จากเมื่อวานที่เราได้ไปดูคู่กรรมมา เราปล่อยวางก่อนเลย เพราะอยากเจอความสดใหม่ของหนังจริงๆ แล้วก็เจอค่ะ ความสดใหม่ที่ว่า คือ คู่กรรมเวอร์ชั่นนี้เค้าโครงหนัง เป็นการตีความใหม่ที่ ไม่ได้แตกต่างจากนิยายมากนะคะ ดีที่เราอ่านนิยายมาหลายรอบ การดำเนินเรื่อง 500 หน้าแรกที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว (เลยทำให้เราตามหนังทัน) แต่ก็คิดว่าคนที่ไม่เคยอ่าน ไม่เคยดูมาก่อน ก็ตามทันแหละ แต่ที่แตกต่างจากละครหรือหนังเวอร์ชั่นก่อน ที่โกโบริและอังสุมาลินจะดูมีบุคลิคขรึมๆ เป็นผู้ใหญ่ แต่ในของเวอร์ชันนี้ ทั้งโกโบริ และอังสุมาลินเป็นวัยรุ่น (มาก) ตัวละครเด่นๆ ก็เป็นช่วงวัยรุ่น ดังนั้นการแสดงความรักความรู้สึก ก็เลยจะดูตรงๆ ห้วนๆ บางครั้งดูก้าวร้าว บางครั้งสดใส น่ารัก กว่าเวอร์ชันก่อนๆ
ตอนที่เปิดเรื่องขึ้นมาเป็นชื่อเรื่อง “คู่กรรม” ที่ต่อท้ายด้วย โกโบริ อังศุมาลิน น่าจะแป็นสัญลักษณ์ของหนังนะคะ คิดว่าผู้กำกับอยากจะบอกว่าเลือกที่จะเล่าหนังของคนสองคน ในมุมของโกโบริ และอังศุมาลินเท่านั้น แต่มุมของการตีความใหม่ก็ยังมีเค้าโครงเรื่องไม่ต่างจากบทประพันธ์เดิม เพียงแต่จะเลือก และเน้นเจาะ ตัวโกโบริและอังศุมาลินมากกว่า ส่วนเรื่องแวดล้อมอื่นๆ ในบทประพันธ์ ก็เพียงเน้นให้ดูสมจริง และมาให้เห็นประปรายเท่านั้น มีคำพูด และสัญลักษณ์ หลายอย่าง ที่ทำให้รู้สึกว่า คู่กรรมเวอร์ชั่นนี้ไม่เหมือนเวอร์ชั่นไหน...อันนี้ต้องไปดูกัน แล้วมาช่วยกันวิเคราะห์เนอะ
บทบาทของโกโบริ และอังศุมาลิน ขอยกในส่วนของโกโบริก่อนนะคะ
ณเดชน์ ในบทของ โกโบริ เราไม่อยากพูด ไม่อยากอวยเพราะมีคนชื่นชมมากมาย แต่ขอบอกว่าน้อง “เล่นดีมาก” สมอยากเลยค่ะที่รอดูเรื่องนี้มานาน รู้สึกว่าได้ดูณเดชน์เต็มอิ่มก็เรื่องคู่กรรมนี้แหละค่ะ น้องสามารถทำให้เราเชื่อว่า เค้าคือ โกโบริ ทหารญี่ปุ่น เป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ บุคลิคลักษณะที่แสดงออกมาไม่หลุดคาแรคเตอร์เลย โดยเฉพาะฉากเลิฟซีน (อันนี้ขอ spoil) อยากถามว่าฉากนี้ทั้งผู้กำกับและทีมงานต้อง survey ข้อมูลในจุดนี้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งฉากนี้ทำให้เราเชื่อสนิทใจว่าณเดชน์ เป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ 5555!!!!!!
น้องริชชี่ ก็เป็นไปตามที่คิด เรื่องของบทอังศุมาลิน แต่ก็รู้สึกเห็นใจน้องริชชี่นะ คือเล่นกับณเดชน์ แล้วยังเป็นหนังฟอร์มยักษ์ด้วย ทางทีมงานน่าจะตีความบุคลิคตัวละคร “อังศุมาลิน” ให้เป็นแบบนี้ อันนี้คิดเอาเองนะคะ น้องริชชี่แสดงให้เป็นไปตามนั้นแล้วแหละ คือบุคลิคแม่อังจะแข็งมาก แต่จะมีอะไรในใจตลอดเวลา แต่มุมนี้ผู้กำกับก็ช่วยตีความให้คนดูเห็นว่า ตอนนี้แม่อังคิดไรอยู่...คิดว่าอันนี้ช่วยเสริมค่ะ โอเคเลย แต่สิ่งที่ทีมงานน่าจะเสริม คือ voice training ให้น้องริชชี่ เพราะทั้งเสียงน้อง ทั้งแววตาน้องที่ค่อนดุ เลยอาจจะทำให้หลายคนมองว่าน้องเล่นไม่ดี ประกอบกับว่าโกโบริ แม่อร คุณพ่อ วนัส แม้กระทั่งคุณหมอเคนเพื่อนโกโบริ ใช้น้ำเสียงได้ดีมากๆ มันเลยดูเห็นความแตกต่างชัดเจน....แต่เวลายิ้มน้องริชชี่น่ารักนะ เวลาที่พูดเพราะๆ ลงท้ายด้วย “ค่ะ” ในบางฉากเนี่ยโอเค ทั้งบุคลิคและน้ำเสียงดู soft ลงมาก ผู้กำกับ ต้องดึงเสน่ห์ความเป็นน้องออกมาให้ได้มากกว่านี้จริงๆ
ฉากระเบิดที่สะพานพุทธ ได้อารมณ์เหมือนหลุดเข้าไปในฉากด้วยเลย เพราะฉากนี้ คนในโรงเงียบมาก เงียบไปพร้อมๆ กับนักแสดงเลย และมีความรู้สึกว่าอยากวิ่งหนีระเบิดไปด้วย แต่ฉากนี้ก็ไม่ได้กดดันคนดูไปซะทีเดียว แอบมีแทรกเสียงฮาของคนในโรงได้เหมือนกัน
ต่อมาอีกฉากที่ทุกคนน่าจะอยากดูมาก คือฉากเลิฟซีน อันนี้ความรู้สึกแรกคือตื่นเต้น เหมือนแอบดูเค้าทำอะไรกันอ่ะ เพราะภาพใหญ่ซะขนาดนี้ 555 แต่สักพักเริ่มลุ้น บางช่วงเหมือนหายใจไม่ออกอ่ะ มันทั้งอึดอัด ทั้งตื่นเต้น ทั้งสยึยกึ้ย (ไปดูกันเอาเองนะ) มีทั้งแบบลูกล่อลูกชน ลูกฮึด และลูกอ้อนๆๆๆ เรามองไม่เห็นสิ่งรอบข้างของฉากนี้เลย เพราะมัวแต่มองหัวโกโบริ อย่างเดียว 5555 เป็นอีกฉากที่ออกแบบมาแปลกดี แต่ได้อารมณ์นะ อยากให้มีครบ 10 นาทีตามที่ผู้กำกับบอกครั้งแรก พูดได้คำเดียวว่า สยึยกึ้ย 555
ฉากเริ่มต้นที่โกโบริเจอกับอังศุมาลิน กับฉากจบที่โกโบริอยู่กับอังศุมาลินตอนก่อนตาย เราชอบนะ เราว่าได้ตอบโจทย์ความรักของโกโบริ ที่มีต่ออังศุมาลินเลยแหละ โกโบริไม่ขออะไรมากมาย แค่อยากเห็นสิ่งนี้ก่อนตาย...เท่านั้น แล้วเราก็ไปผุดประโยคเน้นๆ ประโยคนี้ขึ้นมา "แค่ผมอยากรู้ว่าคุณเคยรัก ผม บ้างไม๊" ว่าแล้วเราก็ร้องไห้ตั้งแต่หมอเคนเจอซากพระเอกแล้วอ่ะ 555
และอีกหลายๆ ฉาก ที่เราไม่ได้นำเสนอ เราคิดว่าบางคนอาจชอบและไม่ชอบมากน้อยต่างกัน เพียงขอให้ไปดูกับตาดีกว่าเนอะ การลำดับฉากในเรื่องอาจเร็วไปบ้าง เน้นไปบ้าง หรือบางฉากยังซาบซึ้งไม่สุดๆ เลย ก็ตัดไปฉากอื่นแล้ว อันนี้มีค่ะ แต่เราว่าก็แปลกใหม่ไม่ยืดเยื้อ เพราะเรื่องนี้คือหนังรักวัยรุ่นค่ะ อีกอย่างนึงที่เราเห็นความแปลกแตกต่างของเรื่องนี้ คือ บทพูดมักน้อย ไม่เยอะ แต่เน้นสื่อที่การกระทำ ใช้ภาพสื่อความหมาย และการใช้สายตาเพื่อแสดงออกของนักแสดงซะมากกว่า
เรื่องเพลงประกอบ นี่ขอ spoil นะ ไม่พูดถึงไม่ได้เลยเราชอบนะ ยิ่งตอนฉากตัดไปที่นางเอกนั่งคิดอะไรอยู่ที่ท่าน้ำ แล้วมีเพลงขึ้นมาประกอบ เสียงร้องของผู้หญิงหวานๆ เย็นๆ ซึ้งมากอ่ะ ส่วนเพลงซาวน์ประกอบยิ่งชอบ รู้สึกสนุกได้ เศร้าได้ ตรึงใจค่ะ ไม่รู้ว่าเพลงที่แสตมป์แต่งคือเพลงนี้หรือเปล่า ก็รอเปิดตัวพร้อมหนังวันที่ 4 เมษา อยู่เหมือนกัน อยากฟัง
พอไปดูมาแล้ว เราขอให้คะแนนความกล้ากับผู้กำกับนะ กล้าและท้าทายที่นำบทประพันธ์คู่กรรม มาทำเป็นหนังรักวัยรุ่น ที่คนส่วนมากได้อ่าน ได้รับรู้ ได้ดู และมีภาพฝังใจในความคิดว่า คู่กรรม โกโบริ อังศุมาลิน ต้องเป็นแบบนี้ๆๆ แต่ผู้กำกับกล้าที่จะฉีกภาพนั้นออกไปอีกว่ายังมีอีกมุมนะ เป็นมุมแบบนี้แหละ อยากให้เห็นมุมมองใหม่ และความตั้งใจในการทำงาน แต่ละฉากไม่ใช่มีแค่บ้าน อู่ต่อเรือ ท้องร่อง หรืออะไรต่างๆ แต่มันมีการเซ็ตฉากที่อลังการหลายๆ ฉาก เช่น ฉากระเบิดสะพานพุทธ ฉากแต่งงาน ฉากรถไฟ แต่บางฉากที่เล็กๆ เช่นบังเกอร์ในท้องร่อง มันก็มีฉากน่ารักๆ ได้อีกอ่ะ
แต่ส่วนตัวชอบบรรยากาศบ้านของอังศุมาลินนะคะ มันดูเข้ากับบรรยากาศท่าน้ำ แล้วก็คลองหน้าบ้านของเธอ อีกอันคือ โทนสีของหนังและมุมมองภาพ ดีเลยอ่ะค่ะ หรือเราจะรักสไตล์หนังพี่เรียวเนี่ย เพราะคู่กรรมเวอร์ชั่นนี้มันท้าทาย ชวนเชิญให้เราอยากดูเพราะพี่เรียวกำกับนี่แหละค่ะ อยากรู้มากว่าจะออกมาแบบไหน โดยเฉพาะโกโบริ และวนัส อันนี้แคสได้ชอบใจมาก
สุดท้ายแล้ว คู่กรรม 2013 ฉบับณเดชน์ ริชชี่ นี้ถือเป็นหนังไทยที่ตั้งใจผลิตมากๆ ถ้าไปดูแล้วเปิดใจยอมรับการตีความแบบใหม่ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียปนๆ กันไปก็จะทำให้ดูหนังได้สนุก และมีอรรถรสขึ้นค่ะ ส่วนคนที่กำลังลังเลว่าจะดูดีมั้ย อันนี้ขึ้นอยู่กับท่านเลยค่ะ เราเพียงเขียนเพื่อเปิดมุมมองในแบบของเราที่ไปดูมาแล้ว ในมุมของคนดูหนังทั่วๆ ไป ในมุมของคนรักหนังไทย และให้กำลังใจคนทำหนังไทยต่อๆ ไปค่ะ
4 เมษายน พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่เราจะได้ดูคู่กรรม---ความรู้สึกต่อภาพยนตร์คู่กรรมที่ได้ไปดูมาแล้ว
ตอนที่เปิดเรื่องขึ้นมาเป็นชื่อเรื่อง “คู่กรรม” ที่ต่อท้ายด้วย โกโบริ อังศุมาลิน น่าจะแป็นสัญลักษณ์ของหนังนะคะ คิดว่าผู้กำกับอยากจะบอกว่าเลือกที่จะเล่าหนังของคนสองคน ในมุมของโกโบริ และอังศุมาลินเท่านั้น แต่มุมของการตีความใหม่ก็ยังมีเค้าโครงเรื่องไม่ต่างจากบทประพันธ์เดิม เพียงแต่จะเลือก และเน้นเจาะ ตัวโกโบริและอังศุมาลินมากกว่า ส่วนเรื่องแวดล้อมอื่นๆ ในบทประพันธ์ ก็เพียงเน้นให้ดูสมจริง และมาให้เห็นประปรายเท่านั้น มีคำพูด และสัญลักษณ์ หลายอย่าง ที่ทำให้รู้สึกว่า คู่กรรมเวอร์ชั่นนี้ไม่เหมือนเวอร์ชั่นไหน...อันนี้ต้องไปดูกัน แล้วมาช่วยกันวิเคราะห์เนอะ
บทบาทของโกโบริ และอังศุมาลิน ขอยกในส่วนของโกโบริก่อนนะคะ
ณเดชน์ ในบทของ โกโบริ เราไม่อยากพูด ไม่อยากอวยเพราะมีคนชื่นชมมากมาย แต่ขอบอกว่าน้อง “เล่นดีมาก” สมอยากเลยค่ะที่รอดูเรื่องนี้มานาน รู้สึกว่าได้ดูณเดชน์เต็มอิ่มก็เรื่องคู่กรรมนี้แหละค่ะ น้องสามารถทำให้เราเชื่อว่า เค้าคือ โกโบริ ทหารญี่ปุ่น เป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ บุคลิคลักษณะที่แสดงออกมาไม่หลุดคาแรคเตอร์เลย โดยเฉพาะฉากเลิฟซีน (อันนี้ขอ spoil) อยากถามว่าฉากนี้ทั้งผู้กำกับและทีมงานต้อง survey ข้อมูลในจุดนี้ด้วยหรือเปล่า ซึ่งฉากนี้ทำให้เราเชื่อสนิทใจว่าณเดชน์ เป็นคนญี่ปุ่นจริงๆ 5555!!!!!!
น้องริชชี่ ก็เป็นไปตามที่คิด เรื่องของบทอังศุมาลิน แต่ก็รู้สึกเห็นใจน้องริชชี่นะ คือเล่นกับณเดชน์ แล้วยังเป็นหนังฟอร์มยักษ์ด้วย ทางทีมงานน่าจะตีความบุคลิคตัวละคร “อังศุมาลิน” ให้เป็นแบบนี้ อันนี้คิดเอาเองนะคะ น้องริชชี่แสดงให้เป็นไปตามนั้นแล้วแหละ คือบุคลิคแม่อังจะแข็งมาก แต่จะมีอะไรในใจตลอดเวลา แต่มุมนี้ผู้กำกับก็ช่วยตีความให้คนดูเห็นว่า ตอนนี้แม่อังคิดไรอยู่...คิดว่าอันนี้ช่วยเสริมค่ะ โอเคเลย แต่สิ่งที่ทีมงานน่าจะเสริม คือ voice training ให้น้องริชชี่ เพราะทั้งเสียงน้อง ทั้งแววตาน้องที่ค่อนดุ เลยอาจจะทำให้หลายคนมองว่าน้องเล่นไม่ดี ประกอบกับว่าโกโบริ แม่อร คุณพ่อ วนัส แม้กระทั่งคุณหมอเคนเพื่อนโกโบริ ใช้น้ำเสียงได้ดีมากๆ มันเลยดูเห็นความแตกต่างชัดเจน....แต่เวลายิ้มน้องริชชี่น่ารักนะ เวลาที่พูดเพราะๆ ลงท้ายด้วย “ค่ะ” ในบางฉากเนี่ยโอเค ทั้งบุคลิคและน้ำเสียงดู soft ลงมาก ผู้กำกับ ต้องดึงเสน่ห์ความเป็นน้องออกมาให้ได้มากกว่านี้จริงๆ
ฉากระเบิดที่สะพานพุทธ ได้อารมณ์เหมือนหลุดเข้าไปในฉากด้วยเลย เพราะฉากนี้ คนในโรงเงียบมาก เงียบไปพร้อมๆ กับนักแสดงเลย และมีความรู้สึกว่าอยากวิ่งหนีระเบิดไปด้วย แต่ฉากนี้ก็ไม่ได้กดดันคนดูไปซะทีเดียว แอบมีแทรกเสียงฮาของคนในโรงได้เหมือนกัน
ต่อมาอีกฉากที่ทุกคนน่าจะอยากดูมาก คือฉากเลิฟซีน อันนี้ความรู้สึกแรกคือตื่นเต้น เหมือนแอบดูเค้าทำอะไรกันอ่ะ เพราะภาพใหญ่ซะขนาดนี้ 555 แต่สักพักเริ่มลุ้น บางช่วงเหมือนหายใจไม่ออกอ่ะ มันทั้งอึดอัด ทั้งตื่นเต้น ทั้งสยึยกึ้ย (ไปดูกันเอาเองนะ) มีทั้งแบบลูกล่อลูกชน ลูกฮึด และลูกอ้อนๆๆๆ เรามองไม่เห็นสิ่งรอบข้างของฉากนี้เลย เพราะมัวแต่มองหัวโกโบริ อย่างเดียว 5555 เป็นอีกฉากที่ออกแบบมาแปลกดี แต่ได้อารมณ์นะ อยากให้มีครบ 10 นาทีตามที่ผู้กำกับบอกครั้งแรก พูดได้คำเดียวว่า สยึยกึ้ย 555
ฉากเริ่มต้นที่โกโบริเจอกับอังศุมาลิน กับฉากจบที่โกโบริอยู่กับอังศุมาลินตอนก่อนตาย เราชอบนะ เราว่าได้ตอบโจทย์ความรักของโกโบริ ที่มีต่ออังศุมาลินเลยแหละ โกโบริไม่ขออะไรมากมาย แค่อยากเห็นสิ่งนี้ก่อนตาย...เท่านั้น แล้วเราก็ไปผุดประโยคเน้นๆ ประโยคนี้ขึ้นมา "แค่ผมอยากรู้ว่าคุณเคยรัก ผม บ้างไม๊" ว่าแล้วเราก็ร้องไห้ตั้งแต่หมอเคนเจอซากพระเอกแล้วอ่ะ 555
และอีกหลายๆ ฉาก ที่เราไม่ได้นำเสนอ เราคิดว่าบางคนอาจชอบและไม่ชอบมากน้อยต่างกัน เพียงขอให้ไปดูกับตาดีกว่าเนอะ การลำดับฉากในเรื่องอาจเร็วไปบ้าง เน้นไปบ้าง หรือบางฉากยังซาบซึ้งไม่สุดๆ เลย ก็ตัดไปฉากอื่นแล้ว อันนี้มีค่ะ แต่เราว่าก็แปลกใหม่ไม่ยืดเยื้อ เพราะเรื่องนี้คือหนังรักวัยรุ่นค่ะ อีกอย่างนึงที่เราเห็นความแปลกแตกต่างของเรื่องนี้ คือ บทพูดมักน้อย ไม่เยอะ แต่เน้นสื่อที่การกระทำ ใช้ภาพสื่อความหมาย และการใช้สายตาเพื่อแสดงออกของนักแสดงซะมากกว่า
เรื่องเพลงประกอบ นี่ขอ spoil นะ ไม่พูดถึงไม่ได้เลยเราชอบนะ ยิ่งตอนฉากตัดไปที่นางเอกนั่งคิดอะไรอยู่ที่ท่าน้ำ แล้วมีเพลงขึ้นมาประกอบ เสียงร้องของผู้หญิงหวานๆ เย็นๆ ซึ้งมากอ่ะ ส่วนเพลงซาวน์ประกอบยิ่งชอบ รู้สึกสนุกได้ เศร้าได้ ตรึงใจค่ะ ไม่รู้ว่าเพลงที่แสตมป์แต่งคือเพลงนี้หรือเปล่า ก็รอเปิดตัวพร้อมหนังวันที่ 4 เมษา อยู่เหมือนกัน อยากฟัง
พอไปดูมาแล้ว เราขอให้คะแนนความกล้ากับผู้กำกับนะ กล้าและท้าทายที่นำบทประพันธ์คู่กรรม มาทำเป็นหนังรักวัยรุ่น ที่คนส่วนมากได้อ่าน ได้รับรู้ ได้ดู และมีภาพฝังใจในความคิดว่า คู่กรรม โกโบริ อังศุมาลิน ต้องเป็นแบบนี้ๆๆ แต่ผู้กำกับกล้าที่จะฉีกภาพนั้นออกไปอีกว่ายังมีอีกมุมนะ เป็นมุมแบบนี้แหละ อยากให้เห็นมุมมองใหม่ และความตั้งใจในการทำงาน แต่ละฉากไม่ใช่มีแค่บ้าน อู่ต่อเรือ ท้องร่อง หรืออะไรต่างๆ แต่มันมีการเซ็ตฉากที่อลังการหลายๆ ฉาก เช่น ฉากระเบิดสะพานพุทธ ฉากแต่งงาน ฉากรถไฟ แต่บางฉากที่เล็กๆ เช่นบังเกอร์ในท้องร่อง มันก็มีฉากน่ารักๆ ได้อีกอ่ะ
แต่ส่วนตัวชอบบรรยากาศบ้านของอังศุมาลินนะคะ มันดูเข้ากับบรรยากาศท่าน้ำ แล้วก็คลองหน้าบ้านของเธอ อีกอันคือ โทนสีของหนังและมุมมองภาพ ดีเลยอ่ะค่ะ หรือเราจะรักสไตล์หนังพี่เรียวเนี่ย เพราะคู่กรรมเวอร์ชั่นนี้มันท้าทาย ชวนเชิญให้เราอยากดูเพราะพี่เรียวกำกับนี่แหละค่ะ อยากรู้มากว่าจะออกมาแบบไหน โดยเฉพาะโกโบริ และวนัส อันนี้แคสได้ชอบใจมาก
สุดท้ายแล้ว คู่กรรม 2013 ฉบับณเดชน์ ริชชี่ นี้ถือเป็นหนังไทยที่ตั้งใจผลิตมากๆ ถ้าไปดูแล้วเปิดใจยอมรับการตีความแบบใหม่ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสียปนๆ กันไปก็จะทำให้ดูหนังได้สนุก และมีอรรถรสขึ้นค่ะ ส่วนคนที่กำลังลังเลว่าจะดูดีมั้ย อันนี้ขึ้นอยู่กับท่านเลยค่ะ เราเพียงเขียนเพื่อเปิดมุมมองในแบบของเราที่ไปดูมาแล้ว ในมุมของคนดูหนังทั่วๆ ไป ในมุมของคนรักหนังไทย และให้กำลังใจคนทำหนังไทยต่อๆ ไปค่ะ