เมื่อวันที่ 1 เมษายน นายบรรจง สุขดี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ได้จัดซื้อถังขยะรุ่นใหม่ประมาณ 35,000 ใบๆ ละประมาณ 2,000 บาท กระจายไปยังสำนักงานเขต 50 เขต เพื่อดำเนินการติดตั้งบริเวณถนนสายหลักและสายรองในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ติดตั้งไปแล้วร้อยละ 40 ถือเป็นถังขยะที่ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน โดยมีถังขยะซ้อนกัน 2 ชั้น เน้นความปลอดภัย ถังด้านในจะเป็นโปร่งใส สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้ชัดเจน ส่วนชั้นด้านนอกสีน้ำตาล ออกแบบเพื่อรองรับไม่ให้ถังใสด้านในสกปรกและเพื่อความสวยงาม ซึ่งระหว่างทั้ง 2 ชั้น จะมีคอนกรีตหนัก 20 กิโลกรัม ถ่วงน้ำหนักไว้ป้องกันลมพัดถังขยะปลิวและป้องกันการขโมยไม่ให้มีการโยกย้าย ส่วนการจัดเก็บขยะยังคงเก็บตามเวลาปกติ
"ขอความร่วมมือประชาชนอย่านำขยะภายในบ้านมาทิ้งในถังขยะรุ่นใหม่ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าไม่ควรนำเศษอาหารมาทิ้งด้วย เนื่องจากวัตถุประสงค์ขอ
งถังขยะรุ่นใหม่จัดทำเพื่อใช้ทิ้งขยะมูลฝอยทั่วไปจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรทั่วไปเท่านั้น" นายบรรจง กล่าว
จาก มติชน
.....................................................................................................................
อ่านวัตถุประสงค์ของถังขยะรุ่นใหม่ จากท่านผอ.บรรจงแล้ว ก็ทำให้ผมนึกถึงอุโมงค์ยักษ์ของ กทม.ที่เมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่แล้วระบายน้ำไม่ทัน กทม.ออกมาอ้างว่า อุโมงค์ยักษ์ รับเฉพาะน้ำฝนเท่านั้น ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับน้ำป่า..ตะเภาเดียวกัน
นึกถึงชาวบ้านที่เอาขยะใส่ถุงดำจะนำออกมาทิ้ง เมื่อมาเจอถังขยะ “รุ่นใหม่”สไตล์เก๋ บอบบาง น่าถนุถนอม ใบละ 2000 บาท ก็คงชะงัก ไม่กล้าทิ้ง แถมเมื่อทราบวัตถุประสงค์ของถังขยะ ที่รับเฉพาะมูลฝอยทั่วไปเท่านั้น ก็ถอดใจ..เก็บขยะกลับบ้าน
ส่วนชาวบ้านที่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เมื่อจะนำเฉพาะมูลฝอยมาทิ้ง ก็ต้องทำพิธีเดินทักษิณาวัตร คือเวียนรอบถังขยะ 3 รอบ หาช่องทิ้งกว่าจะเจอ ..เหงื่อพลั่ก !
ที่จริง กทม.ก็มีถังแยกประเภทอยู่แล้ว คือขยะเปียกสีเขียว กับถังขยะรีไซเคิลสีเหลืองใบใหญ่ๆไว้ทิ้งขยะ ก็น่าจะพอรองรับ แต่ทำไม กทม.ถึงต้องมีถังขยะรุ่นใหม่ที่ “เลือกรับเฉพาะมูลฝอย”ออกมาอีก..เงินเยอะ ???
และพฤติกรรมการทิ้งขยะของมนุษย์ทั่วไป เมื่อรวมขยะใส่ถุงดำแล้ว ก็มัดรวมๆกันหิ้วออกมา เมื่อเจอถังขยะก็ทิ้งไป ก็มีบ้างที่คัดแยกขยะแห้ง ขยะเปียกออกจากัน ก็รวมเป็น 2 ถุงนำมาทิ้งแยกถัง แต่จากนี้ไป คงต้องแยกมูลฝอยอีกใบ..เอางั้นเหรอ ?
อาจเป็นไปได้ว่า ผู้บริหาร กทม. อาจแยกไม่ออกว่า “มูลฝอย” เป็นขยะแห้ง หรือขยะเปียก ก็เลยให้คัดแยกอีกต่างหากออกจากกัน นำไปพิสูจน์หาดีเอ็นเอ เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า “มูลฝอย”เป็นขยะประเภทใดกันแน่..ผมเดา !
ถังเลือกรับขยะรุ่นใหม่ 35,000 ใบ คูณด้วย 2,000 บาท เป็นเงิน 70 ล้านบาท ออกแบบเพื่อรับมูลฝอยโดยเฉพาะ กทม.คิดได้ยังไง เอาสมองส่วนไหนคิด ก่อนคิดได้ทำวิจัยเหมือนกับไข่ชั่งกิโลด้วยหรือไม่..ตลกสิ้นดี
อีกหน่อย ก็คงออกแบบถังขยะกันมาเรื่อยๆ ให้เหมาะกับประเภทขยะก็ละกัน เช่น ใบนี้ใส่ขวด ใบนี้ใส่กระดาษ ใบนี้ใส่ถุง ใบนี้ใส่ผ้า ใบนี้ใบไม้ ใบนี้ใส่ฝาเป๊บซี่ ใบนี้ใส่ฝาโค้ก ใบนี้ฝากระทิงแดง ใบสุดท้าย ใส่ฝาอิชิตัน เอากันให้พอนะ ..กทม.เป็นของเราแล้วนี่ !!!
...ถังขยะรุ่นใหม่ ของกทม“เลือกรับขยะ” นะจ๊ะ !...
เมื่อวันที่ 1 เมษายน นายบรรจง สุขดี ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า สำนักสิ่งแวดล้อม ได้จัดซื้อถังขยะรุ่นใหม่ประมาณ 35,000 ใบๆ ละประมาณ 2,000 บาท กระจายไปยังสำนักงานเขต 50 เขต เพื่อดำเนินการติดตั้งบริเวณถนนสายหลักและสายรองในกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ติดตั้งไปแล้วร้อยละ 40 ถือเป็นถังขยะที่ออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน โดยมีถังขยะซ้อนกัน 2 ชั้น เน้นความปลอดภัย ถังด้านในจะเป็นโปร่งใส สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้ชัดเจน ส่วนชั้นด้านนอกสีน้ำตาล ออกแบบเพื่อรองรับไม่ให้ถังใสด้านในสกปรกและเพื่อความสวยงาม ซึ่งระหว่างทั้ง 2 ชั้น จะมีคอนกรีตหนัก 20 กิโลกรัม ถ่วงน้ำหนักไว้ป้องกันลมพัดถังขยะปลิวและป้องกันการขโมยไม่ให้มีการโยกย้าย ส่วนการจัดเก็บขยะยังคงเก็บตามเวลาปกติ
"ขอความร่วมมือประชาชนอย่านำขยะภายในบ้านมาทิ้งในถังขยะรุ่นใหม่ รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าไม่ควรนำเศษอาหารมาทิ้งด้วย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของถังขยะรุ่นใหม่จัดทำเพื่อใช้ทิ้งขยะมูลฝอยทั่วไปจากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สัญจรทั่วไปเท่านั้น" นายบรรจง กล่าว
จาก มติชน
.....................................................................................................................
อ่านวัตถุประสงค์ของถังขยะรุ่นใหม่ จากท่านผอ.บรรจงแล้ว ก็ทำให้ผมนึกถึงอุโมงค์ยักษ์ของ กทม.ที่เมื่อคราวน้ำท่วมใหญ่แล้วระบายน้ำไม่ทัน กทม.ออกมาอ้างว่า อุโมงค์ยักษ์ รับเฉพาะน้ำฝนเท่านั้น ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับน้ำป่า..ตะเภาเดียวกัน
นึกถึงชาวบ้านที่เอาขยะใส่ถุงดำจะนำออกมาทิ้ง เมื่อมาเจอถังขยะ “รุ่นใหม่”สไตล์เก๋ บอบบาง น่าถนุถนอม ใบละ 2000 บาท ก็คงชะงัก ไม่กล้าทิ้ง แถมเมื่อทราบวัตถุประสงค์ของถังขยะ ที่รับเฉพาะมูลฝอยทั่วไปเท่านั้น ก็ถอดใจ..เก็บขยะกลับบ้าน
ส่วนชาวบ้านที่ทราบวัตถุประสงค์ที่แท้จริง เมื่อจะนำเฉพาะมูลฝอยมาทิ้ง ก็ต้องทำพิธีเดินทักษิณาวัตร คือเวียนรอบถังขยะ 3 รอบ หาช่องทิ้งกว่าจะเจอ ..เหงื่อพลั่ก !
ที่จริง กทม.ก็มีถังแยกประเภทอยู่แล้ว คือขยะเปียกสีเขียว กับถังขยะรีไซเคิลสีเหลืองใบใหญ่ๆไว้ทิ้งขยะ ก็น่าจะพอรองรับ แต่ทำไม กทม.ถึงต้องมีถังขยะรุ่นใหม่ที่ “เลือกรับเฉพาะมูลฝอย”ออกมาอีก..เงินเยอะ ???
และพฤติกรรมการทิ้งขยะของมนุษย์ทั่วไป เมื่อรวมขยะใส่ถุงดำแล้ว ก็มัดรวมๆกันหิ้วออกมา เมื่อเจอถังขยะก็ทิ้งไป ก็มีบ้างที่คัดแยกขยะแห้ง ขยะเปียกออกจากัน ก็รวมเป็น 2 ถุงนำมาทิ้งแยกถัง แต่จากนี้ไป คงต้องแยกมูลฝอยอีกใบ..เอางั้นเหรอ ?
อาจเป็นไปได้ว่า ผู้บริหาร กทม. อาจแยกไม่ออกว่า “มูลฝอย” เป็นขยะแห้ง หรือขยะเปียก ก็เลยให้คัดแยกอีกต่างหากออกจากกัน นำไปพิสูจน์หาดีเอ็นเอ เพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า “มูลฝอย”เป็นขยะประเภทใดกันแน่..ผมเดา !
ถังเลือกรับขยะรุ่นใหม่ 35,000 ใบ คูณด้วย 2,000 บาท เป็นเงิน 70 ล้านบาท ออกแบบเพื่อรับมูลฝอยโดยเฉพาะ กทม.คิดได้ยังไง เอาสมองส่วนไหนคิด ก่อนคิดได้ทำวิจัยเหมือนกับไข่ชั่งกิโลด้วยหรือไม่..ตลกสิ้นดี
อีกหน่อย ก็คงออกแบบถังขยะกันมาเรื่อยๆ ให้เหมาะกับประเภทขยะก็ละกัน เช่น ใบนี้ใส่ขวด ใบนี้ใส่กระดาษ ใบนี้ใส่ถุง ใบนี้ใส่ผ้า ใบนี้ใบไม้ ใบนี้ใส่ฝาเป๊บซี่ ใบนี้ใส่ฝาโค้ก ใบนี้ฝากระทิงแดง ใบสุดท้าย ใส่ฝาอิชิตัน เอากันให้พอนะ ..กทม.เป็นของเราแล้วนี่ !!!