เสียง "คณิต" หลังม่านปรองดอง ถึง "ยิ่งลักษณ์และพวก" "เขาแค่ใช้ผมเป็นเครื่องมือจ่ายเงิน 7 ล้าน"
updated: 10 เม.ย 2556 เวลา 17:46:44 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ในจังหวะที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลัก เร่งเดินหน้าขยับหมากการเมืองเพื่อจำกัดอำนาจฝ่ายตรงข้าม อย่างศาล-องค์กรอิสระ
แต่อีกฉากมุมหนึ่งของกระดานการเมือง กลับยังมีผู้ที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นิยามว่าเป็น "เหยื่อ" จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 6 ปีหลังสุด
บางคนยังถูกจองจำในคุก บางคนยังมีคดีความติดตัว จนเป็นมูลเหตุให้หลายกลุ่มลุกขึ้นมาจุดพลุเรื่องการนิรโทษกรรม เรียกร้องปลดปล่อยนักโทษการเมืองให้เป็นอิสระ เพราะเชื่อว่าการนิรโทษกรรมเป็นจุดเริ่มของการปรองดอง
พลุที่ถูกจุดมีทั้งแนวคิดการเติมเรื่องนิรโทษกรรมลงไปในรัฐธรรมนูญ ออก พระราชกำหนด จนถึงออกพระราชบัญญัติ
แต่ทุกองคาพยพที่ออกมาเคลื่อนไหว กลับลืมนึกถึงข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและเพื่อค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่สังเคราะห์ทางออกความขัดแย้งไว้เป็นหมวดหมู่ เป็นขั้นตอน
เพราะพลันที่ คอป.ทำงานจนครบวาระ 2 ปิ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2555 และเก็บข้าวของปิดฉากการทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ หลังนำเสนอรายงานอันเป็นความจริงฉบับสุดท้ายที่ คอป.รวบรวม เผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อเดือนกันยายน 2555 จำนวน 276 หน้า
นับจากนั้นชื่อของ "คณิต ณ นคร" ประธาน คอป. กลับเงียบหายไป พร้อมหลายข้อเสนอที่แนะนำรัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องที่เอาไปซ่อนไว้ในลิ้นชัก
เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 20 ปีของ "คณิต" กับหมวก 3 ใบ ที่รัฐบาล 3 ชุด มอบหมายทำความจริงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ปรากฏ ตั้งแต่ค้นหาความจริงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ-เหตุการณ์การฆ่าตัดตอนในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร-เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา 53
เพียงแต่ข้อเสนอทั้ง 3 ครั้ง 3 เหตุการณ์ถูกพับเก็บ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากผู้มีอำนาจ
โดยเฉพาะข้อเสนอ คอป.ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่ง "คณิต" เชื่อว่า เป็นหนทางนำไปสู่การปรองดอง ลดดีกรีความขัดแย้งของประเทศ มีตั้งแต่เสนอให้รัฐบาลยกเลิกการตีตรวนนักโทษ ชดเชยเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบเป็นงวด จัดระเบียบกระบวนการยุติธรรมใหม่ทั้งโครงสร้าง
กระทั่งเรียกร้องให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง ยุติความเคลื่อนไหวโดยให้นึกถึง "ปรีดี พรมยงค์" อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยการเมืองจนจบชีวิตที่ประเทศฝรั่งเศสมาเป็นเยี่ยงอย่าง
แต่เรื่องราว ข้อเสนอ และความเห็น ของ "คณิต" ผ่านหนังสือ "ด่วนที่สุด" ของ คอป. 6 ฉบับ ที่ส่งตรงถึงตึกไทยคู่ฟ้า ผ่านสายตา 1 คู่ 2 ข้างของนายกฯ "ยิ่งลักษณ์" นั้น "คณิต" เชื่อว่ารัฐบาลไม่เคยปฏิบัติตาม
ตลอด 7 เดือนที่เงียบหายไปจากเวทีปรองดอง "คณิต" ตัดพ้อเสมอว่า ตนเองเป็นเพียงหนังหน้าไฟ ที่ผู้มีอำนาจหยิบชื่อขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันจากผลกระทบทางการเมือง
ดังนั้นเมื่อเขายินยอมเปิดหน้าอีกครั้งในวันที่เปิดเผยผลงานที่รวบรวมข้อเสนอ-คำแนะนำทั้งหมดของ คอป.ที่มีต่อรัฐบาล รวมถึงข้อเขียน-งานวิจารณ์ของเขา รวบรวมเป็นหนังสือชื่อ "ประชาธิปไตย กับการตั้งรังเกียจทางสังคม"
เขาจึงฝากผ่าน "ประชาชาติธุรกิจ" ไปถึงรัฐบาลที่ไม่เคยทำตามข้อเสนอ คอป.ว่า
"ข้อเสนอของเราพูดถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปี 2553 มีระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว บอกว่า การนิรโทษกรรมคืออะไร แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิบติตามที่เราว่า เราเสนอไปหมด แล้วตอนเลือกตั้งหาเสียงก็เอาผมไปเป็นหนังหน้าไฟ แต่พอเอาเข้าจริงไม่ทำอะไรเลย"
"อย่างที่เราเสนอเยียวยา เราก็บอกว่าให้เยียวยาตามหลักสากล เขาก็บอกว่าให้เราไปดูสิว่าเยียวยาตามหลักสากล เขาเยียวยากันขนาดไหน เราก็แนะนำให้จ่ายเงินเป็นงวด แต่สุดท้ายเขาไปให้เท่าไหร่... 7.5 ล้าน แล้วมาบอกว่าเป็นคำแนะนำของเรา แต่มันบิดเบือนหมดเลย และข้อเสนอทุกอย่างก็ไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพียงแค่เขาใช้ผมเป็นเครื่องมือที่ไปให้เงินเยียวยา 7 ล้านกว่าบาท"
"แล้วผมจะรู้สึกยังไง ผมก็รู้สึกว่าสังคมเราใช้ไม่ได้ การเมืองมัวแต่เล่นกันไม่เอาจริงเอาจัง สมัยนี้มันยุคใหม่แล้ว ควรเอาจริงเอาจังกันหน่อย"
คณิตบอกว่า ปัจจัยที่รัฐบาลบิดเบือนข้อเสนอของ คอป.นั้น เพราะสิ่งที่เขาแนะนำไป ผู้มีอำนาจไม่ได้ประโยชน์ หนำซ้ำยังกระทบไปถึงบุคคลระดับรัฐมนตรีบางคน-ส.ส.เสื้อแดงบางรายที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรในสภา
"คอป.เสนอไปว่า แม้ไม่ได้เป็นก่อการร้าย แต่การปราศรัยรุนแรง เรื่องเผาอาคารสถานที่เข้าข่ายตามกฎหมายอาญามาตรา 85 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้แก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"
และเมื่อบุคคลเหล่านั้นเป็นถึงระดับรัฐมนตรี ข้อเสนอของ คอป.จึงเป็นเหมือนอุปสรรคที่ไปขวางทางอำนาจของนักการเมืองหรือไม่ คณิตสวนกลับว่า "เห็นหรือเปล่า นี่ไงสิ่งที่ คอป.เสนอไป สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เขาก็หยิบมา ที่ไม่เป็นประโยชน์เขาก็ไม่ทำ เขาก็ ignore เลย"
"เราต้องการอยากให้บ้านเมืองสงบ ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบก็ต้องช่วยกันทำ คุณจะไปคิดว่าอย่างนั้นได้ไง แล้วนี่ไปชักใยอยู่ข้างนอก มาที่ฮ่องกงใช่ไหม (หัวเราะ) มันเสียหาย"
ไม่เพียงคนในรัฐบาลที่ "คณิต" มองว่า ไม่ทำตามข้อเสนอของ คอป.เท่านั้น ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดอง แต่กระบวนการยุติธรรมทั้งโครงสร้างก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน จึงทำให้งานปรองดองของเขายากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
แม้รัฐบาลจะมีความพยายามปฏิรูปโครงสร้างกระบวนการยุติธรรม ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแนวคิดในการจัดระเบียบอำนาจศาลใหม่ แต่ "คณิต" มองว่าไม่มีทางทำสำเร็จ
"ไม่มีทางหรอก รัฐธรรมนูญนี่แหละจะเพิ่มความขัดแย้ง ต้องความจริงใจที่ปฏิรูปกันเท่านั้น และผมเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมนี่แหละที่จะทำให้ทุกอย่างสงบได้ แต่กระบวนการยุติธรรมเรามีความแย่อยู่ 3 อย่าง 1.ประสิทธิภาพแย่ ยิงกันในผับต่อหน้าคนเยอะแยะ ยังยกฟ้องเลยเห็นไหม 2.เป็นกระบวนการที่คุกคามสิทธิของประชาชนเยอะ"
"ตอนผมทำ คอป.ไปเปิดเวทีที่ จ.อุบลราชธานี มีชาวบ้านมาบอกว่าพี่น้องเขาถูกจับ เขาไปประกัน ศาลเรียกหลักประกัน 1 ล้านบาท ผมถามว่าต้องใช้หลักประกันไหม เขาตอบว่าใช้โดยกู้เงินนอกระบบมาเป็นหลักประกัน ทั้งที่ตามกฎหมายบอกว่า มีหลักประกันหรือไม่ก็ได้ แต่เรายึดหลักประกัน คนก็เดือดร้อน ชาวบ้านจะไปหาที่ไหน"
เมื่อกระบวนการยุติธรรมของไทยบางครั้งย่อหย่อน บางครั้งกลับเถรตรงเกินไป ข้อเรียกร้องการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดในข้อกล่าวหาคดีฉกรรจ์ เช่น เผาศาลากลางจังหวัด จึงไม่ใช่คำตอบแห่การปรองดองทั้งหมด ดังนั้นต้องมีการปฏิรูประบบยุติธรรมควบคู่ไปด้วย
แม้จะมีการอ้างว่าการนิรโทษกรรมนั้น ยกประโยชน์แก่ผู้ต้องหาประเภทปลาซิว-ปลาสร้อย ไม่รวมแกนนำผู้สั่งการ เพื่อลดโทษความขัดแย้ง แต่เขาเชื่อว่าการทำเช่นนั้นไม่ได้ทำให้สังคมลดความหวาดระแวงลง
"มันไม่ใช่คำตอบ แม้จะบอกว่าการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ไม่เกี่ยวกับแกนนำ ผมคิดว่ามันเป็นแค่วิธีพูด ผม
คิดว่าต้องค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น ทำเรื่องที่ผมยกขึ้นมาให้กระจ่างเสียก่อน แต่นี่ยังไม่กระจ่าง ยังมัว ๆ ทำให้กฎหมายนิรโทษกรรมก็เลยมัว ๆ มันยังไม่รู้ทิศทาง คนเผาศาลากลางควรถูกจำคุก ปล่อยตัวไม่ได้"
แกนนำพรรคเพื่อไทยฝ่ายหัวก้าวหน้าหลายคน มักยกตัวอย่างการนิรโทษกรรมในเหตุการณ์นองเลือดครั้งอดีตที่ยกโทษให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด แต่ "คณิต" มองว่า ในปัจจุบันไม่ควรเป็นอย่างนั้น
"14 ตุลา สมัยนั้นเป็นอำนาจทหาร แต่ตอนนี้เราต้องการประชาธิปไตยไหมล่ะ ทำให้มันเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาสิ คนที่เผาศาลากลางต้องอยู่ในคุกต่อถ้ามีการยุยงก็ต้องจัดการ เราต้องไปเอาปลากระโห้ให้ได้ ไปเอาปลาซิวปลาสร้อยได้ไง แต่ต้องดูแยกแยะให้ดี ขณะเดียวกันกระบวนการยุติธรรมเราไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย กระบวนการยุติธรรมไทยมีพฤติกรรม 3 อย่าง 1.พฤติกรรมเคยทำงานสบาย ๆ 2.กลัว 3.ประจบประแจง ประจบเจ้านาย ประจบการเมือง เลยวุ่นวาย"
ขณะที่สถานการณ์การเมือง ด้านการช่วยเหลือนักโทษการเมืองยังดูเหมือนคลุมเครือ ไม่เห็นเค้าลางแนวทางแน่ชัดว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่กระบวนการสร้องความปรองดองผ่านเวที "ประชาเสวนา" ที่รัฐบาลกดปุ่มอนุมัติงบประมาณทั้งสิ้น 168.23 ล้านบาท โดยมีคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและเพื่อค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เป็นผู้ดำเนินงาน จัดสานเสวนา 108 เวที
"คณิต" เชื่อว่า เป็นสิงที่ดี แต่เขาตั้งข้อสังเกต ถามคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า กำลังเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อให้กระแสนิรโทษกรรมเบาบางลงไป "เสวนาดี ผมเห็นด้วยที่มาคุยกัน แต่ไม่ใช่คุยกันเฉย ๆ มันต้องจริงจัง แต่นี่ดูเหมือนไม่จริงจัง หมายความว่าเบี่ยงเบนไป ให้ไปพูดกันเพื่อจะได้ไม่ต้องทำอะไร อย่างนั้นหรือเปล่า"
ถามเขาว่าชาตินี้ เราจะปรองดองกันได้ไหม "คณิต" ตอบว่า ผมยังมองไม่ค่อยออก มีครั้งหนึ่งที่ผมนอนไม่หลับจนต้องบันทึกลงในหนังสือที่ผมเขียนว่า
"ในขณะที่ผมทำงานของ คอป.นั้น มีอยู่คืนหนึ่งในต้นเดือนมิถุนายน 2555 ผมนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน คือเมื่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... เข้าสู่รัฐสภา จนทำท่าว่าความรุนแรงอาจจะเกิดขึ้นได้อีก จน คอป.ต้องออกจดหมายเปิดผนึก จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที นับว่าเป็นโชคดีของประเทศชาติที่ไม่เกิดความรุนแรงตามที่ คอป.มีความห่วงใย"
"คณิต" มักบอกในวงสนทนาแบบกึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ หลายครั้งว่าตัวเขาโชคร้าย พอประเทศชาติมีปัญหามักนึกถึงเขา เมื่อถามเขาว่าจะมีโอกาสกลับมาช่วยประเทศชาติในยามวิกฤตอีกครั้งไหม
"คณิต" ตอบว่า ผมก็ได้แต่ภาวนาว่า ไม่ให้เกิดอะไรขึ้น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1365590852&grpid=09&catid=16
..................................................................................................................................................................................
อ.คณิต ท่านเป็นกลางทางการเมืองจริง ใช่ไหมคะ?
ประชาชนอยากรู้
เสียง "คณิต" หลังม่านปรองดอง ถึง "ยิ่งลักษณ์และพวก" "เขาแค่ใช้ผมเป็นเครื่องมือจ่ายเงิน 7 ล้าน"
เสียง "คณิต" หลังม่านปรองดอง ถึง "ยิ่งลักษณ์และพวก" "เขาแค่ใช้ผมเป็นเครื่องมือจ่ายเงิน 7 ล้าน"
updated: 10 เม.ย 2556 เวลา 17:46:44 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
ในจังหวะที่รัฐบาลเห็นความสำคัญของเศรษฐกิจเป็นเรื่องหลัก เร่งเดินหน้าขยับหมากการเมืองเพื่อจำกัดอำนาจฝ่ายตรงข้าม อย่างศาล-องค์กรอิสระ
แต่อีกฉากมุมหนึ่งของกระดานการเมือง กลับยังมีผู้ที่รัฐบาล "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นิยามว่าเป็น "เหยื่อ" จากเหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นตลอดช่วง 6 ปีหลังสุด
บางคนยังถูกจองจำในคุก บางคนยังมีคดีความติดตัว จนเป็นมูลเหตุให้หลายกลุ่มลุกขึ้นมาจุดพลุเรื่องการนิรโทษกรรม เรียกร้องปลดปล่อยนักโทษการเมืองให้เป็นอิสระ เพราะเชื่อว่าการนิรโทษกรรมเป็นจุดเริ่มของการปรองดอง
พลุที่ถูกจุดมีทั้งแนวคิดการเติมเรื่องนิรโทษกรรมลงไปในรัฐธรรมนูญ ออก พระราชกำหนด จนถึงออกพระราชบัญญัติ
แต่ทุกองคาพยพที่ออกมาเคลื่อนไหว กลับลืมนึกถึงข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและเพื่อค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่สังเคราะห์ทางออกความขัดแย้งไว้เป็นหมวดหมู่ เป็นขั้นตอน
เพราะพลันที่ คอป.ทำงานจนครบวาระ 2 ปิ เมื่อกลางเดือนกรกฎาคม 2555 และเก็บข้าวของปิดฉากการทำหน้าที่อย่างเป็นทางการ หลังนำเสนอรายงานอันเป็นความจริงฉบับสุดท้ายที่ คอป.รวบรวม เผยแพร่สู่สาธารณะเมื่อเดือนกันยายน 2555 จำนวน 276 หน้า
นับจากนั้นชื่อของ "คณิต ณ นคร" ประธาน คอป. กลับเงียบหายไป พร้อมหลายข้อเสนอที่แนะนำรัฐบาล และผู้เกี่ยวข้องที่เอาไปซ่อนไว้ในลิ้นชัก
เป็นครั้งที่ 3 ในรอบ 20 ปีของ "คณิต" กับหมวก 3 ใบ ที่รัฐบาล 3 ชุด มอบหมายทำความจริงในเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ปรากฏ ตั้งแต่ค้นหาความจริงในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ-เหตุการณ์การฆ่าตัดตอนในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร-เหตุการณ์ความไม่สงบเมื่อเดือนเมษา-พฤษภา 53
เพียงแต่ข้อเสนอทั้ง 3 ครั้ง 3 เหตุการณ์ถูกพับเก็บ ไม่มีการตอบสนองใด ๆ จากผู้มีอำนาจ
โดยเฉพาะข้อเสนอ คอป.ที่เกี่ยวเนื่องกับเหตุการณ์ปี 2553 ซึ่ง "คณิต" เชื่อว่า เป็นหนทางนำไปสู่การปรองดอง ลดดีกรีความขัดแย้งของประเทศ มีตั้งแต่เสนอให้รัฐบาลยกเลิกการตีตรวนนักโทษ ชดเชยเงินเยียวยาให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบเป็นงวด จัดระเบียบกระบวนการยุติธรรมใหม่ทั้งโครงสร้าง
กระทั่งเรียกร้องให้ "พ.ต.ท.ทักษิณ" ผู้ที่เขาเชื่อว่าเป็นเชื้อไฟแห่งความขัดแย้ง ยุติความเคลื่อนไหวโดยให้นึกถึง "ปรีดี พรมยงค์" อดีตนายกรัฐมนตรีที่ลี้ภัยการเมืองจนจบชีวิตที่ประเทศฝรั่งเศสมาเป็นเยี่ยงอย่าง
แต่เรื่องราว ข้อเสนอ และความเห็น ของ "คณิต" ผ่านหนังสือ "ด่วนที่สุด" ของ คอป. 6 ฉบับ ที่ส่งตรงถึงตึกไทยคู่ฟ้า ผ่านสายตา 1 คู่ 2 ข้างของนายกฯ "ยิ่งลักษณ์" นั้น "คณิต" เชื่อว่ารัฐบาลไม่เคยปฏิบัติตาม
ตลอด 7 เดือนที่เงียบหายไปจากเวทีปรองดอง "คณิต" ตัดพ้อเสมอว่า ตนเองเป็นเพียงหนังหน้าไฟ ที่ผู้มีอำนาจหยิบชื่อขึ้นมาเพื่อเป็นเกราะป้องกันจากผลกระทบทางการเมือง
ดังนั้นเมื่อเขายินยอมเปิดหน้าอีกครั้งในวันที่เปิดเผยผลงานที่รวบรวมข้อเสนอ-คำแนะนำทั้งหมดของ คอป.ที่มีต่อรัฐบาล รวมถึงข้อเขียน-งานวิจารณ์ของเขา รวบรวมเป็นหนังสือชื่อ "ประชาธิปไตย กับการตั้งรังเกียจทางสังคม"
เขาจึงฝากผ่าน "ประชาชาติธุรกิจ" ไปถึงรัฐบาลที่ไม่เคยทำตามข้อเสนอ คอป.ว่า
"ข้อเสนอของเราพูดถึงการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปี 2553 มีระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว บอกว่า การนิรโทษกรรมคืออะไร แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิบติตามที่เราว่า เราเสนอไปหมด แล้วตอนเลือกตั้งหาเสียงก็เอาผมไปเป็นหนังหน้าไฟ แต่พอเอาเข้าจริงไม่ทำอะไรเลย"
"อย่างที่เราเสนอเยียวยา เราก็บอกว่าให้เยียวยาตามหลักสากล เขาก็บอกว่าให้เราไปดูสิว่าเยียวยาตามหลักสากล เขาเยียวยากันขนาดไหน เราก็แนะนำให้จ่ายเงินเป็นงวด แต่สุดท้ายเขาไปให้เท่าไหร่... 7.5 ล้าน แล้วมาบอกว่าเป็นคำแนะนำของเรา แต่มันบิดเบือนหมดเลย และข้อเสนอทุกอย่างก็ไม่เห็นเป็นรูปธรรม เพียงแค่เขาใช้ผมเป็นเครื่องมือที่ไปให้เงินเยียวยา 7 ล้านกว่าบาท"
"แล้วผมจะรู้สึกยังไง ผมก็รู้สึกว่าสังคมเราใช้ไม่ได้ การเมืองมัวแต่เล่นกันไม่เอาจริงเอาจัง สมัยนี้มันยุคใหม่แล้ว ควรเอาจริงเอาจังกันหน่อย"
คณิตบอกว่า ปัจจัยที่รัฐบาลบิดเบือนข้อเสนอของ คอป.นั้น เพราะสิ่งที่เขาแนะนำไป ผู้มีอำนาจไม่ได้ประโยชน์ หนำซ้ำยังกระทบไปถึงบุคคลระดับรัฐมนตรีบางคน-ส.ส.เสื้อแดงบางรายที่ทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรในสภา
"คอป.เสนอไปว่า แม้ไม่ได้เป็นก่อการร้าย แต่การปราศรัยรุนแรง เรื่องเผาอาคารสถานที่เข้าข่ายตามกฎหมายอาญามาตรา 85 ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้แก่บุคคลทั่วไปให้กระทำความผิด และความผิดนั้นมีกำหนดโทษไม่ต่ำกว่าหกเดือน ผู้นั้นต้องระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น"
และเมื่อบุคคลเหล่านั้นเป็นถึงระดับรัฐมนตรี ข้อเสนอของ คอป.จึงเป็นเหมือนอุปสรรคที่ไปขวางทางอำนาจของนักการเมืองหรือไม่ คณิตสวนกลับว่า "เห็นหรือเปล่า นี่ไงสิ่งที่ คอป.เสนอไป สิ่งไหนที่เป็นประโยชน์เขาก็หยิบมา ที่ไม่เป็นประโยชน์เขาก็ไม่ทำ เขาก็ ignore เลย"
"เราต้องการอยากให้บ้านเมืองสงบ ถ้าอยากให้บ้านเมืองสงบก็ต้องช่วยกันทำ คุณจะไปคิดว่าอย่างนั้นได้ไง แล้วนี่ไปชักใยอยู่ข้างนอก มาที่ฮ่องกงใช่ไหม (หัวเราะ) มันเสียหาย"
ไม่เพียงคนในรัฐบาลที่ "คณิต" มองว่า ไม่ทำตามข้อเสนอของ คอป.เท่านั้น ที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างความปรองดอง แต่กระบวนการยุติธรรมทั้งโครงสร้างก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน จึงทำให้งานปรองดองของเขายากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
แม้รัฐบาลจะมีความพยายามปฏิรูปโครงสร้างกระบวนการยุติธรรม ผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแนวคิดในการจัดระเบียบอำนาจศาลใหม่ แต่ "คณิต" มองว่าไม่มีทางทำสำเร็จ
"ไม่มีทางหรอก รัฐธรรมนูญนี่แหละจะเพิ่มความขัดแย้ง ต้องความจริงใจที่ปฏิรูปกันเท่านั้น และผมเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมนี่แหละที่จะทำให้ทุกอย่างสงบได้ แต่กระบวนการยุติธรรมเรามีความแย่อยู่ 3 อย่าง 1.ประสิทธิภาพแย่ ยิงกันในผับต่อหน้าคนเยอะแยะ ยังยกฟ้องเลยเห็นไหม 2.เป็นกระบวนการที่คุกคามสิทธิของประชาชนเยอะ"
"ตอนผมทำ คอป.ไปเปิดเวทีที่ จ.อุบลราชธานี มีชาวบ้านมาบอกว่าพี่น้องเขาถูกจับ เขาไปประกัน ศาลเรียกหลักประกัน 1 ล้านบาท ผมถามว่าต้องใช้หลักประกันไหม เขาตอบว่าใช้โดยกู้เงินนอกระบบมาเป็นหลักประกัน ทั้งที่ตามกฎหมายบอกว่า มีหลักประกันหรือไม่ก็ได้ แต่เรายึดหลักประกัน คนก็เดือดร้อน ชาวบ้านจะไปหาที่ไหน"
เมื่อกระบวนการยุติธรรมของไทยบางครั้งย่อหย่อน บางครั้งกลับเถรตรงเกินไป ข้อเรียกร้องการนิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำความผิดในข้อกล่าวหาคดีฉกรรจ์ เช่น เผาศาลากลางจังหวัด จึงไม่ใช่คำตอบแห่การปรองดองทั้งหมด ดังนั้นต้องมีการปฏิรูประบบยุติธรรมควบคู่ไปด้วย
แม้จะมีการอ้างว่าการนิรโทษกรรมนั้น ยกประโยชน์แก่ผู้ต้องหาประเภทปลาซิว-ปลาสร้อย ไม่รวมแกนนำผู้สั่งการ เพื่อลดโทษความขัดแย้ง แต่เขาเชื่อว่าการทำเช่นนั้นไม่ได้ทำให้สังคมลดความหวาดระแวงลง
"มันไม่ใช่คำตอบ แม้จะบอกว่าการนิรโทษกรรมเฉพาะผู้ชุมนุม ไม่เกี่ยวกับแกนนำ ผมคิดว่ามันเป็นแค่วิธีพูด ผม
คิดว่าต้องค้นหาความจริงที่เกิดขึ้น ทำเรื่องที่ผมยกขึ้นมาให้กระจ่างเสียก่อน แต่นี่ยังไม่กระจ่าง ยังมัว ๆ ทำให้กฎหมายนิรโทษกรรมก็เลยมัว ๆ มันยังไม่รู้ทิศทาง คนเผาศาลากลางควรถูกจำคุก ปล่อยตัวไม่ได้"
แกนนำพรรคเพื่อไทยฝ่ายหัวก้าวหน้าหลายคน มักยกตัวอย่างการนิรโทษกรรมในเหตุการณ์นองเลือดครั้งอดีตที่ยกโทษให้กับผู้ต้องหาทั้งหมด แต่ "คณิต" มองว่า ในปัจจุบันไม่ควรเป็นอย่างนั้น
"14 ตุลา สมัยนั้นเป็นอำนาจทหาร แต่ตอนนี้เราต้องการประชาธิปไตยไหมล่ะ ทำให้มันเป็นประชาธิปไตยขึ้นมาสิ คนที่เผาศาลากลางต้องอยู่ในคุกต่อถ้ามีการยุยงก็ต้องจัดการ เราต้องไปเอาปลากระโห้ให้ได้ ไปเอาปลาซิวปลาสร้อยได้ไง แต่ต้องดูแยกแยะให้ดี ขณะเดียวกันกระบวนการยุติธรรมเราไม่เคลื่อนไหวอะไรเลย กระบวนการยุติธรรมไทยมีพฤติกรรม 3 อย่าง 1.พฤติกรรมเคยทำงานสบาย ๆ 2.กลัว 3.ประจบประแจง ประจบเจ้านาย ประจบการเมือง เลยวุ่นวาย"
ขณะที่สถานการณ์การเมือง ด้านการช่วยเหลือนักโทษการเมืองยังดูเหมือนคลุมเครือ ไม่เห็นเค้าลางแนวทางแน่ชัดว่าจะออกมาในรูปแบบใด แต่กระบวนการสร้องความปรองดองผ่านเวที "ประชาเสวนา" ที่รัฐบาลกดปุ่มอนุมัติงบประมาณทั้งสิ้น 168.23 ล้านบาท โดยมีคณะกรรมการประสานงานและติดตามผลการดำเนินงานตามข้อเสนอของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและเพื่อค้นหาความจริงเพื่อความปรองดองแห่งชาติ (ปคอป.) เป็นผู้ดำเนินงาน จัดสานเสวนา 108 เวที
"คณิต" เชื่อว่า เป็นสิงที่ดี แต่เขาตั้งข้อสังเกต ถามคำถามกลับไปยังรัฐบาลว่า กำลังเบี่ยงเบนประเด็น เพื่อให้กระแสนิรโทษกรรมเบาบางลงไป "เสวนาดี ผมเห็นด้วยที่มาคุยกัน แต่ไม่ใช่คุยกันเฉย ๆ มันต้องจริงจัง แต่นี่ดูเหมือนไม่จริงจัง หมายความว่าเบี่ยงเบนไป ให้ไปพูดกันเพื่อจะได้ไม่ต้องทำอะไร อย่างนั้นหรือเปล่า"
ถามเขาว่าชาตินี้ เราจะปรองดองกันได้ไหม "คณิต" ตอบว่า ผมยังมองไม่ค่อยออก มีครั้งหนึ่งที่ผมนอนไม่หลับจนต้องบันทึกลงในหนังสือที่ผมเขียนว่า
"ในขณะที่ผมทำงานของ คอป.นั้น มีอยู่คืนหนึ่งในต้นเดือนมิถุนายน 2555 ผมนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน คือเมื่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ พ.ศ. ... เข้าสู่รัฐสภา จนทำท่าว่าความรุนแรงอาจจะเกิดขึ้นได้อีก จน คอป.ต้องออกจดหมายเปิดผนึก จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที นับว่าเป็นโชคดีของประเทศชาติที่ไม่เกิดความรุนแรงตามที่ คอป.มีความห่วงใย"
"คณิต" มักบอกในวงสนทนาแบบกึ่งทางการ และไม่เป็นทางการ หลายครั้งว่าตัวเขาโชคร้าย พอประเทศชาติมีปัญหามักนึกถึงเขา เมื่อถามเขาว่าจะมีโอกาสกลับมาช่วยประเทศชาติในยามวิกฤตอีกครั้งไหม
"คณิต" ตอบว่า ผมก็ได้แต่ภาวนาว่า ไม่ให้เกิดอะไรขึ้น
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1365590852&grpid=09&catid=16
..................................................................................................................................................................................
อ.คณิต ท่านเป็นกลางทางการเมืองจริง ใช่ไหมคะ?
ประชาชนอยากรู้