บทความนี้เจ้าของกระทู้แปลมาจากบทความเรื่อง The 5 Creepiest Ways Major Companies Are Watching You
http://www.cracked.com/article_20358_5-dystopian-sci-fi-scenarios-now-being-used-marketing.html
ประกอบด้วย 5 หัวข้อ โดยในแต่ละหัวข้อจะมีลิงค์ไปยังแหล่งข่าวซึ่งเจ้าของกระทู้จะลิงค์ไว้ในตอนจบของแต่ละเรื่องนะคะ
หมายเหตุ บทความนี้ประกอบไปด้วยข้อความเสียดสีและมุขตลกของฝรั่งซึ่งแปลมาจากต้นฉบับโดยไม่ได้ตัดทอนออก
นอกจากห้องหว้ากอ ขอแท็กห้องสีลมเรื่องการโฆษณาเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
กุญแจสำคัญในการขายผลิตภัณฑ์คือการรู้จักลูกค้าของคุณ แต่เดิมเรื่องนี้เคยเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากสำหรับนักโฆษณาผู้เผชิญหน้ากับงาน ที่ใกล้เคียงกับความเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คือการโน้มน้าวให้คนซื้อของที่เมื่อ 10 นาทีที่แล้วพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่
อย่างไรก็ตาม ยุคสารสนเทศนั้นได้มอบเทคโนโลยีซึ่งช่วยให้บรรดาบริษัททั้งหลายทำความรู้จักกับลูกค้าได้ดียิ่งว่าครอบครัวตัวเองเสียอีก การที่คุณจะมองว่ามันน่ากลัวมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอายุเท่าไหร่ และความจริงแล้วคนรุ่นหน้าจะไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเลยด้วยซ้ำ
5 โทรทัศน์ที่แสดงโฆษณาโดยอ้างอิงจากสิ่งที่คุณทำบนโซฟา

ยังจำได้ไหมตอนที่คุณยังสามารถดูทีวีโดยไม่รู้สึกเหมือนว่ามันจ้องกลับมายังคุณเหมือนรูปภาพบ้านผีสิงที่มีรูปตาอยู่บนนั้น เอาละ ดูเหมือนว่า วันเวลาเหล่านั้นได้จบลงแล้ว เพราะมีบริษัทกลุ่มหนึ่งกำลังแนะนำสินค้าใหม่ๆที่เฝ้าสังเกตคุณขณะที่คุณดูทีวี -- และคำว่า 'เฝ้าสังเกต' นี้ เราไม่ได้หมายความว่า 'เก็บข้อมูลสิ่งที่คุณดูบนทีวี' -- เพราะนั่นคงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เราหมายถึงอุปกรณีที่ มองคุณจริงๆ ขณะที่คุณกำลังดูโทรทัศน์
Verizon ได้จดสิทธิบัตรกล่องเคเบิลแบบใหม่ซึ่งใช้กล้องอินฟาเรดและไมโครโฟนในการติดตามดูสิ่งที่คุณทำขณะนั่งดู The Big Bang Theory ตามสิทธิบัตร เจ้ากล่องนี้ถูกวางโปรแกรมให้มองดูกิจกรรมบางอย่าง เช่น พูดคุย หัวเราะ ร้องเพลง และเล่นเครื่องดนตรี เพราะว่ามันถูกออกแบบไว้สำหรับวางในบ้านของบิลลี่ โจล์ จากนั้นมันจะแสดงโฆษณาอ้างอิงจากอะไรก็ตามที่คุณกำลังทำอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังนั่งกอดกับคนสำคัญอยู่บนโซฟา กล่องเคเบิลของ Verizon ก็จะสังเกตเห็นและเล่นโฆษณาสำหรับดอกไม้ การเที่ยวพักผ่อนแบบโรแมนติก ซีดี Righteous Brothersและถุงยางอนามัย
เราไม่ได้กุเรื่องนี้ขึ้นแต่อย่างใดเลย แต่ตอนนี้ทีวีกลายเป็นวิงแมนของคุณแล้วละ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถสังเกตสิ่งที่คุณกำลังกินและดื่มได้ และจัดหาโฆษณามาให้ตรงกัน -- ถ้าคุณกำลังดื่มเป๊ปซี่ มันก็จะแสดงโฆษณาเป๊ปซี่ และถ้าคุณกำลังดื่ม Aristocrat จากขวดอยู่ละก็ มันก็จะแสดงโฆษณา Zoloft ให้คุณดู
นี่ไม่ใช่ไอเดียใหม่ -- ไมโครสอบเคยจดสิทธิบัตรในปี 2010 ให้กับเทคโนโลยีที่จะสแกนอีเมล์ ข้อความ และประวัติการเข้าเว็บของคุณ ขณะที่ เฝ้าสังเกตสีหน้าและคำพูดของคุณผ่านเว็บแคมหรือ Kinect (ถ้าคุณมี Xbox) เพื่อพยายามที่จะตัดสินอารมณ์ของคุณ และส่งโฆษณาที่พวกเขาคิดว่าจะดึงดูดอารมณ์ของคุณในตอนนั้น ด้วยเหตุผลแปลกๆบางอย่าง ในสิทธิบัตรได้สรุปความสำคัญของการแนะนำ โฆษณาในกรณีที่ผู้ชมนั้นกรีดร้องเอาไว้ด้วย ซึ่งดูเหมือนจะบ่งบอกว่าไมโครซอฟนั้นพยายามที่จะทำความเข้าใจประชากรเหยื่อฆาตกรรมที่มักยากที่จะตามจับหรือไม่พวกเขาก็กำลังเตรียมจะฉายโฆษณาระหว่าง Big Bang Theory อย่างที่กล่าวไปข้างต้นก็ได้
ในกรณีที่คุณยังรู้สึกว่าทีวีของคุณยังไม่รุกรานคุณมากพอ Intel กำลังผลิตอุปกรณ์ที่คล้ายๆกันนี้อยู่ ซึ่งจะจัดหาทั้งโฆษณาเป้าหมายและ
โปรแกรมโทรศัพท์โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มันเก็บผ่านทางกล้องซึ่งส่องออกมาโดยตรงจาก Hulu ถูกต้องแล้ว -- กล่องของ Intel
ไม่เพียงแต่จะตัดสินว่าคุณจะกำลังได้ชมโฆษณาอะไรเท่านั้น แต่ยังตัดสินรายการที่คุณจะได้ดูอีกด้วย ทั้งหมดนี้อ้างอิงจากอะไรก็ตาม
ที่คุณบังเอิญเกี่ยวพันด้วยในระยะการมองเห็นของมัน "เราได้สังเกตเห็นว่าคุณได้เริ่มช่วยตัวเองในฉากเลสเบี้ยนในหนังเรื่อง Black Swan! คุณอยากจะให้เราเล่นฉากนั้นซ้ำ หรือเล่นหนังต่อไปดีล่ะ"
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://appft1.uspto.gov/netacgi/nph-Parser?Sect1=PTO2&Sect2=HITOFF&p=1&u=%2Fnetahtml%2FPTO%2Fsearch-bool.html&r=1&f=G&l=50&co1=AND&d=PG01&s1=20120304206&OS=20120304206&RS=20120304206
http://money.msn.com/now/post.aspx?post=229e4586-ab17-4d91-a2d1-0a0e2415d871
http://news.yahoo.com/verizons-creepy-idea-spy-tv-viewers-144322175.html
http://www.forbes.com/sites/kashmirhill/2012/06/12/advertisers-profiles-of-you-will-be-a-lot-more-invasive-when-they-can-track-your-movement-mood-and-eyes/
http://www.geekwire.com/2012/happy-sad-microsoft-system-target-ads-based-emotional-state/
http://appft1.uspto.gov/netacgi/nph-Parser?Sect1=PTO1&Sect2=HITOFF&d=PG01&p=1&u=%2Fnetahtml%2FPTO%2Fsrchnum.html&r=1&f=G&l=50&s1=%2220120143693%22.PGNR.&OS=DN/20120143693&RS=DN/20120143693
http://www.dvice.com/2013-2-13/intels-tv-box-will-deliver-personalized-shows-watching-you
4 หุ่นโชว์เสื้อที่เฝ้ามองคุณขณะชอปปิ้ง

ใช่แล้ว คุณสามารถสบายใจได้เลยกับความคิดว่าที่ว่าลูกหลานของพวกเราจะไม่เติบโตในยุคดึกดำบรรพ์ที่หุ่นนางแบบเป็นเพียงหุ่นสวมเสื้อผ้าที่ไม่มีชีวิตและไม่ได้เป็นแอนดรอยฝังกล้องวงจรปิด ร้านค้าบางร้านได้เริ่มใช้ EyeSee Mannequin หุ่นพลาสติกรูปร่างเหมือนคนที่มีกล้อง ไมโครโฟน และซอฟแวร์การจดจำใบหน้าซึ่งออกแบบไว้บันทึกและบอกพฤติกรรมผู้ซื้อสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย มันคล้ายๆกับ
การถูกสตอล์คด้วยหุนยนต์จากเรื่อง Blade Runner ขณะที่มันกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับใบหน้าที่คุณแสดงออกมาในร้านขายเสื้อ
หุ่นพวกนี้ใช้ซอฟแวร์จดจำใบหน้าซึ่งสามารถระบุอายุ เพศ และเชื้อชาติได้ทันที แถมยังบันทึกว่าคนใช้เวลาดูสินค้าชนิดไหนนานเป็นพิเศษ และ ยังบอกได้ว่าพวกเขาพูดภาษาอะไร เพื่อให้ร้านค้ารู้ว่าจะต้องจ้างพนักงานประเภทไหน ซอฟแวร์ตัวนี้คล้ายกับโปรแกรมที่ใช้โดยเอเจนซี่บังคับใช้กฏหมาย โดยเฉพาะพวกที่ใช้เก็บข้อมูลสถิติทางเชื้อชาติอย่างไม่ละอายใจ

เจ้าหุ่น EyeSee หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันในเน็ตเวิร์คได้เพื่อกะกดรอยตามการเคลื่อนไหวภายในร้าน ประมาณว่า 'ติดตาม' คุณไปทั่วร้านเหมือนกับพวกเซลขายเฟอร์นิเจอร์หน้าเลือด จนกระทั่งคุณรู้สึกหลอนมากพอและตัดสินใจที่จะออกจากร้าน ข้อมูลที่หุ่นบันทึกไว้ (สินค้าที่คุณดู สิ่งที่คุณซื้อ ลักษณะของคุณ และคำพูดของคุณ) จะถูกเก็บและอัพโหลดไว้ในฐานข้อมูล ซึ่งจะถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อนำมาตัดสินประสิทธิภาพของเลย์เอาท์ และการเลือกสินค้าในขณะนั้นของร้าน และต่อจากนั้นจะถูกขายให้กับบริษัทอื่นๆโดยแลกกับเลือดสาบานของความจงรักภักดีต่อผู้ช่วยผู้จัดการกะ และเจ้าหุ่นพวกนี้ยังใช้ในการติดตามและจับพวกขโมยตามร้านค้าโดยการเคลื่อนกำลังนิ้วเลเซอร์ และ/หรือ ปืนใหญ่ตรงบริเวณไหล่ เหมือนพวกกองทหารหุ่นยนต์มนุษย์อีกด้วย
ตุ๊กตาสปายแต่ละตัวราคาประมาณ 5000 เหรียญ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าคุณจะเห็นมันในร้าน Peebles ในเร็วๆนี้ แต่อย่างไรก็ตาม
เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านั้นได้เริ่มใช้แล้วในร้านค้าสาขา เช่น Whole Foods ดังนั้นจึงไม่น่าจะนานเท่าไหร่นักก่อนที่คุณจะได้รับ
การทักทายจากเวอร์ชั่นหนึ่งของ EyeSee หุ่นเฝ้าสังเกตการสังเคราะห์ในทุกๆที่ที่คุณไปชอปปิ้ง
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://news.cnet.com/8301-17938_105-57553272-1/no-dummy-this-mannequin-is-spying-on-you/
3 สินค้าที่ถ่ายทอดตำแหน่งของคุณไปยังนักโฆษณา

แคมเปญ 'We Will Find You' ของ Nestle นั้นเป็นลางร้ายเหมือนกับที่ชื่อของมันบอกนั่นแหละ ขั้นแรกก็คือติดตั้งอุปกรณ์ติดตาม GPS ไว้ในกระดาษห่อชอกโกแลต จากนั้นเมื่ออุปกรณ์นั้นถูกพบและเริ่มทำงาน ทีม A-Team นินจาชอกโกแลตแท่งก็จะติดตามสัญญาณในเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปจู่โจมคนที่ค้นพบมันพร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่เต็มไปด้วยเงิน 10000 ปอนด์ อย่างกับว่า Willy Wonka ได้ส่งหน่วยทหารลักพาตัวรัสเซียมาซุ่มโจมตีเด็กๆทุกคุณที่เจอตั๋วทองคำอย่างนั้นแหละ
ด้วยการพยายามทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่บ้างว่าไอเดียนี้มันแย่เกินไปหน่อย Nestle จึงได้ขอให้ลูกค้าระงับการทำงานของอุปกรณ์ GPS ถ้าหากว่าคิดว่าไม่ว่างสำหรับการถูกจู่โจมด้วยกลุ่มทหารอากาศ และ/หรือมักจะพกมีดที่คาดว่าจะคว้าออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ทำให้ตกใจ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว -- Apple นั้นได้บังคับให้คุณรวมข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดภายใต้ยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด และอนุญาตให้
INonsense ต่างๆอัพเดทตำแหน่งของคุณบนเซิฟเวอร์ แต่นั่นมัน Apple และสินค้าของพวกเขาก็ราคาแพง แต่พวกชอกโกแลตนี่
ราคาเพียงแค่ดอลล่าร์เดียวเท่านั้น "We Will Find You" นั้นเป็นเพียงแค่แคมเปญโปรโมทที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถึงยังไง
มันก็แสดงให้เห็นถึงอนาคตแล้วว่า เทคโนโลยี GPS ในตอนนี้นั้นมีค่าการผลิตที่ถูกมากเหลือเกิน จนบริษัทอย่าง Nestle นั้นสามารถ
ติดตั้งชิปติดตามลงไปในกระดาษห่อชอกโกแลตเมื่อไหร่ก็ตามที่นึกอยากจะทำขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเราอาจจะได้เห็นตอนที่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณซื้อถูกติดตาม ตั้งแต่ขวด Vita Coco Water จนกระทั่งกางเกงยีนส์ และ หนังสือการ์ตูน -- จำไว้ว่า สถานที่ที่คุณอยู่ตอนที่คุณซื้อสินค้า และสถานที่ที่คุณนำมันกลับไปหลังจากนั้น เป็นข้อมูลที่มีคุณค่า พวกบริษัทต่างๆจะสามารถใช้มันมาตัดสินใจสถานที่ที่จะติดโปสเตอร์และป้ายบิลบอร์ด และสินค้าที่ถูกติดตามนี้จะสามารถซิงค์ให้ฉายโฆษณาบางอย่างในทีวี และจออีเล็กโทรนิคในบริเวณใกล้ๆ เพื่อที่จะขายสินค้าให้แก่คุณโดยเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในกระเป๋า แม้ว่าเราจะจินตนาการว่าเรื่องนี้อาจจะมีผลกระทบในด้านลบต่อยอดขายของทั้งถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเท่าๆกัน
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://www.telegraph.co.uk/technology/news/9570363/Kitkat-makers-Nestle-hide-tracking-devices-in-chocolate-bars.html
http://www.forbes.com/sites/kashmirhill/2012/10/02/nestle-replaces-willy-wonkas-golden-ticket-with-a-gps-tracker-in-well-find-you-kit-kat-campaign/
5 วิธีที่น่ากลัวที่สุดที่บริษัทชั้นนำใช้ในการจับตามองคุณ!
http://www.cracked.com/article_20358_5-dystopian-sci-fi-scenarios-now-being-used-marketing.html
ประกอบด้วย 5 หัวข้อ โดยในแต่ละหัวข้อจะมีลิงค์ไปยังแหล่งข่าวซึ่งเจ้าของกระทู้จะลิงค์ไว้ในตอนจบของแต่ละเรื่องนะคะ
หมายเหตุ บทความนี้ประกอบไปด้วยข้อความเสียดสีและมุขตลกของฝรั่งซึ่งแปลมาจากต้นฉบับโดยไม่ได้ตัดทอนออก
นอกจากห้องหว้ากอ ขอแท็กห้องสีลมเรื่องการโฆษณาเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
กุญแจสำคัญในการขายผลิตภัณฑ์คือการรู้จักลูกค้าของคุณ แต่เดิมเรื่องนี้เคยเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากสำหรับนักโฆษณาผู้เผชิญหน้ากับงาน ที่ใกล้เคียงกับความเป็นไปไม่ได้ ซึ่งก็คือการโน้มน้าวให้คนซื้อของที่เมื่อ 10 นาทีที่แล้วพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอยู่
อย่างไรก็ตาม ยุคสารสนเทศนั้นได้มอบเทคโนโลยีซึ่งช่วยให้บรรดาบริษัททั้งหลายทำความรู้จักกับลูกค้าได้ดียิ่งว่าครอบครัวตัวเองเสียอีก การที่คุณจะมองว่ามันน่ากลัวมากแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอายุเท่าไหร่ และความจริงแล้วคนรุ่นหน้าจะไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวเลยด้วยซ้ำ
5 โทรทัศน์ที่แสดงโฆษณาโดยอ้างอิงจากสิ่งที่คุณทำบนโซฟา
ยังจำได้ไหมตอนที่คุณยังสามารถดูทีวีโดยไม่รู้สึกเหมือนว่ามันจ้องกลับมายังคุณเหมือนรูปภาพบ้านผีสิงที่มีรูปตาอยู่บนนั้น เอาละ ดูเหมือนว่า วันเวลาเหล่านั้นได้จบลงแล้ว เพราะมีบริษัทกลุ่มหนึ่งกำลังแนะนำสินค้าใหม่ๆที่เฝ้าสังเกตคุณขณะที่คุณดูทีวี -- และคำว่า 'เฝ้าสังเกต' นี้ เราไม่ได้หมายความว่า 'เก็บข้อมูลสิ่งที่คุณดูบนทีวี' -- เพราะนั่นคงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด แต่เราหมายถึงอุปกรณีที่ มองคุณจริงๆ ขณะที่คุณกำลังดูโทรทัศน์
Verizon ได้จดสิทธิบัตรกล่องเคเบิลแบบใหม่ซึ่งใช้กล้องอินฟาเรดและไมโครโฟนในการติดตามดูสิ่งที่คุณทำขณะนั่งดู The Big Bang Theory ตามสิทธิบัตร เจ้ากล่องนี้ถูกวางโปรแกรมให้มองดูกิจกรรมบางอย่าง เช่น พูดคุย หัวเราะ ร้องเพลง และเล่นเครื่องดนตรี เพราะว่ามันถูกออกแบบไว้สำหรับวางในบ้านของบิลลี่ โจล์ จากนั้นมันจะแสดงโฆษณาอ้างอิงจากอะไรก็ตามที่คุณกำลังทำอยู่ ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณกำลังนั่งกอดกับคนสำคัญอยู่บนโซฟา กล่องเคเบิลของ Verizon ก็จะสังเกตเห็นและเล่นโฆษณาสำหรับดอกไม้ การเที่ยวพักผ่อนแบบโรแมนติก ซีดี Righteous Brothersและถุงยางอนามัย
เราไม่ได้กุเรื่องนี้ขึ้นแต่อย่างใดเลย แต่ตอนนี้ทีวีกลายเป็นวิงแมนของคุณแล้วละ
อุปกรณ์ชิ้นนี้ยังสามารถสังเกตสิ่งที่คุณกำลังกินและดื่มได้ และจัดหาโฆษณามาให้ตรงกัน -- ถ้าคุณกำลังดื่มเป๊ปซี่ มันก็จะแสดงโฆษณาเป๊ปซี่ และถ้าคุณกำลังดื่ม Aristocrat จากขวดอยู่ละก็ มันก็จะแสดงโฆษณา Zoloft ให้คุณดู
นี่ไม่ใช่ไอเดียใหม่ -- ไมโครสอบเคยจดสิทธิบัตรในปี 2010 ให้กับเทคโนโลยีที่จะสแกนอีเมล์ ข้อความ และประวัติการเข้าเว็บของคุณ ขณะที่ เฝ้าสังเกตสีหน้าและคำพูดของคุณผ่านเว็บแคมหรือ Kinect (ถ้าคุณมี Xbox) เพื่อพยายามที่จะตัดสินอารมณ์ของคุณ และส่งโฆษณาที่พวกเขาคิดว่าจะดึงดูดอารมณ์ของคุณในตอนนั้น ด้วยเหตุผลแปลกๆบางอย่าง ในสิทธิบัตรได้สรุปความสำคัญของการแนะนำ โฆษณาในกรณีที่ผู้ชมนั้นกรีดร้องเอาไว้ด้วย ซึ่งดูเหมือนจะบ่งบอกว่าไมโครซอฟนั้นพยายามที่จะทำความเข้าใจประชากรเหยื่อฆาตกรรมที่มักยากที่จะตามจับหรือไม่พวกเขาก็กำลังเตรียมจะฉายโฆษณาระหว่าง Big Bang Theory อย่างที่กล่าวไปข้างต้นก็ได้
ในกรณีที่คุณยังรู้สึกว่าทีวีของคุณยังไม่รุกรานคุณมากพอ Intel กำลังผลิตอุปกรณ์ที่คล้ายๆกันนี้อยู่ ซึ่งจะจัดหาทั้งโฆษณาเป้าหมายและ
โปรแกรมโทรศัพท์โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่มันเก็บผ่านทางกล้องซึ่งส่องออกมาโดยตรงจาก Hulu ถูกต้องแล้ว -- กล่องของ Intel
ไม่เพียงแต่จะตัดสินว่าคุณจะกำลังได้ชมโฆษณาอะไรเท่านั้น แต่ยังตัดสินรายการที่คุณจะได้ดูอีกด้วย ทั้งหมดนี้อ้างอิงจากอะไรก็ตาม
ที่คุณบังเอิญเกี่ยวพันด้วยในระยะการมองเห็นของมัน "เราได้สังเกตเห็นว่าคุณได้เริ่มช่วยตัวเองในฉากเลสเบี้ยนในหนังเรื่อง Black Swan! คุณอยากจะให้เราเล่นฉากนั้นซ้ำ หรือเล่นหนังต่อไปดีล่ะ"
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://appft1.uspto.gov/netacgi/nph-Parser?Sect1=PTO2&Sect2=HITOFF&p=1&u=%2Fnetahtml%2FPTO%2Fsearch-bool.html&r=1&f=G&l=50&co1=AND&d=PG01&s1=20120304206&OS=20120304206&RS=20120304206
http://money.msn.com/now/post.aspx?post=229e4586-ab17-4d91-a2d1-0a0e2415d871
http://news.yahoo.com/verizons-creepy-idea-spy-tv-viewers-144322175.html
http://www.forbes.com/sites/kashmirhill/2012/06/12/advertisers-profiles-of-you-will-be-a-lot-more-invasive-when-they-can-track-your-movement-mood-and-eyes/
http://www.geekwire.com/2012/happy-sad-microsoft-system-target-ads-based-emotional-state/
http://appft1.uspto.gov/netacgi/nph-Parser?Sect1=PTO1&Sect2=HITOFF&d=PG01&p=1&u=%2Fnetahtml%2FPTO%2Fsrchnum.html&r=1&f=G&l=50&s1=%2220120143693%22.PGNR.&OS=DN/20120143693&RS=DN/20120143693
http://www.dvice.com/2013-2-13/intels-tv-box-will-deliver-personalized-shows-watching-you
4 หุ่นโชว์เสื้อที่เฝ้ามองคุณขณะชอปปิ้ง
ใช่แล้ว คุณสามารถสบายใจได้เลยกับความคิดว่าที่ว่าลูกหลานของพวกเราจะไม่เติบโตในยุคดึกดำบรรพ์ที่หุ่นนางแบบเป็นเพียงหุ่นสวมเสื้อผ้าที่ไม่มีชีวิตและไม่ได้เป็นแอนดรอยฝังกล้องวงจรปิด ร้านค้าบางร้านได้เริ่มใช้ EyeSee Mannequin หุ่นพลาสติกรูปร่างเหมือนคนที่มีกล้อง ไมโครโฟน และซอฟแวร์การจดจำใบหน้าซึ่งออกแบบไว้บันทึกและบอกพฤติกรรมผู้ซื้อสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย มันคล้ายๆกับ
การถูกสตอล์คด้วยหุนยนต์จากเรื่อง Blade Runner ขณะที่มันกรอกแบบสอบถามเกี่ยวกับใบหน้าที่คุณแสดงออกมาในร้านขายเสื้อ
หุ่นพวกนี้ใช้ซอฟแวร์จดจำใบหน้าซึ่งสามารถระบุอายุ เพศ และเชื้อชาติได้ทันที แถมยังบันทึกว่าคนใช้เวลาดูสินค้าชนิดไหนนานเป็นพิเศษ และ ยังบอกได้ว่าพวกเขาพูดภาษาอะไร เพื่อให้ร้านค้ารู้ว่าจะต้องจ้างพนักงานประเภทไหน ซอฟแวร์ตัวนี้คล้ายกับโปรแกรมที่ใช้โดยเอเจนซี่บังคับใช้กฏหมาย โดยเฉพาะพวกที่ใช้เก็บข้อมูลสถิติทางเชื้อชาติอย่างไม่ละอายใจ
เจ้าหุ่น EyeSee หลายตัวสามารถเชื่อมต่อกันในเน็ตเวิร์คได้เพื่อกะกดรอยตามการเคลื่อนไหวภายในร้าน ประมาณว่า 'ติดตาม' คุณไปทั่วร้านเหมือนกับพวกเซลขายเฟอร์นิเจอร์หน้าเลือด จนกระทั่งคุณรู้สึกหลอนมากพอและตัดสินใจที่จะออกจากร้าน ข้อมูลที่หุ่นบันทึกไว้ (สินค้าที่คุณดู สิ่งที่คุณซื้อ ลักษณะของคุณ และคำพูดของคุณ) จะถูกเก็บและอัพโหลดไว้ในฐานข้อมูล ซึ่งจะถูกนำไปวิเคราะห์เพื่อนำมาตัดสินประสิทธิภาพของเลย์เอาท์ และการเลือกสินค้าในขณะนั้นของร้าน และต่อจากนั้นจะถูกขายให้กับบริษัทอื่นๆโดยแลกกับเลือดสาบานของความจงรักภักดีต่อผู้ช่วยผู้จัดการกะ และเจ้าหุ่นพวกนี้ยังใช้ในการติดตามและจับพวกขโมยตามร้านค้าโดยการเคลื่อนกำลังนิ้วเลเซอร์ และ/หรือ ปืนใหญ่ตรงบริเวณไหล่ เหมือนพวกกองทหารหุ่นยนต์มนุษย์อีกด้วย
ตุ๊กตาสปายแต่ละตัวราคาประมาณ 5000 เหรียญ ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ว่าคุณจะเห็นมันในร้าน Peebles ในเร็วๆนี้ แต่อย่างไรก็ตาม
เทคโนโลยีการจดจำใบหน้านั้นได้เริ่มใช้แล้วในร้านค้าสาขา เช่น Whole Foods ดังนั้นจึงไม่น่าจะนานเท่าไหร่นักก่อนที่คุณจะได้รับ
การทักทายจากเวอร์ชั่นหนึ่งของ EyeSee หุ่นเฝ้าสังเกตการสังเคราะห์ในทุกๆที่ที่คุณไปชอปปิ้ง
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://news.cnet.com/8301-17938_105-57553272-1/no-dummy-this-mannequin-is-spying-on-you/
3 สินค้าที่ถ่ายทอดตำแหน่งของคุณไปยังนักโฆษณา
แคมเปญ 'We Will Find You' ของ Nestle นั้นเป็นลางร้ายเหมือนกับที่ชื่อของมันบอกนั่นแหละ ขั้นแรกก็คือติดตั้งอุปกรณ์ติดตาม GPS ไว้ในกระดาษห่อชอกโกแลต จากนั้นเมื่ออุปกรณ์นั้นถูกพบและเริ่มทำงาน ทีม A-Team นินจาชอกโกแลตแท่งก็จะติดตามสัญญาณในเฮลิคอปเตอร์เพื่อไปจู่โจมคนที่ค้นพบมันพร้อมกับกระเป๋าเอกสารที่เต็มไปด้วยเงิน 10000 ปอนด์ อย่างกับว่า Willy Wonka ได้ส่งหน่วยทหารลักพาตัวรัสเซียมาซุ่มโจมตีเด็กๆทุกคุณที่เจอตั๋วทองคำอย่างนั้นแหละ
ด้วยการพยายามทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่บ้างว่าไอเดียนี้มันแย่เกินไปหน่อย Nestle จึงได้ขอให้ลูกค้าระงับการทำงานของอุปกรณ์ GPS ถ้าหากว่าคิดว่าไม่ว่างสำหรับการถูกจู่โจมด้วยกลุ่มทหารอากาศ และ/หรือมักจะพกมีดที่คาดว่าจะคว้าออกมาใช้ในสถานการณ์ที่ทำให้ตกใจ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่เสียทีเดียว -- Apple นั้นได้บังคับให้คุณรวมข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดภายใต้ยูสเซอร์เนมและพาสเวิร์ด และอนุญาตให้
INonsense ต่างๆอัพเดทตำแหน่งของคุณบนเซิฟเวอร์ แต่นั่นมัน Apple และสินค้าของพวกเขาก็ราคาแพง แต่พวกชอกโกแลตนี่
ราคาเพียงแค่ดอลล่าร์เดียวเท่านั้น "We Will Find You" นั้นเป็นเพียงแค่แคมเปญโปรโมทที่จัดขึ้นเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถึงยังไง
มันก็แสดงให้เห็นถึงอนาคตแล้วว่า เทคโนโลยี GPS ในตอนนี้นั้นมีค่าการผลิตที่ถูกมากเหลือเกิน จนบริษัทอย่าง Nestle นั้นสามารถ
ติดตั้งชิปติดตามลงไปในกระดาษห่อชอกโกแลตเมื่อไหร่ก็ตามที่นึกอยากจะทำขึ้นมา
เพราะฉะนั้นเราอาจจะได้เห็นตอนที่ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณซื้อถูกติดตาม ตั้งแต่ขวด Vita Coco Water จนกระทั่งกางเกงยีนส์ และ หนังสือการ์ตูน -- จำไว้ว่า สถานที่ที่คุณอยู่ตอนที่คุณซื้อสินค้า และสถานที่ที่คุณนำมันกลับไปหลังจากนั้น เป็นข้อมูลที่มีคุณค่า พวกบริษัทต่างๆจะสามารถใช้มันมาตัดสินใจสถานที่ที่จะติดโปสเตอร์และป้ายบิลบอร์ด และสินค้าที่ถูกติดตามนี้จะสามารถซิงค์ให้ฉายโฆษณาบางอย่างในทีวี และจออีเล็กโทรนิคในบริเวณใกล้ๆ เพื่อที่จะขายสินค้าให้แก่คุณโดยเป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในกระเป๋า แม้ว่าเราจะจินตนาการว่าเรื่องนี้อาจจะมีผลกระทบในด้านลบต่อยอดขายของทั้งถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่นเท่าๆกัน
แหล่งที่มาเพิ่มเติม
http://www.telegraph.co.uk/technology/news/9570363/Kitkat-makers-Nestle-hide-tracking-devices-in-chocolate-bars.html
http://www.forbes.com/sites/kashmirhill/2012/10/02/nestle-replaces-willy-wonkas-golden-ticket-with-a-gps-tracker-in-well-find-you-kit-kat-campaign/