สมัยหนุ่มๆ ผมติดตามอ่านนวนิยายแนวผจญภัยเรื่อง “เพชรพระอุมา” เขียนโดย “พนมเทียน”(นายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ)ชนิดวางไม่ลง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางและการผจญภัยของพรานป่า ที่รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายยังดินแดนลึกลับและเต็มไปด้วยอาถรรพณ์แห่งป่าเขา พร้อมกับพบขุมทรัพย์“เพชรพระอุมา” อันเป็นตำนานเล่าขาน
นิยายเรื่องนี้ ได้ให้ทั้งความรู้ และความสนุกตื่นเต้น
ในเรื่องของความรู้ ผมได้ทราบถึงชีวิตการทำมาหากินของพรานป่า เช่น เรื่องการเดินป่า การแกะรอย วิธีการล่าสัตว์ที่เหมาะสมถูกต้องกับฤดูกาล และความรู้ความเข้าใจในสัญชาตญาณการหาเลี้ยงชีพของสัตว์ โดยเฉพาะ “พญาแร้ง”หรืออีแร้ง ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ที่จะคอยหากินอยู่กับซากศพ กล่าวคือ จะรอคอยบินวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร รอคอยโอกาสที่สัตว์ หรือมนุษย์เดินดิน ต้องเพลี่ยงพล้ำลมตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก หรือจากการเข่นฆ่ากันเองจนล้มตาย
ในเรื่องของความสนุกตื่นเต้น ผมเพลิดเพลินกับการบรรยายภาพของ “พนมเทียน” ที่เขียนบรรยายถึงพฤติกรรมของ “นางเสือสมิง” ซึ่งเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ แต่แปลงร่างเป็นฤษี ชี พราหมณ์ ให้เหล่าพรานไพรหลงเชื่อ หรือแปลงร่างเป็น “ปีศาจสาวสวย” คอยหลอกหลอนผู้คนเพื่อจับมากินเป็นเหยื่อขนาดพระเอกจอมพรานอย่าง นายรพินทร์ ไพรวัลย์ เมื่อเจอกับแม่เสือสมิงยังอ่อนระทวย
บ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีทั้ง “พญาแร้ง” และ “นางเสือสมิง”ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ประสานงานกัน เพราะมีเป้าหมายเหมือนกันคือ เขมือบประเทศไทยให้อยู่ในอุ้งตีน
“นางเสือสมิง” จะแปลงร่างเป็นปีศาจนักบุญ และ เทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง
“ในคราบของปีศาจนักบุญ”ได้แจกแท็บเลตให้เด็กนักเรียนระดับประถม 1 การรับจำนำข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาด และการยกเว้นภาษีรถคันแรก เป็นต้น ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณ และมีหนี้สาธารณะ เป็นเงินหลายแสนล้านบาท โดยใช่เหตุ
“ในคราบของเทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง ใช้มนตร์เสน่ห์ ให้ไพร่พล ขุนศึกลุ่มหลงเพื่อสร้างฐานอำนาจ ใช้นโยบายประชานิยมให้ประชาชนหลงใหลในวัตถุนิยม และหาเหตุก่อหนี้สาธารณะถึง 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้บรรดาเสือหิวทั้งหลายได้ประโยชน์จากอภิมหาโครงการต่างๆ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น บางครั้งนางปีศาจเสือสมิงก็แปลงร่างสร้างภาพลักษณ์ให้ดูไร้เดียงสา เสแสร้งแกล้งเป็นโง่เขลาเบาปัญญา เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ หรือให้เหยื่อตายใจ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะมอมเมาประชาชนด้วยการดำริที่จะออกหวยออนไลน์ หรือ หวยประเภทรายวันชนิดขูดปุ๊บรู้ผลปั๊บ เท่ากับเป็นการสูบเลือดจากประชาชนผู้ยากไร้ เอาไปให้พรรคพวกตนได้ร่ำรวยกัน
ในขณะที่ “นางเสือสมิง” แปลงร่างร่ายมนตร์ ให้บ้านเมืองปั่นป่วนแตกแยก ข้าวยากหมากแพง ประชาชนระส่ำระสาย เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า “พญาแร้ง” ก็จะบินโฉบคอยท่าหาโอกาสอยู่รอบๆ ประเทศไทยเพื่อสอดส่ายสายตาหาผลประโยชน์จากโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า และจากแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับเขมร รวมทั้งในพื้นที่ทางทะเลบริเวณคาบเกี่ยวระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย และเลยไปถึงปาปัวนิวกินีโน่น
ด้วยความกระหายในเงินและอำนาจ พญาแร้ง ตัวนี้จึงต้องลอยคออยู่ในมหาสมุทร เพื่อหาประโยชน์จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทางทะเลดังกล่าวข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พญาแร้งมีท่าทีสมยอมให้เขมร อ้างสิทธิเหนือเขตพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบเขาพระวิหาร และ กระเหี้ยนกระหือรือร่อนไป ประเทศมาเลซีย พร้อมกับเครื่องบรรณาการให้แก่พรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนที่จะขอร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นตัวกลางในการประสานการเจรจา เพื่อปูทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ “กลุ่ม BRN” โดยปากว่าตาขยิบเรื่องการจัดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” พร้อมกับสั่ง “นางเสือสมิง” ร่ายมนตร์ให้เหล่าผีพรายไปลงนามทำข้อตกลงกับแกนนำ BRN และเปิดการเจรจากับกลุ่ม (โจรกระจอก) ผู้ก่อการร้าย อีก 9 กลุ่มให้ยุติการก่อเหตุร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียอธิปไตยของชาติ
และความจริงที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” เรื่องนี้ พญาแร้ง กำลังรอให้ชาติและประชาชนเสื่อมโทรมเป็นซากศพ เพื่อจะได้นำฝูงอีแร้งลงเขมือบหาผลประโยชน์กันต่อไป
“พนมเทียน” ไม่ได้บอกว่า ระหว่าง “พญาแร้ง” กับ “นางเสือสมิง” ตัวใดมีกลิ่นสาบของความชั่วร้ายมากกว่ากัน
ที่มา:
สมัยหนุ่มๆ ผมติดตามอ่านนวนิยายแนวผจญภัยเรื่อง “เพชรพระอุมา” เขียนโดย “พนมเทียน”(นายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ)ชนิดวางไม่ลง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางและการผจญภัยของพรานป่า ที่รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายยังดินแดนลึกลับและเต็มไปด้วยอาถรรพณ์แห่งป่าเขา พร้อมกับพบขุมทรัพย์“เพชรพระอุมา” อันเป็นตำนานเล่าขาน
นิยายเรื่องนี้ ได้ให้ทั้งความรู้ และความสนุกตื่นเต้น
ในเรื่องของความรู้ ผมได้ทราบถึงชีวิตการทำมาหากินของพรานป่า เช่น เรื่องการเดินป่า การแกะรอย วิธีการล่าสัตว์ที่เหมาะสมถูกต้องกับฤดูกาล และความรู้ความเข้าใจในสัญชาตญาณการหาเลี้ยงชีพของสัตว์ โดยเฉพาะ “พญาแร้ง”หรืออีแร้ง ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ที่จะคอยหากินอยู่กับซากศพ กล่าวคือ จะรอคอยบินวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร รอคอยโอกาสที่สัตว์ หรือมนุษย์เดินดิน ต้องเพลี่ยงพล้ำลมตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก หรือจากการเข่นฆ่ากันเองจนล้มตาย
ในเรื่องของความสนุกตื่นเต้น ผมเพลิดเพลินกับการบรรยายภาพของ “พนมเทียน” ที่เขียนบรรยายถึงพฤติกรรมของ “นางเสือสมิง” ซึ่งเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ แต่แปลงร่างเป็นฤษี ชี พราหมณ์ ให้เหล่าพรานไพรหลงเชื่อ หรือแปลงร่างเป็น “ปีศาจสาวสวย” คอยหลอกหลอนผู้คนเพื่อจับมากินเป็นเหยื่อขนาดพระเอกจอมพรานอย่าง นายรพินทร์ ไพรวัลย์ เมื่อเจอกับแม่เสือสมิงยังอ่อนระทวย
บ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีทั้ง “พญาแร้ง” และ “นางเสือสมิง”ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ประสานงานกัน เพราะมีเป้าหมายเหมือนกันคือ เขมือบประเทศไทยให้อยู่ในอุ้งตีน
“นางเสือสมิง” จะแปลงร่างเป็นปีศาจนักบุญ และ เทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง
“ในคราบของปีศาจนักบุญ”ได้แจกแท็บเลตให้เด็กนักเรียนระดับประถม 1 การรับจำนำข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาด และการยกเว้นภาษีรถคันแรก เป็นต้น ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณ และมีหนี้สาธารณะ เป็นเงินหลายแสนล้านบาท โดยใช่เหตุ
“ในคราบของเทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง ใช้มนตร์เสน่ห์ ให้ไพร่พล ขุนศึกลุ่มหลงเพื่อสร้างฐานอำนาจ ใช้นโยบายประชานิยมให้ประชาชนหลงใหลในวัตถุนิยม และหาเหตุก่อหนี้สาธารณะถึง 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้บรรดาเสือหิวทั้งหลายได้ประโยชน์จากอภิมหาโครงการต่างๆ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น บางครั้งนางปีศาจเสือสมิงก็แปลงร่างสร้างภาพลักษณ์ให้ดูไร้เดียงสา เสแสร้งแกล้งเป็นโง่เขลาเบาปัญญา เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ หรือให้เหยื่อตายใจ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะมอมเมาประชาชนด้วยการดำริที่จะออกหวยออนไลน์ หรือ หวยประเภทรายวันชนิดขูดปุ๊บรู้ผลปั๊บ เท่ากับเป็นการสูบเลือดจากประชาชนผู้ยากไร้ เอาไปให้พรรคพวกตนได้ร่ำรวยกัน
ในขณะที่ “นางเสือสมิง” แปลงร่างร่ายมนตร์ ให้บ้านเมืองปั่นป่วนแตกแยก ข้าวยากหมากแพง ประชาชนระส่ำระสาย เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า “พญาแร้ง” ก็จะบินโฉบคอยท่าหาโอกาสอยู่รอบๆ ประเทศไทยเพื่อสอดส่ายสายตาหาผลประโยชน์จากโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า และจากแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับเขมร รวมทั้งในพื้นที่ทางทะเลบริเวณคาบเกี่ยวระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย และเลยไปถึงปาปัวนิวกินีโน่น
ด้วยความกระหายในเงินและอำนาจ พญาแร้ง ตัวนี้จึงต้องลอยคออยู่ในมหาสมุทร เพื่อหาประโยชน์จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทางทะเลดังกล่าวข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พญาแร้งมีท่าทีสมยอมให้เขมร อ้างสิทธิเหนือเขตพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบเขาพระวิหาร และ กระเหี้ยนกระหือรือร่อนไป ประเทศมาเลซีย พร้อมกับเครื่องบรรณาการให้แก่พรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนที่จะขอร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นตัวกลางในการประสานการเจรจา เพื่อปูทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ “กลุ่ม BRN” โดยปากว่าตาขยิบเรื่องการจัดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” พร้อมกับสั่ง “นางเสือสมิง” ร่ายมนตร์ให้เหล่าผีพรายไปลงนามทำข้อตกลงกับแกนนำ BRN และเปิดการเจรจากับกลุ่ม (โจรกระจอก) ผู้ก่อการร้าย อีก 9 กลุ่มให้ยุติการก่อเหตุร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียอธิปไตยของชาติ
และความจริงที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” เรื่องนี้ พญาแร้ง กำลังรอให้ชาติและประชาชนเสื่อมโทรมเป็นซากศพ เพื่อจะได้นำฝูงอีแร้งลงเขมือบหาผลประโยชน์กันต่อไป
“พนมเทียน” ไม่ได้บอกว่า ระหว่าง “พญาแร้ง” กับ “นางเสือสมิง” ตัวใดมีกลิ่นสาบของความชั่วร้ายมากกว่ากัน
ที่มา:
http://www.naewna.com/politic/columnist/6036
ปล.ใครที่ยังไม่เคยอ่าน เพชรพระอุมา ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ...เอิ๊ก ๆ ๆ
แง่คิดจาก ‘เพชรพระอุมา’
นิยายเรื่องนี้ ได้ให้ทั้งความรู้ และความสนุกตื่นเต้น
ในเรื่องของความรู้ ผมได้ทราบถึงชีวิตการทำมาหากินของพรานป่า เช่น เรื่องการเดินป่า การแกะรอย วิธีการล่าสัตว์ที่เหมาะสมถูกต้องกับฤดูกาล และความรู้ความเข้าใจในสัญชาตญาณการหาเลี้ยงชีพของสัตว์ โดยเฉพาะ “พญาแร้ง”หรืออีแร้ง ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ที่จะคอยหากินอยู่กับซากศพ กล่าวคือ จะรอคอยบินวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร รอคอยโอกาสที่สัตว์ หรือมนุษย์เดินดิน ต้องเพลี่ยงพล้ำลมตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก หรือจากการเข่นฆ่ากันเองจนล้มตาย
ในเรื่องของความสนุกตื่นเต้น ผมเพลิดเพลินกับการบรรยายภาพของ “พนมเทียน” ที่เขียนบรรยายถึงพฤติกรรมของ “นางเสือสมิง” ซึ่งเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ แต่แปลงร่างเป็นฤษี ชี พราหมณ์ ให้เหล่าพรานไพรหลงเชื่อ หรือแปลงร่างเป็น “ปีศาจสาวสวย” คอยหลอกหลอนผู้คนเพื่อจับมากินเป็นเหยื่อขนาดพระเอกจอมพรานอย่าง นายรพินทร์ ไพรวัลย์ เมื่อเจอกับแม่เสือสมิงยังอ่อนระทวย
บ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีทั้ง “พญาแร้ง” และ “นางเสือสมิง”ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ประสานงานกัน เพราะมีเป้าหมายเหมือนกันคือ เขมือบประเทศไทยให้อยู่ในอุ้งตีน
“นางเสือสมิง” จะแปลงร่างเป็นปีศาจนักบุญ และ เทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง
“ในคราบของปีศาจนักบุญ”ได้แจกแท็บเลตให้เด็กนักเรียนระดับประถม 1 การรับจำนำข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาด และการยกเว้นภาษีรถคันแรก เป็นต้น ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณ และมีหนี้สาธารณะ เป็นเงินหลายแสนล้านบาท โดยใช่เหตุ
“ในคราบของเทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง ใช้มนตร์เสน่ห์ ให้ไพร่พล ขุนศึกลุ่มหลงเพื่อสร้างฐานอำนาจ ใช้นโยบายประชานิยมให้ประชาชนหลงใหลในวัตถุนิยม และหาเหตุก่อหนี้สาธารณะถึง 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้บรรดาเสือหิวทั้งหลายได้ประโยชน์จากอภิมหาโครงการต่างๆ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น บางครั้งนางปีศาจเสือสมิงก็แปลงร่างสร้างภาพลักษณ์ให้ดูไร้เดียงสา เสแสร้งแกล้งเป็นโง่เขลาเบาปัญญา เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ หรือให้เหยื่อตายใจ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะมอมเมาประชาชนด้วยการดำริที่จะออกหวยออนไลน์ หรือ หวยประเภทรายวันชนิดขูดปุ๊บรู้ผลปั๊บ เท่ากับเป็นการสูบเลือดจากประชาชนผู้ยากไร้ เอาไปให้พรรคพวกตนได้ร่ำรวยกัน
ในขณะที่ “นางเสือสมิง” แปลงร่างร่ายมนตร์ ให้บ้านเมืองปั่นป่วนแตกแยก ข้าวยากหมากแพง ประชาชนระส่ำระสาย เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า “พญาแร้ง” ก็จะบินโฉบคอยท่าหาโอกาสอยู่รอบๆ ประเทศไทยเพื่อสอดส่ายสายตาหาผลประโยชน์จากโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า และจากแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับเขมร รวมทั้งในพื้นที่ทางทะเลบริเวณคาบเกี่ยวระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย และเลยไปถึงปาปัวนิวกินีโน่น
ด้วยความกระหายในเงินและอำนาจ พญาแร้ง ตัวนี้จึงต้องลอยคออยู่ในมหาสมุทร เพื่อหาประโยชน์จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทางทะเลดังกล่าวข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พญาแร้งมีท่าทีสมยอมให้เขมร อ้างสิทธิเหนือเขตพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบเขาพระวิหาร และ กระเหี้ยนกระหือรือร่อนไป ประเทศมาเลซีย พร้อมกับเครื่องบรรณาการให้แก่พรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนที่จะขอร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นตัวกลางในการประสานการเจรจา เพื่อปูทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ “กลุ่ม BRN” โดยปากว่าตาขยิบเรื่องการจัดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” พร้อมกับสั่ง “นางเสือสมิง” ร่ายมนตร์ให้เหล่าผีพรายไปลงนามทำข้อตกลงกับแกนนำ BRN และเปิดการเจรจากับกลุ่ม (โจรกระจอก) ผู้ก่อการร้าย อีก 9 กลุ่มให้ยุติการก่อเหตุร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียอธิปไตยของชาติ
และความจริงที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” เรื่องนี้ พญาแร้ง กำลังรอให้ชาติและประชาชนเสื่อมโทรมเป็นซากศพ เพื่อจะได้นำฝูงอีแร้งลงเขมือบหาผลประโยชน์กันต่อไป
“พนมเทียน” ไม่ได้บอกว่า ระหว่าง “พญาแร้ง” กับ “นางเสือสมิง” ตัวใดมีกลิ่นสาบของความชั่วร้ายมากกว่ากัน
ที่มา:
สมัยหนุ่มๆ ผมติดตามอ่านนวนิยายแนวผจญภัยเรื่อง “เพชรพระอุมา” เขียนโดย “พนมเทียน”(นายฉัตรชัย วิเศษสุวรรณภูมิ)ชนิดวางไม่ลง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางและการผจญภัยของพรานป่า ที่รับจ้างนำทางในการออกติดตามค้นหาผู้สูญหายยังดินแดนลึกลับและเต็มไปด้วยอาถรรพณ์แห่งป่าเขา พร้อมกับพบขุมทรัพย์“เพชรพระอุมา” อันเป็นตำนานเล่าขาน
นิยายเรื่องนี้ ได้ให้ทั้งความรู้ และความสนุกตื่นเต้น
ในเรื่องของความรู้ ผมได้ทราบถึงชีวิตการทำมาหากินของพรานป่า เช่น เรื่องการเดินป่า การแกะรอย วิธีการล่าสัตว์ที่เหมาะสมถูกต้องกับฤดูกาล และความรู้ความเข้าใจในสัญชาตญาณการหาเลี้ยงชีพของสัตว์ โดยเฉพาะ “พญาแร้ง”หรืออีแร้ง ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ที่จะคอยหากินอยู่กับซากศพ กล่าวคือ จะรอคอยบินวนเวียนในถิ่นทุรกันดาร รอคอยโอกาสที่สัตว์ หรือมนุษย์เดินดิน ต้องเพลี่ยงพล้ำลมตายด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ความอดอยาก หรือจากการเข่นฆ่ากันเองจนล้มตาย
ในเรื่องของความสนุกตื่นเต้น ผมเพลิดเพลินกับการบรรยายภาพของ “พนมเทียน” ที่เขียนบรรยายถึงพฤติกรรมของ “นางเสือสมิง” ซึ่งเป็นเสือโคร่งขนาดใหญ่ แต่แปลงร่างเป็นฤษี ชี พราหมณ์ ให้เหล่าพรานไพรหลงเชื่อ หรือแปลงร่างเป็น “ปีศาจสาวสวย” คอยหลอกหลอนผู้คนเพื่อจับมากินเป็นเหยื่อขนาดพระเอกจอมพรานอย่าง นายรพินทร์ ไพรวัลย์ เมื่อเจอกับแม่เสือสมิงยังอ่อนระทวย
บ้านเมืองเราทุกวันนี้ มีทั้ง “พญาแร้ง” และ “นางเสือสมิง”ต่างฝ่ายต่างทำหน้าที่ ประสานงานกัน เพราะมีเป้าหมายเหมือนกันคือ เขมือบประเทศไทยให้อยู่ในอุ้งตีน
“นางเสือสมิง” จะแปลงร่างเป็นปีศาจนักบุญ และ เทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง
“ในคราบของปีศาจนักบุญ”ได้แจกแท็บเลตให้เด็กนักเรียนระดับประถม 1 การรับจำนำข้าวจากชาวนาในราคาสูงกว่าราคาตลาด และการยกเว้นภาษีรถคันแรก เป็นต้น ทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณ และมีหนี้สาธารณะ เป็นเงินหลายแสนล้านบาท โดยใช่เหตุ
“ในคราบของเทพเจ้าแห่งความมัวเมาและลุ่มหลง ใช้มนตร์เสน่ห์ ให้ไพร่พล ขุนศึกลุ่มหลงเพื่อสร้างฐานอำนาจ ใช้นโยบายประชานิยมให้ประชาชนหลงใหลในวัตถุนิยม และหาเหตุก่อหนี้สาธารณะถึง 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อให้บรรดาเสือหิวทั้งหลายได้ประโยชน์จากอภิมหาโครงการต่างๆ เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ และโครงการรถไฟความเร็วสูง เป็นต้น บางครั้งนางปีศาจเสือสมิงก็แปลงร่างสร้างภาพลักษณ์ให้ดูไร้เดียงสา เสแสร้งแกล้งเป็นโง่เขลาเบาปัญญา เพื่อเรียกร้องความเห็นใจ หรือให้เหยื่อตายใจ แต่ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะมอมเมาประชาชนด้วยการดำริที่จะออกหวยออนไลน์ หรือ หวยประเภทรายวันชนิดขูดปุ๊บรู้ผลปั๊บ เท่ากับเป็นการสูบเลือดจากประชาชนผู้ยากไร้ เอาไปให้พรรคพวกตนได้ร่ำรวยกัน
ในขณะที่ “นางเสือสมิง” แปลงร่างร่ายมนตร์ ให้บ้านเมืองปั่นป่วนแตกแยก ข้าวยากหมากแพง ประชาชนระส่ำระสาย เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า “พญาแร้ง” ก็จะบินโฉบคอยท่าหาโอกาสอยู่รอบๆ ประเทศไทยเพื่อสอดส่ายสายตาหาผลประโยชน์จากโครงการท่าเรือน้ำลึกทวาย ประเทศพม่า และจากแหล่งน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับเขมร รวมทั้งในพื้นที่ทางทะเลบริเวณคาบเกี่ยวระหว่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้กับประเทศมาเลเซีย และเลยไปถึงปาปัวนิวกินีโน่น
ด้วยความกระหายในเงินและอำนาจ พญาแร้ง ตัวนี้จึงต้องลอยคออยู่ในมหาสมุทร เพื่อหาประโยชน์จากธุรกิจน้ำมันและแก๊สธรรมชาติที่อยู่ในพื้นที่ทางทะเลดังกล่าวข้างต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พญาแร้งมีท่าทีสมยอมให้เขมร อ้างสิทธิเหนือเขตพื้นที่ 4.6 ตร.กม. บริเวณรอบเขาพระวิหาร และ กระเหี้ยนกระหือรือร่อนไป ประเทศมาเลซีย พร้อมกับเครื่องบรรณาการให้แก่พรรคอัมโน ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ก่อนที่จะขอร้องให้นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เป็นตัวกลางในการประสานการเจรจา เพื่อปูทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กับ “กลุ่ม BRN” โดยปากว่าตาขยิบเรื่องการจัดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” พร้อมกับสั่ง “นางเสือสมิง” ร่ายมนตร์ให้เหล่าผีพรายไปลงนามทำข้อตกลงกับแกนนำ BRN และเปิดการเจรจากับกลุ่ม (โจรกระจอก) ผู้ก่อการร้าย อีก 9 กลุ่มให้ยุติการก่อเหตุร้ายในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียอธิปไตยของชาติ
และความจริงที่ว่า “ไม่มีสัจจะในหมู่โจร” เรื่องนี้ พญาแร้ง กำลังรอให้ชาติและประชาชนเสื่อมโทรมเป็นซากศพ เพื่อจะได้นำฝูงอีแร้งลงเขมือบหาผลประโยชน์กันต่อไป
“พนมเทียน” ไม่ได้บอกว่า ระหว่าง “พญาแร้ง” กับ “นางเสือสมิง” ตัวใดมีกลิ่นสาบของความชั่วร้ายมากกว่ากัน
ที่มา:http://www.naewna.com/politic/columnist/6036
ปล.ใครที่ยังไม่เคยอ่าน เพชรพระอุมา ลองไปหาอ่านกันดูนะครับ...เอิ๊ก ๆ ๆ