จากตอนที่แล้วที่หนูติ่งกับแก๊งค์ทหารบนรถบรรทุก 4 คนจับพลัดจับผลูเข้ามาช่วยบรรดาผู้ประสบภัยที่ถูกผู้ก่อการร้ายไล่ฆ่าในตอนก่อน
แก๊งค์ทหาร 4 คนเอารถบรรทุกกับข้าวของกองลังในรถมาตั้งเป็นที่กำบังล้อมรอบกลุ่มตัวเองไว้ แล้วคอยไล่ยิงเก็บพวกหน่วยพลปืนฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่ออกันอยู่รอบตัว ส่วนพวกหน่วยนักดาบก็ปล่อยให้หนูติ่งควงอีดาบอีซอร์ดเบรกเกอร์ไล่สับกันไป
ทว่า กำลังฝ่ายผู้ก่อการร้ายยิ่งมายิ่งหนุนเนื่อง ยิงตายเชือดตายไปเท่าไหร่ก็ยิ่งโดนสวนกลับมาหนักเท่านั้น
แม้ช่วงแรกจะอาศัยความได้เปรียบจากการจู่โจมกะทันหันท่ามกลางความมืดเล่นงานพวกมันได้ แต่เมื่อพวกก่อการร้ายหายตกใจและเริ่มตั้งตัวติด ความเสียเปรียบจากกำลังพลที่ต่างกันก็เริ่มแสดงให้เห็นทันที (ขนาดไอ้หัวหน้าหน่วยยังแอบคิดในตอนนี้เลยว่า
"ยังไงก็สู้ไม่ได้" "ฟ้าสางเมื่อไหร่ได้ตายกันหมดแน่" "เตรียมหาทางหนีทิ้งไอ้พวกนี้ไว้เป็นเหยื่อดีกว่า")
แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นหนูติ่ง ที่ควงอีดาบอีซอร์ดเบรกเกอร์ท่ามกลางการกลุ้มรุมผู้ก่อการร้ายอยู่คนเดียวมาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว ซ้ำยังต้องรบอย่างนางสิงห์แม่ลูกอ่อนคอยปกป้องคนที่ยังไม่ตายไปด้วยนี่แหละ
ท่ามกลางสถานการณ์ของฝ่ายหนูติ่งที่เริ่มตกเป็นรองแล้วนั้นเอง...ปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้นในที่สุด
การปรากฏตัวของอลิซสร้างความตื้นตันให้กับหนูติ่งเป็นอย่างมาก เด็กสาวเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่ตนเคยทั้งชื่นชม ทั้งเคารพบูชา และเคียดแค้นชิงชังในขณะเดียวกันด้วยสายตาวิงวอน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า
หนูติ่ง
"ดิชั้น...พยายามแล้วค่ะ...แต่สุดท้าย...ก็ยังทำอะไรไม่ได้...สุดท้าย...ก็ยังไม่พออยู่ดี...ทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย...อย่างไร้ค่า"
หนูติ่ง
"แค่ดิชั้นคนเดียว...ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ..."
หนูติ่ง
"ดังนั้น...ได้โปรดเถอะค่ะ..."
หนูติ่ง
"ได้โปรดแสดงความเป็นวีรสตรีที่นี่เถอะค่ะ"
หนูติ่ง
"ได้โปรดช่วยผู้คนเหล่านี้จากผู้ก่อการร้ายพวกนี้ด้วยเถอะค่ะ"
ต่อคำวิงวอนของหนูติ่งนั้น อลิซเพียงแต่แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวว่า
อลิซ
"เจ้าหน้าที่ทหารชั้นสามเฮอร์เกนไมเยอร์" (
หมายเหตุ - เฮอร์เกนไมเยอร์ = ชื่อจริงของหนูติ่งครับ)
อลิซ
"คำว่าวีรบุรุษวีรสตรีอะไรนั่นน่ะ...มันคือคำที่ตัวเธอ...กับพวกเธอทุกคน...นึกอยากพูดกันไปเองต่างหาก..."
อลิซ
"หากจะนับว่าทุกคนที่ 'ทุ่มเท' ชีวิตทั้งชีวิตของตนอย่างเต็มที่ว่าเป็นวีรบุรุษวีรสตรีแล้วละก็..."
อลิซ
"ทุกคนไม่ว่าใคร...ก็ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษวีรสตรีกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ..."
และพร้อมๆ กับที่แสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้าอันเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่นั้นเอง อลิซก็ประกาศว่า
อลิซ
"คุณเฮอร์เกนไมเยอร์ ฉันขอสัญญา"
อลิซ
"ฉันจะเป็นวีรตรี และจะประกาศนามแห่งความยุติธรรมนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
คำประกาศอย่างอหังการดุจนางสิงห์ สร้างความโกรธแค้นให้แก่ฝูงผู้ก่อการร้ายอย่างมาก ต่างยกปืนขึ้นประทับบ่าเล็งยิงเข้าใส่อลิซในทันที
เลยเจออลิซโชว์เมพโยกหลบบนหลังม้าให้ดูซะ
และพร้อมๆ กับคำปฏิญาณ
"วันนี้คือวันตายท่ามกลางสมรภูมิของข้า" นั้นเอง
นางสิงห์แห่งตระกูลมาร์วินก็กระทืบโกลนสั่ง
"เอส" ม้าศึกคู่ใจของตนให้เผ่นโผนเข้าหาฝูงไฮยีน่าผู้ก่อการร้ายที่รายล้อมทันที
เสียงร้องโหยหวนอย่างตกใจกลัวและเจ็บปวดของเหล่าผู้ก่อการร้ายพลันดังระงมขึ้นในบัดนั้น หญิงสาวกระตุ้นเตือนม้าคู่ใจของตน...ที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายและเจนศึกเสมอด้วย
"บูเซฟาลัส" อาชาศึกคู่พระทัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช...เผ่นโผนหกหน้าหลังอยู่ท่ามกลางหน่วยนักดาบของผู้ก่อการร้าย กีบเท้าอันแข็งแกร่งทั้งเตะ ทั้งเหวี่ยง ทั้งกระทืบออกไปทุกทิศทาง บดขยี้กะโหลกของผู้ก่อการร้ายทุกคนในรัศมีจนแหลกละเอียด ขณะที่
"Mähne (ขนคอสิงห์)" ดาบสองปลายอันลือชื่อก็ตวัดกวาดออกไปรอบข้างอันเป็นจุดบอดของม้า ปลิดศีรษะของเหล่าผู้ก่อการร้ายได้เป็นหัวๆ
ความเทพของเอส ม้าศึกของอลิซ
อารมณ์ของไอ้ผู้ก่อการร้ายที่โดนกระทืบในภาพนี้คงเหมือนไอ้หนุ่มที่สลัดปืนจะยิงสวนหน้าใส่แรดเพราะนึกว่าตัวใหญ่คงช้า แต่พอรู้ตัวอีกทีนอแรดก็มาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นแล
พอคิดจะเข้าใกล้ก็เจอ
"ขนคอสิงห์" กวาดเอาจนร่วงเป็นแถบๆ
เรียกว่าจุดบอดแทบจะไม่มีเลยจริงๆ ถ้าฝ่ายพลปืนไม่ตั้งสติให้ดีๆ แล้วตั้งแผงยิงถล่มใส่ละก็แทบจะไม่มีทางทำอะไรได้แหงๆ
อ่านตอนนี้แล้วโคตรลุ้นตอนต่อไปเลยแฮะ ว่าอลิซจะยันพวกนี้ไว้ได้อีกนานแค่ไหน กว่าที่ความช่วยเหลือฝั่งอื่นๆ จะมาถึง เพราะดูยังไงนี่มันก็สงครามฆ่าตัวตายแบบศึกอลาโมไม่ก็ศึกที่ช่องเขาเธอร์โมฟิเล (ในหนังเรื่อง 300 นั่นแหละ) ไม่มีผิด จำนวนคนต่างกันขนาดนี้ แถมยังหอบกันโครงรวนขนาดนั้น ดูยังไงก็ไม่มีทางเลยจริงๆ (ขนาดอลิซยังเตรียมใจไว้เลยว่าครั้งนี้ตัวเองคงจะ
"ตายในสนามรบ" แน่ๆ)
แต่อย่างน้อยก็ดีอย่างนึงละ เพราะจะได้เห็นบักแรนเดลออกโรงมาช่วยเจ้าหญิงได้เท่ๆ มากขึ้น
ชอบบทพูดที่อลิซบอกกับหนูติ่งในตอนนี้เลยแฮะ เรื่องที่ว่าทุกคนมีโอกาสเป็นวีรบุรุษรึวีรสตรีได้เหมือนกันทั้งนั้น หากทุ่มเทชีวิตเพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น ปกป้องผู้อ่อนแอได้ละก็ อย่างน้อยก็คงทำให้หนูติ่งได้ตาสว่างกับอะไรหลายๆ อย่างขึ้นอีกเยอะเลยแฮะ
รอดูตอนหน้าโลดละครับว่างานนี้จะมีอะไรมาให้มันส์กันต่อไป
อนึ่ง
"เอส" ม้าศึกของอลิซนี่อย่างโหดเลยแฮะ ยิ่งเห็นหน้าโคลสอัพใกล้ๆ แล้วยิ่งโหดสัดๆ เข้าไปใหญ่
[Spoil] ตะไกรไชฟักทอง (Pumpkin Scissors) #89 - สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "วีรบุรุษ"
แก๊งค์ทหาร 4 คนเอารถบรรทุกกับข้าวของกองลังในรถมาตั้งเป็นที่กำบังล้อมรอบกลุ่มตัวเองไว้ แล้วคอยไล่ยิงเก็บพวกหน่วยพลปืนฝ่ายผู้ก่อการร้ายที่ออกันอยู่รอบตัว ส่วนพวกหน่วยนักดาบก็ปล่อยให้หนูติ่งควงอีดาบอีซอร์ดเบรกเกอร์ไล่สับกันไป
ทว่า กำลังฝ่ายผู้ก่อการร้ายยิ่งมายิ่งหนุนเนื่อง ยิงตายเชือดตายไปเท่าไหร่ก็ยิ่งโดนสวนกลับมาหนักเท่านั้น
แม้ช่วงแรกจะอาศัยความได้เปรียบจากการจู่โจมกะทันหันท่ามกลางความมืดเล่นงานพวกมันได้ แต่เมื่อพวกก่อการร้ายหายตกใจและเริ่มตั้งตัวติด ความเสียเปรียบจากกำลังพลที่ต่างกันก็เริ่มแสดงให้เห็นทันที (ขนาดไอ้หัวหน้าหน่วยยังแอบคิดในตอนนี้เลยว่า "ยังไงก็สู้ไม่ได้" "ฟ้าสางเมื่อไหร่ได้ตายกันหมดแน่" "เตรียมหาทางหนีทิ้งไอ้พวกนี้ไว้เป็นเหยื่อดีกว่า")
แต่ที่หนักที่สุดเห็นจะเป็นหนูติ่ง ที่ควงอีดาบอีซอร์ดเบรกเกอร์ท่ามกลางการกลุ้มรุมผู้ก่อการร้ายอยู่คนเดียวมาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว ซ้ำยังต้องรบอย่างนางสิงห์แม่ลูกอ่อนคอยปกป้องคนที่ยังไม่ตายไปด้วยนี่แหละ
ท่ามกลางสถานการณ์ของฝ่ายหนูติ่งที่เริ่มตกเป็นรองแล้วนั้นเอง...ปาฏิหาริย์ก็บังเกิดขึ้นในที่สุด
การปรากฏตัวของอลิซสร้างความตื้นตันให้กับหนูติ่งเป็นอย่างมาก เด็กสาวเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่ตนเคยทั้งชื่นชม ทั้งเคารพบูชา และเคียดแค้นชิงชังในขณะเดียวกันด้วยสายตาวิงวอน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า
หนูติ่ง "ดิชั้น...พยายามแล้วค่ะ...แต่สุดท้าย...ก็ยังทำอะไรไม่ได้...สุดท้าย...ก็ยังไม่พออยู่ดี...ทำให้ผู้คนมากมายต้องตาย...อย่างไร้ค่า"
หนูติ่ง "แค่ดิชั้นคนเดียว...ทำอะไรไม่ได้เลยค่ะ..."
หนูติ่ง "ดังนั้น...ได้โปรดเถอะค่ะ..."
หนูติ่ง "ได้โปรดแสดงความเป็นวีรสตรีที่นี่เถอะค่ะ"
หนูติ่ง "ได้โปรดช่วยผู้คนเหล่านี้จากผู้ก่อการร้ายพวกนี้ด้วยเถอะค่ะ"
ต่อคำวิงวอนของหนูติ่งนั้น อลิซเพียงแต่แย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน แล้วกล่าวว่า
อลิซ "เจ้าหน้าที่ทหารชั้นสามเฮอร์เกนไมเยอร์" (หมายเหตุ - เฮอร์เกนไมเยอร์ = ชื่อจริงของหนูติ่งครับ)
อลิซ "คำว่าวีรบุรุษวีรสตรีอะไรนั่นน่ะ...มันคือคำที่ตัวเธอ...กับพวกเธอทุกคน...นึกอยากพูดกันไปเองต่างหาก..."
อลิซ "หากจะนับว่าทุกคนที่ 'ทุ่มเท' ชีวิตทั้งชีวิตของตนอย่างเต็มที่ว่าเป็นวีรบุรุษวีรสตรีแล้วละก็..."
อลิซ "ทุกคนไม่ว่าใคร...ก็ล้วนแต่เป็นวีรบุรุษวีรสตรีกันทั้งนั้นไม่ใช่หรือ..."
และพร้อมๆ กับที่แสงเงินแสงทองเริ่มจับขอบฟ้าอันเป็นสัญญาณเริ่มต้นวันใหม่นั้นเอง อลิซก็ประกาศว่า
อลิซ "คุณเฮอร์เกนไมเยอร์ ฉันขอสัญญา"
อลิซ "ฉันจะเป็นวีรตรี และจะประกาศนามแห่งความยุติธรรมนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
คำประกาศอย่างอหังการดุจนางสิงห์ สร้างความโกรธแค้นให้แก่ฝูงผู้ก่อการร้ายอย่างมาก ต่างยกปืนขึ้นประทับบ่าเล็งยิงเข้าใส่อลิซในทันที
เลยเจออลิซโชว์เมพโยกหลบบนหลังม้าให้ดูซะ
และพร้อมๆ กับคำปฏิญาณ "วันนี้คือวันตายท่ามกลางสมรภูมิของข้า" นั้นเอง
นางสิงห์แห่งตระกูลมาร์วินก็กระทืบโกลนสั่ง "เอส" ม้าศึกคู่ใจของตนให้เผ่นโผนเข้าหาฝูงไฮยีน่าผู้ก่อการร้ายที่รายล้อมทันที
เสียงร้องโหยหวนอย่างตกใจกลัวและเจ็บปวดของเหล่าผู้ก่อการร้ายพลันดังระงมขึ้นในบัดนั้น หญิงสาวกระตุ้นเตือนม้าคู่ใจของตน...ที่ขึ้นชื่อว่าดุร้ายและเจนศึกเสมอด้วย "บูเซฟาลัส" อาชาศึกคู่พระทัยของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช...เผ่นโผนหกหน้าหลังอยู่ท่ามกลางหน่วยนักดาบของผู้ก่อการร้าย กีบเท้าอันแข็งแกร่งทั้งเตะ ทั้งเหวี่ยง ทั้งกระทืบออกไปทุกทิศทาง บดขยี้กะโหลกของผู้ก่อการร้ายทุกคนในรัศมีจนแหลกละเอียด ขณะที่ "Mähne (ขนคอสิงห์)" ดาบสองปลายอันลือชื่อก็ตวัดกวาดออกไปรอบข้างอันเป็นจุดบอดของม้า ปลิดศีรษะของเหล่าผู้ก่อการร้ายได้เป็นหัวๆ
ความเทพของเอส ม้าศึกของอลิซ
อารมณ์ของไอ้ผู้ก่อการร้ายที่โดนกระทืบในภาพนี้คงเหมือนไอ้หนุ่มที่สลัดปืนจะยิงสวนหน้าใส่แรดเพราะนึกว่าตัวใหญ่คงช้า แต่พอรู้ตัวอีกทีนอแรดก็มาจ่ออยู่ตรงหน้าแล้วนั่นแล
พอคิดจะเข้าใกล้ก็เจอ "ขนคอสิงห์" กวาดเอาจนร่วงเป็นแถบๆ
เรียกว่าจุดบอดแทบจะไม่มีเลยจริงๆ ถ้าฝ่ายพลปืนไม่ตั้งสติให้ดีๆ แล้วตั้งแผงยิงถล่มใส่ละก็แทบจะไม่มีทางทำอะไรได้แหงๆ
อ่านตอนนี้แล้วโคตรลุ้นตอนต่อไปเลยแฮะ ว่าอลิซจะยันพวกนี้ไว้ได้อีกนานแค่ไหน กว่าที่ความช่วยเหลือฝั่งอื่นๆ จะมาถึง เพราะดูยังไงนี่มันก็สงครามฆ่าตัวตายแบบศึกอลาโมไม่ก็ศึกที่ช่องเขาเธอร์โมฟิเล (ในหนังเรื่อง 300 นั่นแหละ) ไม่มีผิด จำนวนคนต่างกันขนาดนี้ แถมยังหอบกันโครงรวนขนาดนั้น ดูยังไงก็ไม่มีทางเลยจริงๆ (ขนาดอลิซยังเตรียมใจไว้เลยว่าครั้งนี้ตัวเองคงจะ "ตายในสนามรบ" แน่ๆ)
แต่อย่างน้อยก็ดีอย่างนึงละ เพราะจะได้เห็นบักแรนเดลออกโรงมาช่วยเจ้าหญิงได้เท่ๆ มากขึ้น
ชอบบทพูดที่อลิซบอกกับหนูติ่งในตอนนี้เลยแฮะ เรื่องที่ว่าทุกคนมีโอกาสเป็นวีรบุรุษรึวีรสตรีได้เหมือนกันทั้งนั้น หากทุ่มเทชีวิตเพื่อสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่น ปกป้องผู้อ่อนแอได้ละก็ อย่างน้อยก็คงทำให้หนูติ่งได้ตาสว่างกับอะไรหลายๆ อย่างขึ้นอีกเยอะเลยแฮะ
รอดูตอนหน้าโลดละครับว่างานนี้จะมีอะไรมาให้มันส์กันต่อไป
อนึ่ง "เอส" ม้าศึกของอลิซนี่อย่างโหดเลยแฮะ ยิ่งเห็นหน้าโคลสอัพใกล้ๆ แล้วยิ่งโหดสัดๆ เข้าไปใหญ่