รายงานปรองดอง 9 ข้อ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่-นิรโทษคดีการเมือง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4694820
รายงานปรองดอง - วันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 ส.ค.นี้มีวาระพิจารณารายงานของกรรมาธิการ (กมธ.)
กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนาย
สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยมีการนำเสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งมีเนื้อหาและสาระสำคัญเป็นข้อเสนอแนะ รวม 9 ข้อ คือ
1.
การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 คือกติกาที่ทำให้เกิดความเห็นต่าง เป็นกลไกสืบทอดอำนาจ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที
โดยนายกฯ ต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนต่อกรอบเวลาของกระบวนการแก้ไข ไม่เตะถ่วงการแก้ไข เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ความขัดแย้งแก้ไขได้ยาก ส่วนกระบวนการแก้ไขต้องยึดหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด และไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือทำประโยชน์เพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
พร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกกลุ่ม และเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จ ขอให้รัฐบาลเสียสละ ยุบสภาทันที และจัดการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ ทั้งนี้ เสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชนยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
2.
นิรโทษกรรม แบ่งเป็น นิรโทษกรรมคดีการเมืองและคดีอาญาที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ยกเว้นคดีทุจริตและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า การนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองต้องทำเป็นกระบวนการหลายระดับ โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อตกลงระหว่างคู่ขัดแย้ง ระดับแกนนำ ผู้ชุมนุม และสร้างความเข้าใจของขอบเขตนิรโทษกรรม
ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องมีเงื่อนไข คือ เฉพาะคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ที่แยกเป็น 2 กลุ่มคือ คดีที่รัฐกระทำต่อบุคคล และ คดีที่บุคคลละเมิดต่อบุคคล โดยการใช้กฎหมายพิเศษ เป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หรือ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)
3.
ต้องเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อรวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทุกฝ่าย โดยไม่จำกัดการเยียวยาเป็นตัวเงินเท่านั้น
4.
การชุมนุมและสิทธิผู้ชุมนุม รัฐต้องรับรองและประกันเสรีภาพการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่แทรกแซงหรือก่อกวนหรือประทุษร้ายจากบุคคลที่สาม ขณะเดียวกันการชุมนุมต้องมีขอบเขตจำกัดตามรัฐธรรมนูญกำหนด
กองทัพต้องไม่รัฐประหาร
5. ใ
ห้ผู้นำทุกฝ่าย โดยเฉพาะนายกฯ ที่บริหารประเทศขณะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและนายกฯ ที่บริหารประเทศปัจจุบัน แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงด้วยการขอโทษ
6.
ใช้กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกระบวนยุติธรรมขององค์กรอิสระ และศาล
7.
รัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวกับความขัดแย้งต้องรักษาบรรยากาศของความปรองดอง สมานฉันท์ และร่วมบริหารประเทศภายใต้กรอบ เคารพความเห็นต่าง
8.
ข้อสังเกตเกี่ยวกับสื่อมวลชน ต้องยึดการทำงานภายใต้กรอบความรับผิดชอบตามจริยธรรมและหลักวิชาชีพ ไม่บิดเบือน และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและรอบด้าน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม รวมถึงไม่นำเสนอข้อมูลหรือถ้อยคำที่ทำให้เกิดการยั่วยุ เกลียดชัง
9.
ข้อสังเกตเกี่ยวกับกองทัพ เสนอเพิ่มคำถวายสัตย์ปฏิญาณของเหล่าทัพ ว่า
“จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร” เพราะการแทรกแซงการเมืองของกองทัพผ่านการรัฐประหาร ทำให้สังคมขาดการเรียนรู้ต่อการจัดการวิกฤตการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยและสร้างความไม่พอใจจากบุคคลที่ถูกคุกคาม และทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองซับซ้อนและบานปลาย
'สุทิน' เย้ย รบ.-มหาดไทยโดนกกต.จับโกหก ตบหน้า ชี้มีแต่รบ.ไม่พร้อมจัดเลือกตั้งท้องถิ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2304422
“สุทิน” เย้ย รบ.- มท.โดน กกต.จับโกหก ตบหน้า ลั่นวันนี้ทุกฝ่ายพร้อมเลือกตั้งกันหมดแล้ว มีแต่ รบ.ที่ไม่พร้อม
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นาย
สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวกรณีที่ กกต.ออกมาแถลงโต้ พล.อ.
อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ที่ไปชี้แจงต่อสภา โดยอ้างว่า กกต.ไม่มีความพร้อม จึงยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ว่า ถือเป็นการจับโกหกรัฐบาลผ่าน พล.อ.
อนุพงษ์ นอกจากจะโกหกแล้วรัฐบาลและ มท.ยังพยายามบ่ายเบี่ยง สับขาหลอก อ้างว่าไม่พร้อมบ้าง ไม่มีงบประมาณบ้าง ปัญหาโควิด-19 ทำให้ต้องเอาเงินเลือกตั้งไปใช้บ้าง ทั้งที่ กกต.ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามีความพร้อมตลอดทั้งเรื่องของงบประมาณ กำลังคนและแผนงาน งานนี้ กกต.คงทนไม่ได้เลยออกมาตบหน้า พล.อ.
อนุพงษ์ ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลและ มท.ยังแก้ตัว โยนความผิดให้หน่วยงานอื่นอีก เชื่อว่าก็จะมีหน่วยงานอื่นๆ ออกมาตบหน้า พล.อ.
อนุพงษ์อีกอย่างแน่นอน
“วันนี้ทุกฝ่ายพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นกันหมด ผมเองก็ได้รับโทรศัพท์จาก กกต.ระบุว่า กกต.ทั่วประเทศพร้อมจัดการเลือกตั้งนานแล้ว ถ้ารัฐบาลและ มท.จะไม่ยอมให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็ขอให้ใช้เหตุผลอื่น ท้องถิ่นก็มีงบประมาณของตัวเอง ทุกฝ่ายพร้อม เงินพร้อม กรรมการพร้อม มีแต่รัฐบาลที่ไม่พร้อม” นาย
สุทิน กล่าว
JJNY : 4in1 รายงานปรองดอง 9 ข้อ/สุทินเย้ยรบ.-มหาดไทยโดนกกต.จับโกหก/สนท.ยันเรียกร้อง'3ข้อ2จุดยืน'/สภาหอการค้าฯวอนช่วยsme
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4694820
รายงานปรองดอง - วันที่ 12 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 13 ส.ค.นี้มีวาระพิจารณารายงานของกรรมาธิการ (กมธ.)
กฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เป็นประธาน พิจารณาเสร็จแล้ว
โดยมีการนำเสนอแนวทางการสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ของคนในชาติ ซึ่งมีเนื้อหาและสาระสำคัญเป็นข้อเสนอแนะ รวม 9 ข้อ คือ
1. การแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่ประชาชนมีส่วนร่วม เพราะรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 คือกติกาที่ทำให้เกิดความเห็นต่าง เป็นกลไกสืบทอดอำนาจ ซึ่งนำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง ต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที
โดยนายกฯ ต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนต่อกรอบเวลาของกระบวนการแก้ไข ไม่เตะถ่วงการแก้ไข เพราะหากใช้เวลานานจะทำให้ความขัดแย้งแก้ไขได้ยาก ส่วนกระบวนการแก้ไขต้องยึดหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด และไม่มีเจตนาแอบแฝงหรือทำประโยชน์เพื่อบุคคลหรือกลุ่มบุคคล
พร้อมรับฟังความเห็นของประชาชนทุกกลุ่ม และเมื่อแก้ไขแล้วเสร็จ ขอให้รัฐบาลเสียสละ ยุบสภาทันที และจัดการเลือกตั้งภายใต้กติกาใหม่ ทั้งนี้ เสนอให้ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากประชาชนยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่
2. นิรโทษกรรม แบ่งเป็น นิรโทษกรรมคดีการเมืองและคดีอาญาที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 ถึงปัจจุบัน ยกเว้นคดีทุจริตและประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และมีความเห็นเพิ่มเติมด้วยว่า การนิรโทษกรรมเพื่อสร้างความปรองดองต้องทำเป็นกระบวนการหลายระดับ โดยให้ความสำคัญกับการแสวงหาข้อตกลงระหว่างคู่ขัดแย้ง ระดับแกนนำ ผู้ชุมนุม และสร้างความเข้าใจของขอบเขตนิรโทษกรรม
ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมต้องมีเงื่อนไข คือ เฉพาะคดีที่มีเหตุจูงใจทางการเมือง ที่แยกเป็น 2 กลุ่มคือ คดีที่รัฐกระทำต่อบุคคล และ คดีที่บุคคลละเมิดต่อบุคคล โดยการใช้กฎหมายพิเศษ เป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หรือ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.)
3. ต้องเยียวยาและฟื้นฟูเหยื่อรวมถึงผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทุกฝ่าย โดยไม่จำกัดการเยียวยาเป็นตัวเงินเท่านั้น
4. การชุมนุมและสิทธิผู้ชุมนุม รัฐต้องรับรองและประกันเสรีภาพการชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ ไม่แทรกแซงหรือก่อกวนหรือประทุษร้ายจากบุคคลที่สาม ขณะเดียวกันการชุมนุมต้องมีขอบเขตจำกัดตามรัฐธรรมนูญกำหนด
กองทัพต้องไม่รัฐประหาร
5. ให้ผู้นำทุกฝ่าย โดยเฉพาะนายกฯ ที่บริหารประเทศขณะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและนายกฯ ที่บริหารประเทศปัจจุบัน แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์รุนแรงด้วยการขอโทษ
6. ใช้กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมายที่ยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะกระบวนยุติธรรมขององค์กรอิสระ และศาล
7. รัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้าน พรรคการเมือง กลุ่มการเมืองทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวกับความขัดแย้งต้องรักษาบรรยากาศของความปรองดอง สมานฉันท์ และร่วมบริหารประเทศภายใต้กรอบ เคารพความเห็นต่าง
8. ข้อสังเกตเกี่ยวกับสื่อมวลชน ต้องยึดการทำงานภายใต้กรอบความรับผิดชอบตามจริยธรรมและหลักวิชาชีพ ไม่บิดเบือน และให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วนและรอบด้าน โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสังคม รวมถึงไม่นำเสนอข้อมูลหรือถ้อยคำที่ทำให้เกิดการยั่วยุ เกลียดชัง
9. ข้อสังเกตเกี่ยวกับกองทัพ เสนอเพิ่มคำถวายสัตย์ปฏิญาณของเหล่าทัพ ว่า “จะยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะไม่ทำการปฏิวัติรัฐประหาร” เพราะการแทรกแซงการเมืองของกองทัพผ่านการรัฐประหาร ทำให้สังคมขาดการเรียนรู้ต่อการจัดการวิกฤตการเมืองตามระบอบประชาธิปไตยและสร้างความไม่พอใจจากบุคคลที่ถูกคุกคาม และทำให้ความขัดแย้งทางการเมืองซับซ้อนและบานปลาย
'สุทิน' เย้ย รบ.-มหาดไทยโดนกกต.จับโกหก ตบหน้า ชี้มีแต่รบ.ไม่พร้อมจัดเลือกตั้งท้องถิ่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2304422
“สุทิน” เย้ย รบ.- มท.โดน กกต.จับโกหก ตบหน้า ลั่นวันนี้ทุกฝ่ายพร้อมเลือกตั้งกันหมดแล้ว มีแต่ รบ.ที่ไม่พร้อม
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวกรณีที่ กกต.ออกมาแถลงโต้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ที่ไปชี้แจงต่อสภา โดยอ้างว่า กกต.ไม่มีความพร้อม จึงยังไม่สามารถจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นได้ว่า ถือเป็นการจับโกหกรัฐบาลผ่าน พล.อ.อนุพงษ์ นอกจากจะโกหกแล้วรัฐบาลและ มท.ยังพยายามบ่ายเบี่ยง สับขาหลอก อ้างว่าไม่พร้อมบ้าง ไม่มีงบประมาณบ้าง ปัญหาโควิด-19 ทำให้ต้องเอาเงินเลือกตั้งไปใช้บ้าง ทั้งที่ กกต.ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่าว่ามีความพร้อมตลอดทั้งเรื่องของงบประมาณ กำลังคนและแผนงาน งานนี้ กกต.คงทนไม่ได้เลยออกมาตบหน้า พล.อ.อนุพงษ์ ทั้งนี้ ถ้ารัฐบาลและ มท.ยังแก้ตัว โยนความผิดให้หน่วยงานอื่นอีก เชื่อว่าก็จะมีหน่วยงานอื่นๆ ออกมาตบหน้า พล.อ.อนุพงษ์อีกอย่างแน่นอน
“วันนี้ทุกฝ่ายพร้อมกับการเลือกตั้งท้องถิ่นกันหมด ผมเองก็ได้รับโทรศัพท์จาก กกต.ระบุว่า กกต.ทั่วประเทศพร้อมจัดการเลือกตั้งนานแล้ว ถ้ารัฐบาลและ มท.จะไม่ยอมให้การเลือกตั้งเกิดขึ้น ก็ขอให้ใช้เหตุผลอื่น ท้องถิ่นก็มีงบประมาณของตัวเอง ทุกฝ่ายพร้อม เงินพร้อม กรรมการพร้อม มีแต่รัฐบาลที่ไม่พร้อม” นายสุทิน กล่าว