ดีเอสไอ เตรียมสรุปสำนวนคดี "ฉาย บุนนาค กับพวก" ปั่นหุ้น คดีแรก ก.ล.ต.กล่าวโทษปี 2555 ยันไม่ล่าช้า เหตุรายละเอียดมาก ขณะที่อีกคดีรอหลักฐานจาก ก.ล.ต. ด้านราคาหุ้นกลุ่มไมด้าร่วง ขณะผู้บริหารแจงไม่เกี่ยวกับบริษัท เป็นเรื่องของนักลงทุน ยันบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายฉาย บุนนาค กับพวกคดีสร้างราคาหุ้นตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
"เร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนจะทยอยสรุปสำนวนสั่งฟ้อง"
ทั้งนี้ ก.ล.ต. กล่าวโทษนายฉายกับพวก รวม 15 คน เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2555 โดยมีพฤติกรรมสร้างราคาหุ้นจำนวน 12 หลักทรัพย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ก.ล.ต.กล่าวโทษ นายฉาย บุนนาคกับพวกรวม 13 ราย ซึ่งเป็นคดีที่สอง ในข้อเดียวกันว่าเป็นผู้รู้เห็นและสนับสนุนในการสร้างราคาหลักทรัพย์ไมด้าลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในปี 2551 และ 2553 และบริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในปี 2553 ว่า ในส่วนของบริษัทไมด้า ลิสซิ่ง ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ และยืนยันว่าไม่ได้ทำคดีล่าช้า เพราะว่าก.ล.ต.เพิ่งส่งข้อมูลเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษและส่งข้อมูลให้ดีเอสไอสอบสวนเมื่อปี 2555 หลังตรวจพบการปั่นหุ้นของกลุ่มบุคคลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551-2555
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นคดีไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อน แต่การปั่นหุ้นของนายฉายกับพวกพบว่ามีการซื้อขายหุ้นที่ ก.ล.ต. ระบุว่า มีการปั่นหุ้นหลายตัวและมีผู้ที่อยู่ในข่ายร่วมกันซื้อขายหุ้นหลายราย จึงทำให้คดีมีรายละเอียดค่อนข้างมาก บางคดีผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษมีพฤติการณ์ปั่นหุ้น 5-6 ตัว โดยคดีในส่วนแรกที่ส่งมาให้ได้แยกเป็นสำนวนคดี 5 คดี
นอกจากนี้ดีเอสไอต้องใช้เวลาในการติดตามพยานบางปาก เนื่องจากมีการให้การกับ ก.ล.ต. ไม่ตรงกันกับที่เคยให้การไว้กับดีเอสไอจึงทำให้ต้องเสียเวลาในการไล่สอบปากคำพยานใหม่
ส่วนคดีล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. นั้น พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า ก.ล.ต.จะส่งมาเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานใดๆ คาดว่าอยู่ระหว่างการประสานงานระหว่างหน่วยงาน
ผู้บริหารแจงไม่เกี่ยวบริษัท
ด้าน นายธีรวัฒน์ เกียรติสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ถือหุ้นถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษนั้น มองว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เพราะเป็นเรื่องของนักลงทุน และเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีมานานหลายปีแล้ว ในฐานะผู้บริหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว
"เรื่องการสร้างราคาหุ้นผู้บริหารบริษัทไม่รู้เรื่อง รับรู้จากข่าวที่เกิดขึ้นมาเท่านั้น และมองว่าไม่เกี่ยวกับบริษัท ราคาหุ้นจะขึ้นจะลงก็เป็นไปตามกลไกของตลาด และบริษัทมั่นใจว่าหุ้นบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลสนับสนุน รวมทั้งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทย"กรรมการผู้จัดการกล่าว
ภาพรวมธุรกิจของบริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง ปีนี้คาดรายได้จะเติบโต 14% และบริษัทจะเน้นที่การสร้างกำไรมากกว่า สาเหตุที่มั่นใจปีนี้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโต เพราะกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรต่างจังหวัด โดยเฉพาะบริษัทดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง และมีอัตราการผ่อนเฉลี่ย 3,000-4,000 บาทเท่านั้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีศักยภาพผ่อนส่ง และสิ่งที่สำคัญนโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาท เป็นแรงหนุนอีก ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น
บริษัทมีการควบคุมดูแลในเรื่องสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เกินระดับ 2% ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีสัญญาณที่จะบ่งชี้ว่า อัตราเอ็นพีแอลขยับเพิ่มขึ้นจากระดับปกติ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นคนต่างจังหวัด ดังนั้น แนวโน้มการดำเนินธุรกิจก็ยังมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน
ดีเอสไอเร่งสั่งฟ้องปั่นหุ้น
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผู้อำนวยการสำนักคดีการเงินการธนาคาร กรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายฉาย บุนนาค กับพวกคดีสร้างราคาหุ้นตามคำร้องทุกข์กล่าวโทษของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
"เร็วๆ นี้ พนักงานสอบสวนจะทยอยสรุปสำนวนสั่งฟ้อง"
ทั้งนี้ ก.ล.ต. กล่าวโทษนายฉายกับพวก รวม 15 คน เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 2555 โดยมีพฤติกรรมสร้างราคาหุ้นจำนวน 12 หลักทรัพย์
ต่อมาเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ก.ล.ต.กล่าวโทษ นายฉาย บุนนาคกับพวกรวม 13 ราย ซึ่งเป็นคดีที่สอง ในข้อเดียวกันว่าเป็นผู้รู้เห็นและสนับสนุนในการสร้างราคาหลักทรัพย์ไมด้าลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในปี 2551 และ 2553 และบริษัท แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในปี 2553 ว่า ในส่วนของบริษัทไมด้า ลิสซิ่ง ขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการสอบสวนของดีเอสไอ และยืนยันว่าไม่ได้ทำคดีล่าช้า เพราะว่าก.ล.ต.เพิ่งส่งข้อมูลเข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษและส่งข้อมูลให้ดีเอสไอสอบสวนเมื่อปี 2555 หลังตรวจพบการปั่นหุ้นของกลุ่มบุคคลดังกล่าวตั้งแต่ปี 2551-2555
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นคดีไม่ได้มีความยุ่งยากซับซ้อน แต่การปั่นหุ้นของนายฉายกับพวกพบว่ามีการซื้อขายหุ้นที่ ก.ล.ต. ระบุว่า มีการปั่นหุ้นหลายตัวและมีผู้ที่อยู่ในข่ายร่วมกันซื้อขายหุ้นหลายราย จึงทำให้คดีมีรายละเอียดค่อนข้างมาก บางคดีผู้ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษมีพฤติการณ์ปั่นหุ้น 5-6 ตัว โดยคดีในส่วนแรกที่ส่งมาให้ได้แยกเป็นสำนวนคดี 5 คดี
นอกจากนี้ดีเอสไอต้องใช้เวลาในการติดตามพยานบางปาก เนื่องจากมีการให้การกับ ก.ล.ต. ไม่ตรงกันกับที่เคยให้การไว้กับดีเอสไอจึงทำให้ต้องเสียเวลาในการไล่สอบปากคำพยานใหม่
ส่วนคดีล่าสุดเมื่อวันที่ 1 เม.ย. นั้น พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวว่า ก.ล.ต.จะส่งมาเพิ่มเติม ขณะนี้ยังไม่ได้รับเอกสารหรือหลักฐานใดๆ คาดว่าอยู่ระหว่างการประสานงานระหว่างหน่วยงาน
ผู้บริหารแจงไม่เกี่ยวบริษัท
ด้าน นายธีรวัฒน์ เกียรติสมภพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ถือหุ้นถูก ก.ล.ต.กล่าวโทษนั้น มองว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท เพราะเป็นเรื่องของนักลงทุน และเรื่องที่เกิดขึ้นก็มีมานานหลายปีแล้ว ในฐานะผู้บริหารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้นอยู่แล้ว
"เรื่องการสร้างราคาหุ้นผู้บริหารบริษัทไม่รู้เรื่อง รับรู้จากข่าวที่เกิดขึ้นมาเท่านั้น และมองว่าไม่เกี่ยวกับบริษัท ราคาหุ้นจะขึ้นจะลงก็เป็นไปตามกลไกของตลาด และบริษัทมั่นใจว่าหุ้นบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานรองรับ และไม่ได้ปรับตัวขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลสนับสนุน รวมทั้งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาดหุ้นไทย"กรรมการผู้จัดการกล่าว
ภาพรวมธุรกิจของบริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง ปีนี้คาดรายได้จะเติบโต 14% และบริษัทจะเน้นที่การสร้างกำไรมากกว่า สาเหตุที่มั่นใจปีนี้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโต เพราะกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของเกษตรกรต่างจังหวัด โดยเฉพาะบริษัทดำเนินธุรกิจเช่าซื้อรถมือสอง และมีอัตราการผ่อนเฉลี่ย 3,000-4,000 บาทเท่านั้น ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่มีศักยภาพผ่อนส่ง และสิ่งที่สำคัญนโยบายขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำทั่วประเทศ 300 บาท เป็นแรงหนุนอีก ทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้น
บริษัทมีการควบคุมดูแลในเรื่องสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ไม่ให้เกินระดับ 2% ซึ่งปัจจุบัน ยังไม่มีสัญญาณที่จะบ่งชี้ว่า อัตราเอ็นพีแอลขยับเพิ่มขึ้นจากระดับปกติ แม้ลูกค้าส่วนใหญ่ของบริษัทเป็นคนต่างจังหวัด ดังนั้น แนวโน้มการดำเนินธุรกิจก็ยังมีทิศทางที่ดีขึ้นกว่าปีก่อน