
วันนี้ได้มาตามทริปสัญจรชุมชนหนึ่งในย่านประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์อีกย่านหนึ่งครับ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี คือ แถวบางกอกน้อย โดยผู้จัดทริป อย่างแข็งขันคือ กองการท่องเที่ยว สังกัดกรุงเทพมหานคร ร่วมมือกับเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคม ได้เชิญชวนบุคคลทั่วไปผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ Social Media ต่างๆ มาเรียนรู้กิจกรรมเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์การจัดการท่องเที่ยววิถีถิ่น เค้าให้ชื่อทริปว่า “ยลเสน่ห์ตลาดร้อยปี ชมของดีบ้านบุ” ตามโครงการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาบริหารกรท่องเที่ยวครั้งที่ 1 เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาครับ (6 เมษายน 2556) ณ ตลาดวัดทอง ชุมชนบ้านบุ (ซอยจรัญสนิทวงศ์ 32) และชุมชมประวัติศาสตร์ริมคลองบางกอกน้อย”
นับเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่มีหน่วยงานสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมชุมชนในท้องถิ่น เพราะในความเป็นจริง เรื่องประเภทนี้ หน่วยงานรัฐ และภาครัฐที่มีองค์ความรู้ น่าจะเป็นตัวนำธง หรือที่ปรึกษาที่ดีกับชุมชนต่างๆ ซึ่งในยุคปัจจุบัน การเผยแพร่มันทำได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อ (ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่กิจกรรมต่างๆ) ถ้าภาครัฐให้ความสนใจ แล้วชุมชนค่อยๆพัฒนาการเรียนรู้ มองหาจุดเด่นของชุมชนตัวเอง ในอนาคตชุมชนก็จะสามารถกลายเป็นชุมชนเข้มแข็ง พี่งพาตนเอง พัฒนาตนเองได้เช่นกัน เพราะในโลกนี้ ใครๆ ก็สามารถเผยแพร่สิ่งที่ตนเองมี มาอวดชาวโลกกันได้ทันที เช่น ที่บ้านบุ มีการทำขันลงหิน ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในโลก เป็นงานฝีมือที่เหลือคนทำเพียง 9 คนในโลกนี้เท่านั้น ซึ่งแต่ละท่านก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ในสมัยก่อนก็มีคนทำงานขันลงหินกันมาก แต่ต่อมาด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป หลายคนก็เลิกทำ และทิ้งรากเหง้า ไปประกอบอาชีพอื่นๆ จึงเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับคนไทยทุกคนว่าเราจะอนุรักษ์ และสืบสานอาชีพนี้กันอย่างไรดี
เข้าเรื่องทริปสัญจรกันเลยดีกว่าครับ
ช่วงเช้าจุดนัดหมาย (รวมพลคนอยากเที่ยว) ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ด้านฝั่งธนบุรี ทุกคนก็มาอย่างพร้อมเพรียงกันร่วม 100 ท่านครับ ทราบข่าวว่ามีทั้งผู้สนใจทั่วไปที่ทราบข่าวผ่านเครือข่ายตามลิ้งก์
http://www.facebook.com/thaitourismsociety ประมาณ 60 ท่าน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ อีก 40 ท่าน หลายท่านน่าจะยังไม่เคยเดินทริปสัญจรชุมชนแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ กลางเมืองกันแค่นี้เอง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุครับ ที่ควรจะมีการส่งเสริมโปรโมตกันอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าชุมชนมีการส่งเสริมกันอย่างต่อเนื่อง (ในหลายชุมชน) คนที่เคยมาเดินทริปกัน ก็จะช่วยกันเผยแพร่กันเองครับ “ปากต่อปาก” กันเองครับ อย่างไรก็แล้วแต่ครับ หลายๆอย่างต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังกันครับ ก็คือเจ้าหน้าที่กองการท่องเที่ยว กทม. หลายท่านที่ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องนับปีๆ และช่วยพัฒนา แก้ไขปัญหา ฟื้นฟู ร่วมมือกับชุมชน จัด และเผยแพร่กิจกรรมมาอย่างยาวนาน จากไม่ค่อยมีคนทราบว่า ยังมีชุมชนแบบนี้ในเกาะรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งมีคนทราบเรื่องราวชุมชนต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นับว่าเป็น ผู้”ปิดทองหลังพระ” ตัวจริงครับ
ชื่นชมหน่วยงาน “กองการท่องเที่ยว กทม.” นำหน้า ฟื้นฟูท่องเที่ยวชุมชนย่านประวัติศาสตร์บางกอกน้อย
วันนี้ได้มาตามทริปสัญจรชุมชนหนึ่งในย่านประวัติศาสตร์กรุงรัตนโกสินทร์อีกย่านหนึ่งครับ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี คือ แถวบางกอกน้อย โดยผู้จัดทริป อย่างแข็งขันคือ กองการท่องเที่ยว สังกัดกรุงเทพมหานคร ร่วมมือกับเครือข่ายการท่องเที่ยวภาคประชาสังคม ได้เชิญชวนบุคคลทั่วไปผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ Social Media ต่างๆ มาเรียนรู้กิจกรรมเรียนรู้ สร้างเสริมประสบการณ์การจัดการท่องเที่ยววิถีถิ่น เค้าให้ชื่อทริปว่า “ยลเสน่ห์ตลาดร้อยปี ชมของดีบ้านบุ” ตามโครงการเสริมสร้างความรู้เพื่อพัฒนาบริหารกรท่องเที่ยวครั้งที่ 1 เมื่อเสาร์ที่ผ่านมาครับ (6 เมษายน 2556) ณ ตลาดวัดทอง ชุมชนบ้านบุ (ซอยจรัญสนิทวงศ์ 32) และชุมชมประวัติศาสตร์ริมคลองบางกอกน้อย”
นับเป็นเรื่องที่ดีครับ ที่มีหน่วยงานสังกัดกรุงเทพมหานคร ให้ความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรมชุมชนในท้องถิ่น เพราะในความเป็นจริง เรื่องประเภทนี้ หน่วยงานรัฐ และภาครัฐที่มีองค์ความรู้ น่าจะเป็นตัวนำธง หรือที่ปรึกษาที่ดีกับชุมชนต่างๆ ซึ่งในยุคปัจจุบัน การเผยแพร่มันทำได้อย่างรวดเร็ว และมีต้นทุนที่ถูกมากอย่างไม่น่าเชื่อ (ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ในการเผยแพร่กิจกรรมต่างๆ) ถ้าภาครัฐให้ความสนใจ แล้วชุมชนค่อยๆพัฒนาการเรียนรู้ มองหาจุดเด่นของชุมชนตัวเอง ในอนาคตชุมชนก็จะสามารถกลายเป็นชุมชนเข้มแข็ง พี่งพาตนเอง พัฒนาตนเองได้เช่นกัน เพราะในโลกนี้ ใครๆ ก็สามารถเผยแพร่สิ่งที่ตนเองมี มาอวดชาวโลกกันได้ทันที เช่น ที่บ้านบุ มีการทำขันลงหิน ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในโลก เป็นงานฝีมือที่เหลือคนทำเพียง 9 คนในโลกนี้เท่านั้น ซึ่งแต่ละท่านก็เป็นผู้ใหญ่กันหมดแล้ว ในสมัยก่อนก็มีคนทำงานขันลงหินกันมาก แต่ต่อมาด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป หลายคนก็เลิกทำ และทิ้งรากเหง้า ไปประกอบอาชีพอื่นๆ จึงเป็นเรื่องน่าคิดสำหรับคนไทยทุกคนว่าเราจะอนุรักษ์ และสืบสานอาชีพนี้กันอย่างไรดี
เข้าเรื่องทริปสัญจรกันเลยดีกว่าครับ
ช่วงเช้าจุดนัดหมาย (รวมพลคนอยากเที่ยว) ใต้สะพานพระปิ่นเกล้า ด้านฝั่งธนบุรี ทุกคนก็มาอย่างพร้อมเพรียงกันร่วม 100 ท่านครับ ทราบข่าวว่ามีทั้งผู้สนใจทั่วไปที่ทราบข่าวผ่านเครือข่ายตามลิ้งก์ http://www.facebook.com/thaitourismsociety ประมาณ 60 ท่าน และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ อีก 40 ท่าน หลายท่านน่าจะยังไม่เคยเดินทริปสัญจรชุมชนแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าจะอยู่ใกล้ๆ กลางเมืองกันแค่นี้เอง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุครับ ที่ควรจะมีการส่งเสริมโปรโมตกันอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าชุมชนมีการส่งเสริมกันอย่างต่อเนื่อง (ในหลายชุมชน) คนที่เคยมาเดินทริปกัน ก็จะช่วยกันเผยแพร่กันเองครับ “ปากต่อปาก” กันเองครับ อย่างไรก็แล้วแต่ครับ หลายๆอย่างต้องยกความดีให้ผู้อยู่เบื้องหลังกันครับ ก็คือเจ้าหน้าที่กองการท่องเที่ยว กทม. หลายท่านที่ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องนับปีๆ และช่วยพัฒนา แก้ไขปัญหา ฟื้นฟู ร่วมมือกับชุมชน จัด และเผยแพร่กิจกรรมมาอย่างยาวนาน จากไม่ค่อยมีคนทราบว่า ยังมีชุมชนแบบนี้ในเกาะรัตนโกสินทร์ จนกระทั่งมีคนทราบเรื่องราวชุมชนต่างๆ ผ่านสื่อออนไลน์ สื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ นับว่าเป็น ผู้”ปิดทองหลังพระ” ตัวจริงครับ