สุนทรพจน์ ระหว่างการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้ายของท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.)

กระทู้สนทนา
เนื่องจากมีกระทู้ที่คล้ายๆ กันก็เลยขอตั้งกระทู้ถึงสุนทรพจน์ครั้งสำคัญในการทำฮัจญ์ครั้งสุดท้าย
ของท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) ศาสนฑูตศาสนาอิสลาม
บางท่านอาจจะเคยเห็นหรืออ่านมาแล้ว ก็อาจลองทวนดูอีกครั้งนะครับ

อ้งอิง http://sosanpt.blogspot.com/2010/11/blog-post_09.html

.....................................

ในวันที่ 8 ซุลฮิจญะห์ ศาสดามุฮัมมัดและบรรดามุสลิมได้ไปพักอยู่ที่ตำบลมินาและค้างอยู่ที่นั่น
วันรุ่งขึ้นท่านได้ขึ้นอูฐเดินทางไปยังภูเขาอะรอฟะฮ
ได้ตั้งกระโจมพักอยู่ตรงด้านตะวันออกของภูเขาตรงจุดนี้เรียกกันว่านะมีรอฮ

ในตอนเที่ยงท่านได้เดินทางไปถึงภูเขานูร
ณ ที่นี้เองท่านได้นั่งบนหลังอูฐ และเริ่มเทศนาสั่งสอนชาวมุสลิมด้วยเสียงอันดัง
โดยมี เราะบีอะฮ อิบนุ อุมัยยะฮ อิบนุ เคาะลัฟ
คอยพูดซ้ำทีละประโยค

ศาสดาเริ่มต้นด้วยการกล่าวสรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า ขอบคุณพระองค์
แล้วท่านก็กล่าวสุนทรพจน์ดังต่อไปนี้ :

*****************

"โอ้ท่านทั้งหลายจงตั้งใจฟังคำพูดของฉัน
เพราะฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้พบกับพวกท่าน ในโอกาสเช่นนี้อีกเมื่อไร

โอ้ท่านทั้งหลาย ชีวิตและทรัพย์สินของพวกท่านเป็นสิ่งต้องห้าม
และเป็นสิ่งที่คนหนึ่งคนใดจะมาล่วงละเมิดมิได้
จนกว่าพวกท่านจะได้พบกับผู้อภิบาลเสมือนกับวันบริสุทธิ์นี้
และเดือนนี้เป็นเวลาที่ต้องห้ามสำหรับพวกท่าน
และเมืองนี้ก็เป็นเมืองต้องห้ามสำหรับพวกเท่านทั้งหลาย
พวกท่านทั้งหลายจะต้องได้รับการสอบสวนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านในกิจการงานทุกอย่างที่พวกท่านได้กระทำไว้

โอ้ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านทั้งหลายมีสิทธิที่ได้รับมอบหมายเหนือฝ่ายสตรี
และฝ่ายสตรีก็มีสิทธิเหนือฝ่ายชายเช่นกันในหน้าที่ที่ท่านได้รับมอบหมาย
ดังนั้นพวกท่านจงได้ปกป้องดูแลภรรยาของพวกท่านด้วยความรักความเมตตาเถิด
แน่นอนใครที่ทำได้เช่นนั้นก็เท่ากับเขาได้ปกครองดูแลภรรยของเขาเอาไว้ให้อยู่ในความพิทักษ์รักษาของพระผู้เป็นเจ้า
พวกท่านทั้งหลายจงรักษาความศรัทธาเชื่อมั่นให้คงไว้ในจิตใจของพวกท่าน
และจงหลีกเลี่ยงออกห่างจากเรื่องบาปกรรม และความชั่ว ดอกเบี้ยหรือการให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเป็นสิ่งต้องห้าม
สำหรับลูกหนี้ให้ส่งคืนเฉพาะเงินในจำนวนที่ยืมมาและเรื่องของดอกเบี้ยที่จำเป็นจะต้องถูกยกเลิกคือ ดอกเบี้ยของอับบาส อิบนุ อบูฏอลิบ

นับแต่นี้ต่อไปเรื่องของการแก้แค้นทดแทนกันด้วยเลือด เช่นในสมัยของยุคป่าเถื่อน เป็นเรื่องต้องห้าม
การอาฆาต จองล้างจองผลาญกันด้วยเลือดต้องสิ้นสุดกันเสียที
เริ่มต้นด้วยเรื่องการฆาตกรรมของอิบนุเราะบีอะฮ อิบนุ ฮาริษ

โอ้ประชาชนทั้งหลาย บรรดาข้าทาสคนใช้ของพวกท่านที่อยู่ในความดูแลของพวกท่านนั้น
จงเลี้ยงดูพวกเขาเช่นอาหารที่พวกท่านรับประทาน
และให้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มแก่พวกเขาด้วยเครื่องนุ่งห่มที่พวกท่านใช้
หากพวกเขาได้กระทำในสิ่งที่เป็นความผิดพลาดชนิดที่ท่านไม่ปรารถนาที่จะอภัยให้พวกเขาก็จงแยกทางกับเขาเสีย
อย่าทำร้ายเฆี่ยนตีทำทารุณพวกเขา เพราะเขาต่างก็เป็นบ่าวของพระองค์เช่นเดียวกับพวกเรา

โอ้ประชาชนทั้งหลายมารร้ายนั้นได้หมดสิ้นความหวังทั้งมวล ที่จะได้รับการเคารพบูชาในดินแดนของพวกท่านแล้ว
แต่กระนั้นก็ตามมันยังเป็นห่วงที่จะกำหนดการกระทำอันต่ำต้อยของพวกท่านอยู่
เพราะฉะนั้นจงระวังมันไว้เถิด เพื่อความปลอดภัยแห่งตัวท่านและศาสดาของท่าน

โอ้ประชาชนทั้งหลาย พวกท่านจงรำลึกและจดจำในสิ่งที่ฉันพูด พวกท่านต้องรำลึกเสมอว่า
มุสลิมทุกคนนั้นมีฐานะเป็นพี่น้องกัน พวกท่านทั้งหลายต่างมีความเท่าเทียมกัน
และขอให้ทุกคนมีความพอใจในสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบที่เรามีอยู่เสมอหน้ากัน
พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่เป็นสมาชิกของสังคมพี่น้องเดียวกัน
จงปกป้องตัวของท่านให้ห่างไกลจากความอยุติธรรมในทุกกรณี
ขอให้บุคคลที่อยู่ที่นี้จงนำสิ่งที่ได้ยินจากฉันไปบอกเล่าแก่บุคคลที่เขาไม่ได้มาอยู่ ณ ที่นี้
เพราะอาจจะเป็นไปได้ว่าคนที่ไม่ได้รับการบอกเล่านั้นอาจมีความจดจำได้ดีกว่าบุคคลที่ได้ยินไปจากฉันโดยตรงก็เป็นได้
และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจเขาจะต้องไม่ให้ผู้ที่ไว้วางใจเขาประสบความผิดหวัง

โอ้ ผู้ศรัทธาทั้งหลายหากเมื่อถึงเวลาที่ฉันต้องจากพวกท่านไปแล้ว
พวกท่านจงอย่าได้หันกลับไปต่อสู้เป็นศัตรูหลั่งเลือดกัน เหมือนอย่างเช่นสมัยแห่งความโง่เขลา ดังที่ได้ผ่านมา
แท้จริงฉันได้มอบสิ่งหนึ่งแก่พวกท่านทั้งหลายซึ่งหากพวกท่านยึดเอาไว้อย่างมั่นคงแล้ว
ท่านทั้งหลายจะไม่หลงออกไปสู่แนวทางที่เหลวไหลเป็นอันขาด สิ่งนั้นคือ อัลกุรอาน และซุนนะฮของฉัน

โอ้ ศรัทธาชนทั้งหลาย แท้จริงพระผู้เป็นเจ้าของพวกท่านนั้นมีพระองค์เดียว
ต้นตระกูลของพวกท่านก็สืบมาจากเชื้อสายเดียวกัน นั่นคืออาดัม และอาดัมนั้นถูกสร้างมาจากดิน
แท้จริงผู้ที่มีเกียรติที่สุดในหมู่พวกเจ้านั้นคือผู้ที่มีความยำเกรงต่ออัลลอฮ์ มากที่สุด
คนอาหรับก็หาใช่จะเป็นคนดีเลิศเหนือคนชาติอื่น ๆ นอกจากพวกเขาจะมีความยำเกรงมากกว่าเท่านั้น

โอ้ ท่านทั้งหลายจงสดับฟังถ้อยคำของฉันให้ดี จงรู้เถิดว่ามวลมุสลิมนั้น ย่อมเป็นพี่น้องกัน
และจงรู้เถิดว่า บรรดามุสลิมก็คือภราดรภาพอันหนึ่งอันเดียวกัน
ไม่มีสิ่งใดที่เป็นของพี่น้องมุสลิมด้วยกัน จะเป็นของมุสลิมโดยถูกต้อง นอกจากว่าเขาผู้นั้นจะให้โดยเต็มใจ และไม่คิดมูลค่า
เพราะฉะนั้นจงอย่ากระทำการอยุติธรรมต่อตัวของท่านเอง

โอ้ พระผู้เป็นเจ้าข้าพระองค์ได้ประกาศสัจธรรมออกเผยแพร่แล้ว
โอ้องค์พระผู้อภิบาล ขอได้โปรดเป็นพยานให้แก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด"

*************************

เมื่อศาสดาเสร็จจากการให้โอวาทครั้งนี้แล้ว
ท่านได้ลงจากหลังอูฐ ซึ่งเป็นพาหนะของท่านเพื่อทำนมาซซุฮ์ริ (นมัสการในช่วงบ่าย)
และท่านได้นมาซอัสริด้วย (นมัสการในช่วงตะวันคล้อย)

ท่านศาสดาได้สำนึกในพระเมตตาจากองค์พระผู้อภิบาล
ที่ได้ทรงประทานความดีงามมากมายให้แก่ตัวท่าน และผลงานของท่าน
และได้ให้เกียรติต่อการเป็นศาสนทูตของท่าน
และท่านได้อ่านโองการจากคัมภีร์อัลกุรอาน ซูเราะฮ์ อัลมาอิดะฮ์ Al-Qur'an, 005.003 (Al-Maeda [The Table, The Table Spread])
ความว่า


005.003 حُرِّمَتْ عَلَيْكُمُ الْمَيْتَةُ وَالدَّمُ وَلَحْمُ الْخِنْزِيرِ وَمَا أُهِلَّ لِغَيْرِ اللَّهِ بِهِ وَالْمُنْخَنِقَةُ وَالْمَوْقُوذَةُ وَالْمُتَرَدِّيَةُ وَالنَّطِيحَةُ وَمَا أَكَلَ السَّبُعُ إِلا مَا ذَكَّيْتُمْ وَمَا ذُبِحَ عَلَى النُّصُبِ وَأَنْ تَسْتَقْسِمُوا بِالأزْلامِ ذَلِكُمْ فِسْقٌ الْيَوْمَ يَئِسَ الَّذِينَ كَفَرُوا مِنْ دِينِكُمْ فَلا تَخْشَوْهُمْ وَاخْشَوْنِ الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ
دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الإسْلامَ دِينًا فَمَنِ اضْطُرَّ فِي مَخْمَصَةٍ غَيْرَ مُتَجَانِفٍ لإثْمٍ فَإِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ رَحِيمٌ

005.003 Forbidden to you (for food) are: dead meat, blood, the flesh of swine, and that on which hath been invoked the name of other than Allah; that which hath been killed by strangling, or by a violent blow, or by a headlong fall, or by being gored to death; that which hath been (partly) eaten by a wild animal; unless ye are able to slaughter it (in due form); that which is sacrificed on stone (altars); (forbidden) also is the division (of meat) by raffling with arrows: that is impiety. This day have those who reject faith given up all hope of your religion: yet fear them not but fear Me. This day have I perfected your religion for you, completed My favour upon you, and have chosen for you Islam as your religion. But if any is forced by hunger, with no inclination to transgression, Allah is indeed Oft-forgiving, Most Merciful.

[5.3] ได้ถูกห้ามแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งสัตว์ที่ตายเอง และเลือด และเนื้อสุกร และสัตว์ที่ถูกเปล่งนามอื่นจากอัลลอฮ์ ที่มัน (ขณะเชือด) และสัตว์ที่ถูกรัดคอตาย และสัตว์ที่ถูกตีตาย และสัตว์ที่ตกเหวตายและสัตว์ที่ถูกขวิดตาย และสัตว์ที่สัตว์ร้ายกัดกิน นอกจากที่พวกเจ้าเชือดกัน และสัตว์ที่ถูกเชือดบนแท่นหินบูชา และการที่พวกเจ้าเสี่ยงทายด้วยไม้ติ้ว เหล่านั้นเป็นการละเมิดวันนี้ บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธา หมดหวังในศาสนาของพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่ากลัวพวกเขา และจงกลัวข้าเถิด วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้เลือกอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว ผู้ใดได้รับความคับขันในความหิวโหย โดยมิใช่เป็นผู้จงใจกระทำบาปแล้วไซร้ แน่นอนอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ

ท่านอบูบักร์เมื่อได้ยินท่านศาสดาอ่านโองการจากคัมภีร์อัลกุรอานท่านก็เกิดความเข้าใจ
และทราบความหมายเป็นอย่างดีจากอายะฮ์ที่นำมานี้ เป็นสัญญาณบอกให้รู้ล่วงหน้าแล้วว่าท่านได้มาถึงช่วงปลายของชีวิต
อบูบักร์รู้สึกไม่สบายใจ ท่านได้แอบร้องไห้อยู่เงียบ ๆ

โอวาทของท่านแม้จะเป็นโอวาทที่สั้น แต่เป็นสิ่งที่มีคุณค่าบรรจุด้วยถ้อยคำตักเตือนที่ทรงคุณมหาศาล
ชาวมุสลิมเรียกสุนทรพจน์ครั้งนี้ว่าคำสั่งเสียครั้งสุดท้าย

ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้ออกจากทุ่งอารอฟะฮ์ไปค้างคืนที่มุซดะลีฟะฮ์ในตอนเช้าท่านจึงเดินทางเข้าสู่มินา
เพื่อเตรียมตัวที่จะขว้างเสาหิน อันเป็นสัญลักษณ์ของชัยฎอนมารร้าย
เมื่อมาถึงกระโจมที่พักท่านได้ทำกุรบ่าน (การเชือดพลี) 63 ตัว ตามอายุของท่านขณะนั้น
การทำฮัจญ์ครั้งนี้บางครั้งมีผู้เรียกว่า "การทำฮัจญ์อำลา" (ฮัจญะตุลวะดาฮ์)
อันที่จริงนี่เป็นการฮัจญ์ใหญ่ครั้งเดียวของท่าน
ที่เรียกดังนี้เพราะครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่ท่านได้เห็นนครมักกะฮ์ ปีนี้เป็นปีที่สิบเอ็ดของศักราชอิสลาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่