“ธาริต”หอบสำนวนกว่าห้าหมื่นแผ่น! ส่งอัยการ ให้สั่งฟ้องสุเทพพร้อมพวกรวม 58 ราย ใน 8 ข้อหา
วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:56:26 น.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะ นำสำนวนการสอบสวน รวม 217 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารพยานหลักฐาน 57,514 แผ่น และความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับพวกซึ่งเป็น แกนนำ กปปส. รวม 51 ราย ในฐานความผิดรวม 8 ข้อหา อาทิ ร่วมกันเป็นกบฏ , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , ขัดขวางการเลือกตั้ง
นายธาริต กล่าวว่า วันนี้ได้นำเอกสารสำนวนการสอบสวน 217 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารพยานหลักฐาน 57,514 แผ่น ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นควรสั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. และแกนนำคนอื่นรวม 51 ราย ในความผิดรวม 8 ข้อหา ส่งมอบให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศษ ส่วนแกนนำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในความผิดเดียวกันอีก 7 คน ประกอบด้วย นายทศพล เพ็งส้ม , นายบุญยอด สุขถิ่นไทย , นายสาธิต ปิตุเตชะ , นายชาญวิทย์ วิภูสิริ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ , นายพิชิต ไชยมงคล และนางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้แยกสำนวน ซึ่งมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องไว้แล้ว จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาและรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อส่งมอบให้อัยการพิจารณาสั่งคดีภายในสัปดาห์หน้าต่อไป
ด้าน นายนันทศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับสำนวนของดีเอสไอแล้ว จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคดีดังกล่าว โดยมีนายภาณุพงศ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษอีกรวม 6-7 คน ซึ่งจะเริ่มตรวจสำนวนหลักฐานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) เพื่อจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับข้อหา สรุปพฤติการณ์พยานหลักฐาน จัดทำแผนผังหรือโรดแมพผู้ต้องหาแต่ละคนว่ามีพฤติการณ์และความผิดอย่างไรบ้างเพื่อง่ายต่อการพิจารณา ซึ่งการทำงานจะเชิญพนักงานสอบสวนของดีเอสไอมาร่วมให้ข้อมูลด้วย
โดยการพิจารณาสำนวนอัยการอาจมีความเห็นสั่งคดีเป็นกลุ่มความผิด ไม่ได้สั่งรวมทีเดียวทั้ง 58 คน แต่ระหว่างการพิจารณาหากทนายมาขอเลื่อนนัดสั่งคดีและร้องขอความเห็นธรรมก็เป็นสิทธิ์สามารถทำได้ ส่วนระยะเวลาในการนัดสั่งคดีนั้นจะพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะพิจารณาประกอบกับระยะเวลาฝากขัง เพราะหากอัยการพิจารณาสั่งคดีไม่ทันระยะฝากขังของผู้ต้องหา เมื่อครบกำหนดฝากขังตามกฎหมายก็จะต้องปล่อยตัวไปก่อน หากมีความเห็นสั่งฟ้องก็จะต้องติดตามตัวมาภายหลัง โดยขณะนี้ผู้ต้องหาที่ยังอยู่ในกำหนดฝากขังของศาลอาญาแล้ว 2 ราย คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัทธิยกุล ซึ่งนายสนธิญาณจะครบกำหนดฝากขังในวันที่ 10 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี สุดท้ายถ้าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว แต่เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยังชุมนุมเคลื่อนไหวไม่สามารถที่จะนำตัวมาส่งฟ้องศาลได้ ทางอัยการก็จะต้องมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอไปติดตามตัวมา ซึ่งในการดำเนินการอาจต้องยื่นคำร้องขอศาลอนุมัติหมายจับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398938329&grpid=03&catid=19&subcatid=1905
“ธาริต”หอบสำนวนกว่าห้าหมื่นแผ่น! ส่งอัยการ ให้สั่งฟ้องสุเทพพร้อมพวกรวม 58 ราย ใน 8 ข้อหา
“ธาริต”หอบสำนวนกว่าห้าหมื่นแผ่น! ส่งอัยการ ให้สั่งฟ้องสุเทพพร้อมพวกรวม 58 ราย ใน 8 ข้อหา
วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16:56:26 น.
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 1 พฤษภาคม ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะ นำสำนวนการสอบสวน รวม 217 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารพยานหลักฐาน 57,514 แผ่น และความเห็นสมควรสั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กับพวกซึ่งเป็น แกนนำ กปปส. รวม 51 ราย ในฐานความผิดรวม 8 ข้อหา อาทิ ร่วมกันเป็นกบฏ , มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปใช้กำลังประทุษร้ายให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองโดยมีอาวุธ โดยเป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการ , ขัดขวางการเลือกตั้ง
นายธาริต กล่าวว่า วันนี้ได้นำเอกสารสำนวนการสอบสวน 217 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารพยานหลักฐาน 57,514 แผ่น ที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอเห็นควรสั่งฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. และแกนนำคนอื่นรวม 51 ราย ในความผิดรวม 8 ข้อหา ส่งมอบให้อธิบดีอัยการฝ่ายคดีเศษ ส่วนแกนนำ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาในความผิดเดียวกันอีก 7 คน ประกอบด้วย นายทศพล เพ็งส้ม , นายบุญยอด สุขถิ่นไทย , นายสาธิต ปิตุเตชะ , นายชาญวิทย์ วิภูสิริ , นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ , นายพิชิต ไชยมงคล และนางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ พนักงานสอบสวนดีเอสไอได้แยกสำนวน ซึ่งมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องไว้แล้ว จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนแจ้งข้อกล่าวหาและรวบรวมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วน เพื่อส่งมอบให้อัยการพิจารณาสั่งคดีภายในสัปดาห์หน้าต่อไป
ด้าน นายนันทศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากได้รับสำนวนของดีเอสไอแล้ว จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคดีดังกล่าว โดยมีนายภาณุพงศ์ โชติสิน รองอธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษเป็นหัวหน้าคณะทำงาน และอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษอีกรวม 6-7 คน ซึ่งจะเริ่มตรวจสำนวนหลักฐานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) เพื่อจัดทำรายละเอียดเกี่ยวกับข้อหา สรุปพฤติการณ์พยานหลักฐาน จัดทำแผนผังหรือโรดแมพผู้ต้องหาแต่ละคนว่ามีพฤติการณ์และความผิดอย่างไรบ้างเพื่อง่ายต่อการพิจารณา ซึ่งการทำงานจะเชิญพนักงานสอบสวนของดีเอสไอมาร่วมให้ข้อมูลด้วย
โดยการพิจารณาสำนวนอัยการอาจมีความเห็นสั่งคดีเป็นกลุ่มความผิด ไม่ได้สั่งรวมทีเดียวทั้ง 58 คน แต่ระหว่างการพิจารณาหากทนายมาขอเลื่อนนัดสั่งคดีและร้องขอความเห็นธรรมก็เป็นสิทธิ์สามารถทำได้ ส่วนระยะเวลาในการนัดสั่งคดีนั้นจะพิจารณาให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งจะพิจารณาประกอบกับระยะเวลาฝากขัง เพราะหากอัยการพิจารณาสั่งคดีไม่ทันระยะฝากขังของผู้ต้องหา เมื่อครบกำหนดฝากขังตามกฎหมายก็จะต้องปล่อยตัวไปก่อน หากมีความเห็นสั่งฟ้องก็จะต้องติดตามตัวมาภายหลัง โดยขณะนี้ผู้ต้องหาที่ยังอยู่ในกำหนดฝากขังของศาลอาญาแล้ว 2 ราย คือ นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม และนายสกลธี ภัทธิยกุล ซึ่งนายสนธิญาณจะครบกำหนดฝากขังในวันที่ 10 พ.ค.นี้ อย่างไรก็ดี สุดท้ายถ้าอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาแล้ว แต่เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหาส่วนใหญ่ยังชุมนุมเคลื่อนไหวไม่สามารถที่จะนำตัวมาส่งฟ้องศาลได้ ทางอัยการก็จะต้องมอบหมายให้พนักงานสอบสวนดีเอสไอไปติดตามตัวมา ซึ่งในการดำเนินการอาจต้องยื่นคำร้องขอศาลอนุมัติหมายจับ
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1398938329&grpid=03&catid=19&subcatid=1905