คดีเขาพระวิหารเรามีหนทางที่จะชนะจริงๆหรือคะทั้งที่ฝ่ายเราเองก็ปล่อยเวลาให้ผ่านมานาน กัมพูชาเองก็ดูมีฝรั่งเศสหนุนหลัง

เรื่องคดีเขาพระวิหาร เรามีหนทางที่จะชนะจริงๆหรือคะทั้งที่ฝ่ายเราเองก็ปล่อยเวลาให้ผ่านมานาน ไม่ได้ไปท้วงตั้งเเต่ต้น เเละกัมพูชาเองก็ดูจะมีฝรั่งเศสหนุนหลัง

หวังว่าคงไม่มีใครเอาการเมืองมาเอี่ยวนะคะ อิอิ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ในความเป็นจริง
เราไม่มีคำว่า "ชนะ" ครับ

เพราะมีแต่ "เสมอตัว"
คือไม่ได้เสียพื้นที่ 4.6 ตร.กม.
เพราะศาลยืนในคำวินิจฉัยเดิมในปี 2505

กับ "แพ้"
ซึ่งจะทำให้พื้นที่ 4.6 ตร.กม. โดนเขมรตีกินไปอีก

ในฐานะคนไทย
หากย้อนเวลากลับไปได้
ผมก็อยากให้เราชนะคดีเขาพระวิหารเหมือนคนไทยอีก 60 กว่าล้านคนครับ

แต่ในความเป็นจริงนั้น
เราแพ้ในคดีนี้มาตั้งนานแล้ว
แพ้มาตั้งแต่ตอนที่ศาลโลกได้ตัดสินให้ตัวปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของเขมร
ในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 3 โน่นแล้ว....คนไทยกว่าครึ่งประเทศยังไม่เกิดด้วยซ้ำไป

และก็ไม่ใช่แค่ตัวปราสาทนะครับ
เพราะศาลยังตัดสินด้วยคะแนนเสียง 7 ต่อ 5
ให้ประเทศไทยส่งคืนโบราณวัตถุที่นำออกมาจากปราสาทเขาพระวิหารตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 อีกต่างหาก

หนึ่งในหลักฐานชิ้นสำคัญที่เขมรยื่นต่อศาล
ก็คือรูปถ่ายที่ สมเด็จฯกรมพระยาดำรงราชานุภาพได้เสด็จไปปราสาทพระวิหารครับ.....เสด็จตั้งแต่ปี 2472 โน่นแน่ะ
ซึ่งในการเสด็จครั้งนั้น ทั้งทางฝ่ายเขมร และ ขุนนางฝรั่งเศส "เรศิดังต์แห่งเมืองกำปงธม" ได้มาทำการถวายการต้อนรับ

โดยมีการปักธงเขมร และ ธงฝรั่งเศส เต็มไปจนทั่วบริเวณตัวปราสาทเขาพระวิหาร

และได้ใช้ภาพเหล่านี้ยื่นต่อศาลโลก
เพื่อเป็นการแสดงให้ศาลเห็นว่าไทยยอมรับในอธิปไตยของเขมรในพื้นที่นั้น






จะไปเหลืออะไรละครับ
ไทยเราก็เสร็จเขมรจนได้

ไทยปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกด้วยการยอมให้เขมรได้สิทธิเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารไป
โดยที่มีมติครม. 2505 ให้ล้อมรั้วรอบตัวปราสาทเขาพระวิหารเอาไว้ แต่พื้นที่ 4.6 ตร.กม. ยังเป็นของไทยอยู่

ไอ้พื้นที่ 4.6 ตร.กม.นี่แหละครับ
ที่มันคือเขต "โนแมนส์แลนด์" ที่ทั้ง 2 ประเทศถ้อยทีถ้อยอาศัยกันอยู่

จวบจนกระทั่งปี 2543
ไทยกับเขมรกระทบกระทั่งกันตามประสาคนที่มีบ้านรั้วติดกัน
รัฐบาลชวน หลีกภัย ได้ไปทำการตกลงกับเขมร และ ลงเอ็มโอยู 43
ที่ว่าด้วยการปักปันหลักเขตแดนกันใหม่ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ประเทศ

นับตั้งแต่นั้นมา เราก็เกิดปัญหาแบบ back to the future .........หนังที่สร้างชื่อให้ ไมเคิล เจ ฟ็อกซ์ ทันที

เพราะเอ็มโอยูที่ว่านี้
มันโดนเขมรเอาไปเคลมเพื่อ "ตีกิน"
ว่าไทยเรายอมรับแผนที่อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ที่ฝรั่งเศสทำไว้
และเขมรก็ได้นำเอาแผนที่นี้มาอ้างใช้ในการปักปันเขตแดนร่วมกันใหม่

ไทยเป็นรองอีกแล้วครับ

แถมตอนที่เขมรเอาเขาพระวิหารขึ้นทะเบียนมรดกโลกนั้น
เขมรยังได้อ้างเอ็มโอยู 43 และ ตีกินว่าไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ  2 แสน ของเขมรอีกต่างหาก

เอาอีกแล้ว......เราแพ้ซ้ำแพ้ซากอีกตามเคยครับ

พอมาถึงสมัย สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกฯ
นพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศ ได้พยายามลดอุณหภูมิลง
ด้วยการเปิดเจรจากับเขมร เพื่อให้พื้นที่ "โนแมนสแลนด์" 4.6 ตร.กม.ปลอดความขัดแย้ง
คือ ให้เป็นพื้นที่ๆทั้ง 2 ประเทศสามารถที่จะมีส่วนร่วมในการใช้พื้นที่ที่ว่านี้เป็นพื้นที่ทำมาหากินร่วมกัน

นพดลได้ไปทำเอ็มโอยู.ในเรื่องนี้ขึ้นมา
แต่ฝ่ายค้านเอาเข้าสภา ในข้อกล่าวหาว่านพดล "ขายชาติ"

ไอ้ที่ทำท่าว่าจะดีขึ้น เพราะได้พูดคุยกันแบบเพื่อนบ้าน......ก็จบเห่ลงไปเลย

จวบจนมาถึงยุคของอภิสิทธิ์
สถานการณ์เปลี่ยนมาเป็นเลวร้าย หน้ามือเป็นหลังมือ
เพราะไทย กับ เขมร ขัดแย้งกันจนถึงขั้นขนทหารเข้าไปในพื้นที่ปัญหา

แต่เขมรมันเร็วกว่าไทย
เพราะมันเนียนๆขนทหารเข้าไปในพื้นที่
แถมยังมีการไปสร้างวัด สร้างวา เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของพื้นที่อีกต่างหาก

แล้วยังมีกรณี "จงใจเซ่อ" ของ สส.พนิช
ที่ร่วมกับพันธมิตรตีลูกซึมเดินเข้าไปในเขตแดนเขา
และยังเสียค่าโง่ถ่ายวีดิโอ และ พูดประจานตัวเองออกอากาศอีก



(ถึงตอนนี้วีระยังติดคุกเขมรอยู่เลย
ราตรีได้รับการอภัยโทษหลังจากติดอยู่นาน  
ส่วน สส.พนิช ที่พูดออกในคลิปว่าเดินล้ำเข้าไปในแดนเพื่อนบ้านกลับรอดกลับมาตั้งแต่วันแรกๆ)

คราวนี้แหละครับ.....เขมรมันเอาจริงเลย
เขมรยื่นเรื่องศาลโลกเพื่อให้พิจารณาคดีใหม่
ซึ่งไม่ว่าผลจะออกมาแบบไหน ไทยเราไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย

หากศาลตัดสินเหมือนปี 2505
เราก็ยังเหมือนเดิม....คือไม่ได้เป็นเจ้าของปราสาทพระวิหาร

หากศาลตัดสินใหม่
ด้วยการยกพื้นที่ให้เขมรเพิ่ม
ทีนี้แหละครับ "ดูไม่จืด" กันแน่ๆ

เราแพ้เขามาตั้งแต่ปี 2505
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเวลาผ่านไปจนถึงยุคมิลเลนเนี่ยม
ไทยจะต้องมาเผชิญเรื่องเดิมๆ ที่อาจทำให้เราเสียเปรียบซ้ำไปอีก

ผมพยายามตอบกระทู้นี้
ให้พาดพิงเรื่องการเมืองน้อยที่สุด
เพราะคุณ จขกท.ไม่ได้มีเจตนาสื่อถึงการเมือง
แต่บางทีมันเลี่ยงไม่ได้ครับ เพราะปราสาทเขาพระวิหารมันคือเรื่องทางการเมืองตั้งแต่  2472 โน่นแล้ว

รอผู้รู้มาเล่าในมุมของกฏหมายดีกว่า
ผมเล่าได้....แต่ก็เล่าเป็นภาษาแบบบ้านๆครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่