(อีกสักกระทู้) ความรู้สึกหลังจากดูภาพยนตร์ "คู่กรรม 2013" จบ... (มีสปอยล์)

เมื่อวานดูคู่กรรมมาค่ะ รอบ 22.50 โรงสยามภาวลัย พารากอนซีนีเพล็กซ์
เข้าไปดูโดยหวังจะคลายเครียด และเป็นเรื่องที่รอคอยมาตั้งแต่ได้ดูเทรลเลอร์ละ
ส่วนตัวเคยดูละครคู่กรรมเวอร์ชั่นพี่หนุ่มศรราม-เบนซ์มาก่อน แต่ตอนนั้นเด็กอยู่ก็จำอะไรไม่ค่อยได้ จำได้แค่โครงเรื่องหลักๆ
บทประพันธ์ต้นฉบับเองก็ไม่ได้อ่าน เอาง่ายๆ แทบไม่รู้รายละเอียดอะไรเลยค่ะ
ได้รับฟังกระแสวิจารณ์ในแง่ลบมาบ้างพอสมควรจากคนที่ไปดูรอบสื่อ จากที่คาดหวังจากเทรลเลอร์ไว้พอควรความคาดหวังจึงน้อยลง
เข้าไปดูแบบพยายามเปิดใจ ทำหัวให้โล่ง ไม่คาดหวัง ไม่คิดเปรียบเทียบใดๆ ทั้งสิ้น ขอบอกว่ายัง "ผิดหวัง" เลยค่ะ

ขอบรรยายความรู้สึกเป็นข้อๆ ละกันนะคะ

1. การตัดต่อและลำดับการเล่าเรื่อง เข้าขั้นแย่ ไม่มีเส้นเรื่อง แต่ละฉากไร้ความปะติดปะต่อ เหมือนเอาภาพนิ่งมาเล่นต่อๆ กัน มันไม่ต่อเนื่องและมันดูไม่รู้เรื่องเลย หลายอย่างก็รวบรัดตัดความมาก ทำให้เรื่องดำเนินไปอย่างค่อนข้างน่าเบื่อ เช่น ตอนต้นเรื่องที่โกโบริถูกฟันหลังแล้วอังตามมาช่วย คือมันแบบ ไม่มีบอกเลยว่าทำไมโกโบริถึงถูกทำร้าย อยู่ดีๆ ก็ถูกทำร้ายเลย ทำไมอังถึงรู้ คือการแสดงและภาพมันไม่ได้สื่ออะไรสักนิด แล้วก็ตัดไปฉากอื่นฉับเลย ไร้ความต่อเนื่องมาก

เรื่องความรักของโกโบริที่มีต่ออังศุมาลินก็เหมือนกัน ดูแล้วไม่เข้าใจและไม่เชื่อว่าโกโบริจะรักอังศุมาลินได้ขนาดนั้นได้ยังไง เจอกันแค่สามสี่ฉากเองมั้ง แล้วก็เกิดเหตุการณ์หลบระเบิดที่ท้องร่อง โดนชาวบ้านซุบซิบ (หมอคนญี่ปุ่นเล่าให้โกโบริฟัง แค่นั้น เล่นเล่าเรื่องกันรวบรัดอย่างนี้เลยนะ) ตัดมาโดนบังคับแต่งงาน โกโบริบอกว่าไม่สนสัมพันธไมตรีของประเทศแต่สนว่าอังคิดยังไง อ้าวเฮ้ย รักอังแล้ว? เร็วไปไหม ไร้เหตุผลรองรับสุดๆ ปัญหาคือการเล่าเรื่องช่วงต้นก่อนแต่งงานนี่แหละค่ะที่ไม่มีอะไรที่ทำให้เชื่อได้เลยว่าโกโบริรักอังขนาดนั้น

อีกอย่างก็คือผู้กำกับ/คนเขียนบทเล่าเรื่องเหมือนทุกคนรู้เรื่องหมดอยู่แล้ว ทั้งเรื่องวนัส ที่ดูจนจบก็งงอยู่ดีว่าอังกับวนัสสัญญาอะไรกันเอาไว้ ทำไมอังต้องรักษาสัญญาและไม่ยอมรับรักโกโบริ และพ่ออังที่เป็นคุณหลวงก็ไม่มีการปูเล่าเรื่องถึงความสัมพันธ์ของคนในบ้านเลย โผล่มาก็พ่อมาเจรจาเรื่องแต่งงานแล้ว และบทก็มีอยู่เท่านั้นแหละ - -" อย่างที่บอกว่าไม่ได้อ่านบทประพันธ์และจำรายละเอียดไม่ได้เลยไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องได้ แต่การสร้างภาพยนตร์ก็ควรจะให้คนดูรู้เรื่องและเข้าใจจากสิ่งที่สื่ออยู่ในภาพยนตร์ไม่ใช่เหรอคะ ไม่ใช่ต้องรู้เรื่องมาก่อนถึงจะดูรู้เรื่องมันก็ไม่ใช่นะ  - -"

2. บท เข้าขั้นแย่อีกนั่นล่ะค่ะ - -" ก็อิงกับการตัดต่อเล่าเรื่องนั่นแหละ แย่ไปหมด บทพูดตัวละครหลายๆ ฉากไม่ธรรมชาติ ฟังแปลกๆ บางฉากพระนางคุยกันเหมือนคุยคนละเรื่อง นี่โต้ตอบกันอยู่จริงๆ เหรอ ฟังแล้วชวนสับสนงงงวยเป็นที่สุด บางฉากก็พูดสิ่งที่ไม่จำเป็น บางฉากบทสนทนาก็ไร้ที่มาที่ไป อืม งงมากต้นทุนคือบทประพันธ์ขึ้นหิ้งขนาดนั้นแต่นำมาทำบทภาพยนตร์ได้เท่านี้ จบกัน

3. นักแสดงและแอคติ้ง
ฝั่งไทยเล่นไม่ดีสักคน ทั้งพ่อแม่อัง วนัส เล่นแข็งอะ พูดแต่ละประโยคอย่างกับท่องบท ขัดใจสุดก็ตอนที่แม่ของอังถามชื่อโกโบริ แล้วก็บอกว่าเรียกยากงั้นขอเรียกพ่อดอกมะลิแล้วกัน พูดเหมือนท่อง ห้วนสั้นไร้อารมณ์มาก เหมือนเรื่องก็ไม่ได้ปูให้เห็นความสัมพันธ์ของบ้านนี้กับโกโบริเท่าไหร่มันเลยไม่มีความสนิทสนมอะไรให้เห็นเลย อดเปรียบเทียบนิดๆ จากที่จำได้ไม่ได้ว่าฉากนี้มันควรจะอบอุ่นน่ารักกว่านี้นะ อุตส่าห์ไม่ตัดคำว่าพ่อดอกมะลิออกแต่ใส่มาแบบนี้ช่างไร้ความประทับใจสิ้นดีเลยจริงๆ (ส่วนตัวล้วนๆ ค่ะ ฮา) ส่วนยายของอังก็ไม่รู้จะมีบทนี้ทำไม โผล่มาแค่ตอนป่วยให้โกโบริได้เข้ามาดูแลกับตอนหลบระเบิดสองครั้ง ไม่มีบทพูดเลยด้วย ส่วนฝั่งญี่ปุ่นโอเคโดยเฉพาะหมออาสุมะเพื่อนโกโบริ ฉากจบเล่นดีมากขนลุกเลยค่ะ รับรู้ได้ถึงความเสียใจและเจ็บปวดที่ไม่สามารถช่วยโกโบริได้

อังศุมาลินรับบทโดยริชชี่ จากเสียงวิจารณ์หนาหูที่ได้ยินมาว่าเล่นไม่ดีเล่นแข็ง ดูแล้วส่วนตัวคิดว่าก็ไม่ขนาดนั้นนะคะ ก็เล่นแข็งบ้าง แววตาไม่ค่อยสื่ออารมณ์เท่าไหร่ ทำหน้ามุ่ยๆ อย่างเดียว เสียงพูดอะไรก็แปลกๆ อยู่ แต่โดยรวมเราว่าพอรับได้นะไม่ถึงกับแย่อะไรมาก หลายฉากใช้ได้เลย เช่น ฉากบนสะพานที่ระเบิดอารมณ์ใส่โกโบริ ตอนซ้อนจักรยานโกโบริที่เผลอซบแล้วรีบเด้งตัวขึ้นมานี่มันน่ารักจริงๆ ฉากท้ายๆ ที่ตามหาโกโบริทั่วสถานีรถไฟ ฉากจบที่ร้องไห้คร่ำครวญกับโกโบริ เล่นดีเลยทีเดียว ดูแล้วรับรู้ได้ถึงความเสียใจเจ็บปวดจริงๆ ค่ะ

โกโบริรับบทโดยณเดชน์ อย่างที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน เรื่องนี้ณเดชน์แบกไว้ทั้งหมด ถ้าไม่มีณเดชน์ก็จบจริงๆ เล่นดีมากๆ ตั้งแต่ดูเทรลเลอร์ก็รู้แล้วล่ะค่ะแต่พอได้ดูเต็มๆ ก็ทึ่งมาก เก่งจริงๆ ค่ะณเดชน์ ส่วนตัวไม่ใช่แฟนคลับแต่ติดตามผลงานและก็ชื่นชอบณเดชน์อยู่บ้าง รับรู้มาตลอดว่าณเดชน์นอกจากจะหล่อนิสัยดีแล้วยังมีความเป็นนักแสดงสูงด้วย เล่นดีมากจริงๆ ธรรมชาติมาก แม้บทพูดบางฉากจะทำร้ายณเดชน์แต่แอคติ้ง สีหน้าแววตาท่าทางทุกอย่าง เนียนไม่ขัดตาเลย พูดภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่นได้เป๊ะทุกฉากเลยด้วย มาดทหารคุยกับผู้บังคับบัญชาก็เป๊ะ ฉากที่ชอบเป็นพิเศษคือฉากปล้ำ ณเดชน์แสดงเทพมาก เป็นฉากที่ยาว เงียบ และน่าอึดอัดมาก แต่สามารถรับรู้ได้ถึงความสิ้นหวัง เว้าวอนขอความรักจากอัง อีกทั้งยังแสดงอาการยอมทุกอย่างให้แม่อังโดยการกอดเท้าเอาไว้อีก โถ พ่อดอกมะลิ น่าสงสารจริงๆ อีกฉากที่ชอบมากก็ตอนที่พูดว่าคุณมีเหตุผลของคุณ ผมมีหัวใจของผมก็พอแล้ว โกโบริยิ้มแบบเปี่ยมสุขมากจริงๆ เหมือนหลอกตัวเองว่าขอตักตวงความสุขไว้ก่อนถึงอังไม่รักก็ไม่เป็นไร เราร้องไห้ฉากนี้หนักมาก และมาร้องอีกทีก็ตอนจะตายนั่นล่ะค่ะ ฮือออออ T^T ขนาดไม่ค่อยอินกับความรักที่โกโบริมีต่ออังแต่อินการแสดงออกทั้งน้ำเสียงสีหน้าแววตาท่าทางของณเดชน์จริงๆ ค่ะ

4. ดนตรีประกอบ เพราะดีค่ะ แต่หลายฉากรู้สึกว่าไม่ควรมีก็ดันมี หลายฉากกลับรู้สึกว่าเงียบไป ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า ฮา ส่วนเพลงฮิเดะโกะเวอร์ชั่นผู้หญิงร้องที่ขึ้นมาในหนังเพราะมากค่ะ ตอนจบก็เพราะเช่นกัน

5. โปรดักชั่นและเอฟเฟ็คต์ ใช้ได้เลยค่ะ โปรดักชั่นดูลงทุน ฉากส่วนมากสวยอลังการดี โดยเฉพาะตอนแต่งงาน แต่บางทีคอสตูมแม่อังก็แปลกๆ นิดๆ หรือเปล่านะ แล้วก็เอฟเฟ็คต์แอบไม่เนียน แต่ก็พอรับได้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ

6. งานถ่ายภาพ ขอชมเลยว่าภาพสวยมาก มุมกล้องดี โทนสีของภาพสวย หลายฉากๆ องค์ประกอบศิลป์สวยอาร์ตมากๆ เป็นสิ่งที่ชอบมากของหนังเรื่องนี้ ฉากที่ชอบมากก็คือตอนท้าย ฉากที่โกโบริฟื้นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงแม่อังตะโกนเรียกให้คนช่วย ตอนนั้นดวงอาทิตย์ขึ้นพอดี โกโบริจึงเห็นเงาของแม่อังโดยมีดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้นเป็นฉากหลัง ฉากนั้นสวยและสื่อความหมายว่าแม่อังเป็น "ฮิเดโกะ" เป็นดวงอาทิตย์ เป็นแสงสว่างในชีวิตและหัวใจของโกโบริจริงๆ

โดยสรุปแล้ว เข้าใจเจตนาของผู้กำกับคนนี้ว่าอยากจะตีความบทประพันธ์ใหม่ ปรับให้เป็นหนังรักของวัยรุ่น จุดนี้ก็เข้าใจ และพยายามไม่คิดมากเรื่องการตัดสิ่งต่างๆ ออก ทั้งแม่อังเล่นขิม หิ่งห้อย ทางช้างเผือก อะไรต่างๆ นานาที่เป็นกิมมิคของต้นฉบับ แต่โดยรวมแล้ว หากตัดสิ่งเหล่านั้นออกไป ผู้กำกับก็ยังทำหนังเรื่องนี้ "ไม่ถึง" อยู่ดีค่ะ มองแค่เป็นหนังรัก ไม่ได้มองความเป็นคู่กรรม ก็ไม่ผ่านอะ อย่างที่บอกโดยส่วนตัวคิดว่าปัญหาใหญ่มากที่สุดของภาพยนตร์คู่กรรม 2013 นี้คือบทและการเล่าเรื่องการดำเนินเรื่องจริงๆ ซึ่งไร้ทิศทางไร้การปะติดปะต่อของเรื่องราว ไม่ใช่การดัดแปลงบทประพันธ์หรือการแสดงของนางเอกใหม่หรืออะไรหรอกค่ะ

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่า แม้จะผิดหวังและไม่ชอบหนังเรื่องนี้ แต่ก็เอาใจช่วยขอให้ได้รายได้เยอะๆ ขอให้ไม่ขาดทุน เพราะทราบมาว่าทุนสร้างสูงมาก เพราะไม่ใช่อะไร คือสงสารณเดชน์นั่นเอง ฮา ขอยืนยันอีกครั้งว่าหากอยากดูณเดชน์ก็จงอย่าลังเลเพราะคุ้มแน่นอน แต่อย่าคาดหวังอะไรกับเนื้อเรื่องเด็ดขาดค่ะ ถือเสียว่าไปดูงานสร้างอลังการ งานภาพอาร์ตๆ สวยๆ และณเดชน์ก็แล้วกัน ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่