ลองวิเคราะห์แบบจริงจังดูว่า เมื่อนายกพูดว่าเอารถไฟไปขนผัก ทำไมจึงรู้สึกเป็นปัญหา
นั่นเป็นเพราะแนวทางการค้านของ ปชป และ สลิ่ม มักจะใช้ตรรกะว่า ทำไมถึงมาทำนี ไม่ยอมทำนั่น
เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำไมไม่ไปแก้เรื่องปากท้อง
ไปทำเรื่องนิรโทษกรรม วัน ๆ คิดแต่เรื่องช่วยพี่ชาย งานการไม่รู้จักทำ
ทำรถไฟความเร็วสูงทำไม ทำไมไม่ไปทำรางคู่
ทำรถไฟทำไม ไม่ไปทำเรื่องบริหารน้ำก่อน
จริง ๆ แล้ว ถึงแม้มีเรื่องค้านมากมาย แต่ก็เหมือนเพลง โบรกเก้นฮาร์ท วูเมนอะครับ ที่มีเป้น 100 เนื้อ แต่ทำนองเดียว
คือ ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น และก็แปลกที่จะใช้ได้ผลตลอด
เรื่องนี้จะเอามาพูดกี่ครั้ง มันก็มีคำตอบเดียวคือ
ทำพร้อม ๆ กันก็ได้
แต่ก็ไม่เข้าหัวสลิ่มซักเท่าไหร่ พอคิดจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ค้านอีกว่า อ้าว ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น พอทำสิ่งนั้นก็ด่าว่า แล้วไม่ทำสิ่งนี้
*******************
สรุปก็คือ ค้านซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนเคยชิน
พอนายกพูดเรื่องรถไฟขนผัก ก็เป็นความเคยชิน เอาตรรกะเรือง ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น
คือ มันทำให้สลิ่มรู้สึกว่า เอาไปขนผักได้ไง ไม่เอาไปขนคน คือ มันต้องขนทีละอย่าง
ถ้าขนผัก แสดงว่าจะไม่ขนคน มันก็เป็นปัญหาสิครับ
ลองวิเคราะห์ดู ปัญหารถไฟขนผักน่าจะมาจากตรรกะเรื่อง "ต้องทำทีละอย่าง"
นั่นเป็นเพราะแนวทางการค้านของ ปชป และ สลิ่ม มักจะใช้ตรรกะว่า ทำไมถึงมาทำนี ไม่ยอมทำนั่น
เช่น แก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำไมไม่ไปแก้เรื่องปากท้อง
ไปทำเรื่องนิรโทษกรรม วัน ๆ คิดแต่เรื่องช่วยพี่ชาย งานการไม่รู้จักทำ
ทำรถไฟความเร็วสูงทำไม ทำไมไม่ไปทำรางคู่
ทำรถไฟทำไม ไม่ไปทำเรื่องบริหารน้ำก่อน
จริง ๆ แล้ว ถึงแม้มีเรื่องค้านมากมาย แต่ก็เหมือนเพลง โบรกเก้นฮาร์ท วูเมนอะครับ ที่มีเป้น 100 เนื้อ แต่ทำนองเดียว
คือ ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น และก็แปลกที่จะใช้ได้ผลตลอด
เรื่องนี้จะเอามาพูดกี่ครั้ง มันก็มีคำตอบเดียวคือ
ทำพร้อม ๆ กันก็ได้
แต่ก็ไม่เข้าหัวสลิ่มซักเท่าไหร่ พอคิดจะทำอะไรใหม่ ๆ ก็ค้านอีกว่า อ้าว ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น พอทำสิ่งนั้นก็ด่าว่า แล้วไม่ทำสิ่งนี้
*******************
สรุปก็คือ ค้านซ้ำ ๆ ซาก ๆ จนเคยชิน
พอนายกพูดเรื่องรถไฟขนผัก ก็เป็นความเคยชิน เอาตรรกะเรือง ทำสิ่งนี้ทำไม ไม่ไปทำสิ่งนั้น
คือ มันทำให้สลิ่มรู้สึกว่า เอาไปขนผักได้ไง ไม่เอาไปขนคน คือ มันต้องขนทีละอย่าง
ถ้าขนผัก แสดงว่าจะไม่ขนคน มันก็เป็นปัญหาสิครับ