฐานสักหน่อย
และถ้าคุณสอบผ่านมาได้ ก็คงมีพื้นฐานติดตัวมาบ้าง
อย่ามามัวเสียเวลากับงานที่เราไม่ได้อยากทำ
จบใหม่ เปิดแก๊สให้เต็มที่ ไฟจะได้แรง ๆ
มั่นใจเข้าไว้ และเตรียมตัวสักนิดก่อนไปสัมภาษณ์
แต่ถ้าแก๊สใกล้หมด จะอดตาย งานอะไรก็ทำไปก่อน
ที่เขาบอกว่าขอประสบการณ์
สมัครไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวเขาจะว่า
ถึงเขาจะว่า เราก็ไม่ได้ยิน
ถ้าเขาอ่านแล้วไม่ใช่ เขาก็คัดออกไปเอง
ส่งไปเผื่อเขาหาใครไม่ได้จริง ๆ แล้วคิดจะเทรนเด็กจบใหม่
อย่างน้อยเขาก็มีประวัติเราแล้ว
หางาน ๆ ไปเรื่อย ๆ สัมภาษณ์แล้วสัมภาษณ์อีก ยังไงก็ยังไม่ได้
เริ่มท้อ เหนื่อย พักสักนิด ผ่อนคลาย ไม่ไหวจริง ๆ ก็ร้องไห้ มันช่วยคุณได้
แล้วค่อยสร้างกำลังกาย และใจใหม่ ซึ่งเพลงก็ช่วยได้
เพลงที่ให้กำลังใจใน youtube เยอะแยะ นั่งฟังแบบที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ตั้งใจฟัง ผมฝากไว้ให้สักเพลงก็แล้วกัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และที่สำคัญ สำคัญมาก อย่าดูถูกตัวเอง (เหมือนผม 555)
เพราะถ้าคุณดูถูกตัวเอง ชีวิตคุณมันจะยิ่งหล่นลง ๆ
ผมพยายามเขียนให้ไม่เครียด
แต่มานั่งคิดถึงเรื่อง อย่าดูถูกตัวเอง น้ำตามันจะไหล
เพราะคนที่ผมเคยรัก(ข้างเดียว) ก็เคยพูดประโยคนี้กับผม
ตอนผมไปสัมภาษณ์ที่แรก เป็น support ดูแล
ร้านหนังสือ ในเครือของห้าง ๆ หนึ่ง สาขาไหนมีปัญหาก็ไปแก้
ก็แนะนำตัวไปหน่อย พี่เขาก็ถามว่า "น้องจะทำไหม ถ้าทำพี่รับเลย
แต่อย่าออกเร็วนะ"
ผมก็ 'ใช้หมอง นั่งสมาธิ'
ไปทำงานสีลม เดินทางไปกลับแบบสั้นสุด 50 กิโล
(วัดจาก google map เมื่อกี้)
ตอนนั้นรถไฟฟ้า ใต้ดินไม่มีอะไรสักอย่าง
แถมสัมภาษณ์ที่แรก เขาก็รับแล้ว คนมันมีความสามารถ
เดี๋ยวหาใหม่ก็ได้ หางานง่ายนิดเดียว (ตอนนั้นคิดแบบนั้นจริง ๆ)
ผมก็ตอบปฏิเสธพี่เขาไป
และหลังจากนั้นเรียกสัมภาษณ์ยังไม่มีเลย
เวลาก็ผ่านไป เริ่มเข้าสู่โหมด งานอะไรก็ได้
แม่ผมก็เริ่มใช้เส้นสายแล้ว
เพราะไม่อยากต้องมาเสียเงินวันละ 120
แม่ผมเป็นผู้กว้างขวางในหมู่บ้าน
ยิ่งตอนเกษียนแล้ว แทบบอกได้เลยว่า
ไม่มีใครไม่รู้จักแม่ผม และไม่มีเรื่องอะไรในหมู่บ้าน
ที่แม่ไม่รู้ (น่าจะไปลงสมัครผู้ใหญ่บ้าน)
แม่ผมได้ข่าวจากสายข่าว
ว่าบริษัทขายผ้าอ้อมเด็กสำเร็จรูป เปิดรับสมัคร
ผมก็คิดแล้วว่า อย่างน้อยก็ต้องมีสวัสดิการเป็นผ้าอ้อมเด็ก
ตอนมีลูกก็ประหยัดไปเรื่องนึงแล้ว
ก็ไปสมัครโดยให้บอกว่าเป็นญาติกับน้าคนที่มาบอกข่าว
น้าเขาเป็นแม่บ้านที่นั้นครับ
สมัครตำแหน่งอะไร ผมก็จำไม่ได้
แต่จะมีสอบ excel ผมก็คิด excel ที่เอาไว้ทำตาราง
มันจะมีสอบอะไร แต่ก็ไปยืมหนังสือเพื่อนบ้าน
ที่จบบัญชีกันเหนียวไว้ก่อน
นั่งเปิดอ่านอยู่ 2-3 วันก่อนไปสอบ
โอ้โห excel มันทำได้ขนาดนี้เลยหรือ
ถึงเวลาสอบ สอบเสร็จมั่นใจมาก ทำได้ทุกข้อ
แถมมีเส้นน้าแม่บ้านอีก 555 ได้งานแน่นอน
ปิดซอยฉลองล่วงหน้าได้เลย (ดีใจจะได้สวัสดิการผ้าอ้อมเด็ก)
สรุปไม่ได้ ไปเจอเส้นใหญ่กว่า...เซ็ง
บางคนอาจจะรู้สึกไม่ดีกับการใช้เส้นสาย
ผมอยากจะบอกว่าใช้เส้นสายไม่ผิด
แต่คุณจะแบกความรับผิดชอบมากขึ้น
ทำอะไรคิดถึงคนฝากด้วย
เพราะถ้าเสีย จะเสียถึงคนที่ฝากคุณเข้าทำงานด้วย
(ซึ่งผมก็ทำแย่ ๆ แบบนั้นมาแล้ว จะมาเล่าให้ฟังวันหลัง)
เริ่มเครียดแบบจริงจัง งานก็ยังหาไม่ได้
แถมช่วงนั้นบ้านผมมีปัญหา ปัญหาจากน้องชาย
เปลี่ยนบ้านผมเป็นแหล่งบันเทิง ดึก ๆ โผล่มาแล้ว มานั่งเล่นเกม
เสียงก็ดัง จนผมระเบิด ทะเลาะกัน แต่อะไร ๆ ก็ไม่ดีขึ้น
จนหลัง ๆ คิดจะเดินเข้าไปถามว่า "จะรับเครื่องดื่มอะไรเพิ่มไหมครับ"
แถมตอนนั้นพ่อเกิดป่วยหนัก ประมาณเส้นเลือดในสมองแตก
หมดเงินกับโรงพยาบาลเอกชนเยอะ เยอะจนได้บัตรวีไอพี
ตอนนั้นทั้งกลัวและเครียด กลัวว่าท่านจะเดินไม่ได้
แต่โชคดีมากที่ท่านเดินได้ แม้จะไม่เหมือนเดิม
งานก็หาไม่ได้ อยู่บ้านก็เครียดจากน้องชายและสหาย
พ่ออาการดีขึ้นแล้ว ผมก็ตัดสินใจบวช
เจอบทสวดขอบวช ยาวมาก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี
วันแรก ประมาณตี 3 ก็ตื่นแล้วครับ
มีเสียงระฆังดัง และเป็นแบบนี้ทุกคืน
ระฆังดังก็ตื่นมา แล้วก็นอนต่อ
ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าตีเพื่ออะไร ใครรู้บอกผมที
กิจวัตรประจำวัน บิณฑบาตร ทำวัตรเช้า
ทำวัตรเย็น มานั่งฟังหลวงปู่เล่าเรื่องต่าง ๆ
เข้านอน ก็วนอยู่แบบเนี่ยครับ
สบายใจครับ
แต่แล้ว ไม่รู้ว่าเพราะบุญที่บวช หรือมารผจญ
เหมือนงานจะลอยมาหา และเป็นงานที่ผมอยากทำมาก
แต่ไม่รู้ว่าจะเข้าไปยังไง
ได้ฤกษ์สึก ก็สึกครับ เขาก็บอกให้อธิฐานตอนจะสึก
ผมก็ก็อธิฐานไปเสียเยอะ ขอให้ได้งานดี ๆ ชีวิตดี ๆ ฯลฯ
แต่ดันลืมขอให้ได้เงินเยอะ ๆ เฮ้อ....
ตอนต่อไปจะเป็นการเรียน การฝึกงาน เพื่อเข้าสู่งานแรกในชีวิต
ขอบคุณครับ
ปล. คนถือหมอน ตอนผมบวช เป็นผู้ชาย
เป็นใครทุกวันนี้ผมก็ยังไม่รู้เลย
ปล.2 ตอนแรกผมกะว่าจะเขียนวันจันทร์หน้า
แต่พอดีวันนี้ลาหยุด ไปหาหมอ ยังพอมีเวลา ก็เลยเขียนเลยแล้วกัน
(วันนี้ มีเรื่องจะคุยกับหมอเยอะแยะไปหมด 5555 )