ประวัติตอนเด็กของแบมบี้และพี่น้อง ซ้ำขออภัย -/\-

กระทู้สนทนา
ออกตัวก่อนเลยนะคะว่าเราไม่ใช่ FC แบมบี้ ไม่ได้มาบิ๊วมาอะไรทั้งนั้น
แต่เราไปเจอมา เลยอยากเอามาแชร์ค่ะ

------------------------------------------------------------------------------------------------

บทสัมภาษณ์จากนิตยสาร "แพรว"  

          จากภาพภายนอก ใครๆ ต่างก็มองว่า คุณเอ๋-สาวิณี ปัจฉิมสวัสดิ์ มีชีวิตครอบครัวที่น่าอิจฉา มีสามีดี มีลูกชายลูกสาวน่ารักถึงสามคน แต่เบื้องหลังภาพความสุขเหล่านั้น มีใครเคยรู้บ้างว่า เธอมีความทุกข์ใจบางอย่างซ่อนอยู่  

          หมูแฮม - ลูกชายคนโตเคยชักรุนแรงสองครั้งจนทำให้มีอาการเป็นไฮเปอร์เล็กน้อย สแปม - ลูกสาวคนที่สองขณะนี้อายุ 8 ขวบแล้ว แต่เธอยังพูดไม่ได้ ส่วนน้องแบมบี้ - ลูกสาวคนเล็ก ต้องผ่าตัดหัวใจรั่วตั้งแต่อายุได้เดือนครึ่ง  

          แต่พระเจ้าก็มิได้ใจร้ายกับเธอเสมอไป เพราะปัจจุบันอาการของหมูแฮมกับน้องแบมบี้หายเป็นปรกติดีแล้ว คงเหลือแต่น้องสแปมที่ยังต้องต่อสู้กับโรคนี้ต่อไป โดยที่มีคุณแม่คนนี้คอยดูแลอย่างใกล้ชิด  

          หมูแฮมเคยชักสองครั้ง เขาชักเพราะไข้ขึ้นสูงทำให้เขาเป็นเด็กค่อนข้างเล่นแรง อยู่เฉยไม่ได้เป็นไฮเปอร์นิดหน่อย คือเล่นได้ทั้งวันทั้งคืน แต่ตอนนี้โตแล้วเขาลดลงมาก น้องแบมบี้ตอนที่เกิดมามีรูรั่วในหัวใจสองที่และเส้นเลือดที่คอ ซึ่งเส้นเลือดนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งไปเลี้ยงร่างกาย ต้องไปผ่าตัดหัวใจที่ออสเตรเลียตั้งแต่อายุเดือนครึ่ง  

          เราพบอาการตั้งแต่หกวันหลังจากเขาเกิด เขาหายใจแรงมาก เรารู้สึกว่า เอ๊ะ...ทำไมเขาดูดนมไม่ได้มาก คุณหมอบอกว่าเขามีรูรั่วในหัวใจ ซึ่งทำให้เลือดผ่านเข้าไปในปอดผิดปรกติ ตอนแรกหมอไม่แนะนำให้ไปเมืองนอก เอ๋จึงไปปรึกษาหมอทางด้านหัวใจโดยตรง พยายามหาวิธีที่ดีที่สุดจากหมอแต่ละคน

          ในที่สุดหมอคนสุดท้ายที่โรงพยาบาลกรุงเทพบอกว่ามีให้เลือกสองทาง หนึ่ง รอให้เขาน้ำหนัก 15 กิโลกรัมแล้วค่อยผ่า สอง คือ ผ่าเลยเพราะเขาก็ยังแข็งแรงดีอยู่ ถ้าปล่อยให้โตขึ้นอีกหน่อย เขาอาจจะไม่แข็งแรงเท่านี้

          เอ๋ลองปรึกษาคุณแม่คุณพ่อคุณโหน่ง (คุณกัณฑ์เอนก - สามี) ท่านสะดวกพอดีที่จะให้หลานไปรักษาที่เมืองนอก เอ๋ว่าก็ดีเหมือนกัน ถ้าเขาเกิดมาเป็นลูกเรา เขาก็เป็นของเรา แต่ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เจตนาเกิดมาเป็นลูกของเรา ก็ให้เราผูกพันกับเขาน้อยที่สุดคงจะดีกว่า เพราะเขาอยู่ในท้องเรามา 9 เดือน ถ้าเราปล่อยให้เขาโตขึ้น 5 ขวบ 10ขวบ ก็ยิ่งผูกพันกันมากขึ้น เราจะทำใจได้อย่างไรถ้าหากเขาจากเราไปตอนนั้น สู้เสี่ยงตอนเขายังเล็ก ถ้าเขาหายก็หายเลยดีกว่า  

          คือก่อนผ่าตัดเอ๋นอนไม่ค่อยหลับ เพราะที่เมืองนอกเขาจะไม่ให้นอนเฝ้า เช้าปุ๊บต้องรีบไปหาเขา พอหมอบอกว่า ถึงเวลาเข็นเตียงเด็กไปห้องผ่าตัดแล้ว เอ๋ก็ไม่ยอมให้เขาเข็นเตียง เอ๋ขออุ้มลูกไป ตอนเขาเข้าไปเรามีความรู้สึกใจหายเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอเขาหรือเปล่า เขาอยู่ในนั้นนานมาก ประมาณ 7 ชั่วโมง ถึงได้ออกมา

          หลังจากนั้นยังต้องอยู่ในห้อง ไอ.ซี.ยู.อีก 3 วัน ซึ่งเราเข้าไปอยู่ด้วยตลอดไม่ได้ แต่มีพยาบาลมาเปลี่ยนทุก 3 ชั่วโมง แล้วพยาบาลจะต้องเจาะเลือดออกมาตรวจทุกชั่วโมง โดยเจาะเลือดออกมาจากเด็กตัวเล็กๆ ทุกชั่วโมง เอ๋เห็นแล้วเศร้า สงสารลูกมาก พอเขารู้สึกตัวปุ๊บเขาก็ยิ้มให้ทุกคนเลย ซึ่งจริงๆ แล้วเอ๋คิดว่าเขายังมองไม่เห็นด้วยซ้ำไป กลับจากผ่าตัดเขาก็กลายเป็นเด็กอีกคนหนึ่ง คือร่าเริงหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส ทุกคนรักเขามาก เพราะกว่าจะผ่านมาได้ถึงจุดนี้เขาต้องสู้มาก  

          ตอนนี้เรียกว่าหายสนิทก็ไม่เชิง ยังต้องตรวจอยู่ทุกปี แรกๆ จะไปตรวจทุกเดือน หลังๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นทุกสามเดือน ทุกหกเดือน ตอนนี้ก็เป็นทุกปี ต้องดูว่าเส้นเลือดที่คอจะขยายไหม เพราะเขาตัดเส้นเลือดที่ตีบออกแล้วต่ออีกที ต้องคอยดูว่าเส้นเลือดที่ประกบกันโตตามตัวหรือเปล่า ถ้าไม่โตก็ต้องเอาบอลลูนเข้าไปช่วย หรือไม่ก็ผ่าตัดอีกทีหนึ่ง

มาถึงน้องสแปมซึ่งน่าเป็นห่วงที่สุด เพราะมีปัญหาว่าตอนนี้อายุ 8 ขวบแล้วยังไม่ยอมพูดเลย ?

          เริ่มสังเกตเห็นตอน 1 ขวบ กับ 8 เดือน เด็กคนอื่นเขาพูดกันแล้ว แต่น้องสแปมยังไม่พูด จึงพยายามสังเกตมาเรื่อยๆ ว่า เอ๊ะ...ทำไมเขาถึงไม่พูด แล้วก็พาไปหาหมอตรวจหู ตรวจคอ ตรวจหมดทุกอย่าง ไม่มีอะไรผิดปรกติ มาพบอีกทีประมาณสัก 2 ขวบ 2 เดือน ถึงรู้ว่าเขาเป็นเด็กพัฒนาการช้ากว่าเด็กปรกติ แต่เวลาไม่พูดเขาเหมือนเด็กปรกติทุกอย่าง มองแล้วไม่น่าจะมีอะไร  

          โรคนี้จะว่าเป็นกรรมพันธุ์ก็ไม่ใช่ แต่สาเหตุมาจากอะไร หมอก็ยังไม่ทราบ หมอแนะนำว่าเราต้องพยายามพูดกับเขามากขึ้น พยายามบังคับให้เขาพูดบ้าง ให้เขาส่งเสียงบ้าง ช่วงแรกๆ หนักใจเหมือนกันค่ะ แต่พอดีเมื่อสมัยเรียนหนังสือที่อเมริกาเคยทำรายงานเกี่ยวกับเด็กที่ผิดปรกติด้านการสื่อสาร ทำให้พอจะรู้วิธีทึ่จะแก้เขาอยู่บ้าง ให้เขาเรียนพิเศษ กระตุ้นด้วยการฝึกพูดบ้าง ใช้รูปภาพบ้าง โยงเส้นบ้าง เหมือนชั้นอนุบาล แต่น้องสแปมอาจจะเรียนนานหน่อย เราก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะช่วย  

          เมื่อก่อนนี้เขาเป็นคนชอบเล่นคนเดียว เราต้องทำให้เขารู้สึกอบอุ่นตอนอยู่กับเรา ตอนอยู่กับครอบครัว ให้เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราทำน่าสนใจกว่าการที่เขาจะไปอยู่คนเดียวอีกมุมหนึ่ง เราต้องค่อยๆ เปลี่ยนเขา จากการที่ซื้อตัวต่อแค่กล่องเดียว ก็จะซื้อมาสองกล่องสามกล่อง ชิ้นส่วนจะได้มากขึ้น แล้วให้เขาเล่นกับพี่หมูแฮมกับน้องแบมบี้ เขาจะได้ไม่แยกไปเล่นคนเดียว ระยะแรกชอบแยกไปนั่งทานข้าวคนเดียว ตอนหลังก็ไม่  

          กลับมาจากโรงเรียนก็จะให้เขาเข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมในบ้านบ้าง อย่างเช่นช่วยจัดโต๊ะ จะไม่ให้เขามีความรู้สึกว่าเพราะเขาเป็นอย่างนี้ เขาถึงไม่ต้องช่วยงานบ้าน เขาเป็นอย่างนี้ เขาถึงได้อะไรง่ายๆ ทุกคนในบ้านจะรู้ว่าสแปมอาจจะได้อะไรง่ายกว่าคนอื่น แต่ว่าก็ต้องทำ เหมือนหมูแฮมต้องเป็นเด็กดี เก็บของเล่นเพื่อจะได้ค่าขนม สแปมก็เหมือนกัน เขาก็ต้องทำ ถ้าเขาดื้อเขาต้องอด ทุกคนต้องใจเย็นกับน้องสแปมนิดหนึ่ง เป็นวิธีที่ครูกับหมอคิดว่าเด็กจะเข้าใจง่ายกว่า  

          จะมีเป็นบางพักที่เขามีอารมณ์โมโหง่าย คือไม่เชิงโมโห เป็นแบบเอาแต่ใจตัวเอง เพราะเขาสื่อสารไม่ได้ คล้ายๆ กับว่าเขาไม่สามารถที่จะบอกคนอื่นได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ คนใกล้ชิดจะเข้าใจวิธีที่เขาขอ บางทีเขาแบมือขอบ้าง สะกิดเราบ้าง ดึงมือเราไปดูสิ่งที่เขาอยากได้ แต่ตอนนี้ใจเย็นลงมากแล้ว คุณหมอบอกว่าต้องค่อยๆ รักษาไปเรื่อยๆ เราต้องให้ความอบอุ่น คือใกล้ชิดเขา ให้ความรักเขา ถ้าพร้อมเมื่อไหร่เขาคงพูดกับเรา เพราะตอนนี้เขาเข้าใจที่เราพูดหมด ติดอยู่ที่การแปลออกมาเป็นคำเท่านั้นเอง

ถึงแม้คุณเอ๋ยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนน้องสแปมจึงจะมีโอกาสพูดได้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกสิ้นหวังหรือหมดกำลังใจ นั่นเป็นเพราะเธอยึดคติที่ว่า คนเป็นแม่ต้องเข้มแข็งกว่าคนอื่น ?

          ถ้าเรากังวลหรือเป็นทุกข์แล้วลูกเห็น เอ๋คิดว่านั่นไม่เป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เขาดีขึ้นเลย เราก็ทำเท่าที่เราจะสามารถทำได้ อยากจะอธิษฐานขอให้เขาหายเป็นปรกติ รู้ในสิ่งที่ถูกที่ผิด ปรับเข้าหาสังคมได้ และมีความเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าจะคิดว่าอะไรถูกอะไรผิด  

          เอ๋ขอให้ช่วงที่ไม่ดีผ่านไปก็แล้วกัน จากจุดนี้ไปขอให้เขาสามคนรักกันมากๆ และมีเวลาอยู่ด้วยกันนานๆ

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


อมยิ้ม02
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่