ข้อสังเกตุ จากสิทธิอำนาจในการจัดตั้ง กกต. ตาม รธน.๕๐ ม. ๒๓๕ วรรค ๑ ระบุไว้ว่า
“คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มี การเลือกตั้งหรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหาร ท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”
จากการประกาศ รับรองผลการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. แทนที่จะประกาศให้ เป็นโมฆะ น่าจะหมายถึงว่า....
๑.) การที่จำนวนบัตร์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่ตรงกับจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๒.) การที่มีการสรวมสิทธิ์ ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การที่ผู้เสียชีวิตไปแล้วยังมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การมีชื่อในทะเบียนบ้านโดยไม่เป็นที่ยินยอมรู้ทราบมาก่อนให้เป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๓.) ในช่วงขณะ ที่ผู้สมัครลงเลือกตั้ง ได้มีพฤติการ ที่ส่อถึงการกระทำที่ต้องห้าม ตามกฏบัญญัติการเลือกตั้ง อันเป็นกรณีเปิดเผยในสังคม ก่อนถึงกำหนดลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยที่ กกต. มิสามารถเอาเหตุผลถึง การไม่รู้ทราบหรือยังไม่ได้รับคำร้องเรียน มาอ้างได้ จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
จาก รธน.๕๐ ม.๒๓๖ ข้อ ๖. ระบุเอาไว้ว่า “สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือออกเสียงประชามติใหม่ในหน่วยเลือกตั้งใด หน่วยเลือกตั้งหนึ่งหรือทุกหน่วยเลือกตั้ง เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งหรือการออกเสียง ประชามติในหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ น่าจะมิได้เป็นไปโดย “สุจริตและเที่ยงธรรม” ครับ
๔.) ในกรณี “เมื่อมีหลักฐานอันควร” มิได้ระบุถึง กรณีบังคับ ว่าต้องด้วยจาก การยื่นคำร้อง เพราะผู้เสียหายโดยตรงในขณะนั้น คือ กกต. ด้วยอำนาจหน้า ตาม รธน.๕๐ ม. ๒๓๕ วรรค ๑. โดยบังคับอยู่แล้ว รวมทั้งเป็นผู้อยู่ในเหตุการโดยหน้าที่ อย่างหลีกเลี่ยงการรู้ทราบมาอ้างมิได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ น่าจะแสดงว่า กกต. ละเลยการปฎิบัติหน้าที่ ตาม รธน.๕๐ ที่ได้บัญญัติ เอาไว้นั้น โดยถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๕.) ในกรณี “เมื่อมีหลักฐานอันควร” โดยยึดหลักพิจารณาปฎิบัติโดย การได้รับคำร้อง ก็ตาม การพิจารณา มิได้ระบุถึงภาพรวม ที่ได้มาจากคำร้องทั้งหมด แต่ระบุเฉพาะถึง หลักฐานอันควร ที่อย่างน้อยในกรณีเดียว เป็นสำคัญ ฉนั้นคำแถลงถึง การไม่สามารถพิจารณาสอบสวนได้ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง มาเป็นเหตุผลนั้น จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ น่าจะแสดงว่า กกต. ละเลยการปฎิบัติหน้าที่ ตาม รธน.๕๐ ที่ได้บัญญัติ เอาไว้นั้น โดยถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
ในเมื่อ กกต. ที่เป็นองค์กรอิสสระ ที่บัญญัติถึงสิทธิ และอำนาจ การปฎิบัติหน้า เอาไว้ใน รธน.๕๐ แต่ในทางปฎิบัติมิได้อยู่ใน หรือเป็นไปตาม กรอบกำหนดนั้นๆ น่าจะสังเกตุได้ว่า เป็นกรณี เข้าข่าย รธน.๕๐ ม.๒๔๔ ข้อ ๑. หมวด ค. แต่เมื่อไม่มีผู้ร้องเรียน ก็ถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม นั่นเองครับ
สภาวะ สุจริตและเที่ยงธรรม ขององค์กรอิสสระ กกต.
“คณะกรรมการการเลือกตั้งเป็นผู้ควบคุมและดำเนินการจัดหรือจัดให้มี การเลือกตั้งหรือการสรรหาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหาร ท้องถิ่น แล้วแต่กรณี รวมทั้งการออกเสียงประชามติ ให้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม”
จากการประกาศ รับรองผลการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม. แทนที่จะประกาศให้ เป็นโมฆะ น่าจะหมายถึงว่า....
๑.) การที่จำนวนบัตร์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ไม่ตรงกับจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๒.) การที่มีการสรวมสิทธิ์ ในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การที่ผู้เสียชีวิตไปแล้วยังมีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง การมีชื่อในทะเบียนบ้านโดยไม่เป็นที่ยินยอมรู้ทราบมาก่อนให้เป็นผู้มีสิทธิในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๓.) ในช่วงขณะ ที่ผู้สมัครลงเลือกตั้ง ได้มีพฤติการ ที่ส่อถึงการกระทำที่ต้องห้าม ตามกฏบัญญัติการเลือกตั้ง อันเป็นกรณีเปิดเผยในสังคม ก่อนถึงกำหนดลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง โดยที่ กกต. มิสามารถเอาเหตุผลถึง การไม่รู้ทราบหรือยังไม่ได้รับคำร้องเรียน มาอ้างได้ จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ แสดงว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
จาก รธน.๕๐ ม.๒๓๖ ข้อ ๖. ระบุเอาไว้ว่า “สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือออกเสียงประชามติใหม่ในหน่วยเลือกตั้งใด หน่วยเลือกตั้งหนึ่งหรือทุกหน่วยเลือกตั้ง เมื่อมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าการเลือกตั้งหรือการออกเสียง ประชามติในหน่วยเลือกตั้งนั้น ๆ น่าจะมิได้เป็นไปโดย “สุจริตและเที่ยงธรรม” ครับ
๔.) ในกรณี “เมื่อมีหลักฐานอันควร” มิได้ระบุถึง กรณีบังคับ ว่าต้องด้วยจาก การยื่นคำร้อง เพราะผู้เสียหายโดยตรงในขณะนั้น คือ กกต. ด้วยอำนาจหน้า ตาม รธน.๕๐ ม. ๒๓๕ วรรค ๑. โดยบังคับอยู่แล้ว รวมทั้งเป็นผู้อยู่ในเหตุการโดยหน้าที่ อย่างหลีกเลี่ยงการรู้ทราบมาอ้างมิได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ น่าจะแสดงว่า กกต. ละเลยการปฎิบัติหน้าที่ ตาม รธน.๕๐ ที่ได้บัญญัติ เอาไว้นั้น โดยถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
๕.) ในกรณี “เมื่อมีหลักฐานอันควร” โดยยึดหลักพิจารณาปฎิบัติโดย การได้รับคำร้อง ก็ตาม การพิจารณา มิได้ระบุถึงภาพรวม ที่ได้มาจากคำร้องทั้งหมด แต่ระบุเฉพาะถึง หลักฐานอันควร ที่อย่างน้อยในกรณีเดียว เป็นสำคัญ ฉนั้นคำแถลงถึง การไม่สามารถพิจารณาสอบสวนได้ทั้งหมดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ สำหรับให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง มาเป็นเหตุผลนั้น จากข้อมูลหลักฐานที่ปรากฏ น่าจะแสดงว่า กกต. ละเลยการปฎิบัติหน้าที่ ตาม รธน.๕๐ ที่ได้บัญญัติ เอาไว้นั้น โดยถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม ครับ
ในเมื่อ กกต. ที่เป็นองค์กรอิสสระ ที่บัญญัติถึงสิทธิ และอำนาจ การปฎิบัติหน้า เอาไว้ใน รธน.๕๐ แต่ในทางปฎิบัติมิได้อยู่ใน หรือเป็นไปตาม กรอบกำหนดนั้นๆ น่าจะสังเกตุได้ว่า เป็นกรณี เข้าข่าย รธน.๕๐ ม.๒๔๔ ข้อ ๑. หมวด ค. แต่เมื่อไม่มีผู้ร้องเรียน ก็ถือว่า เป็นลักษณะชอบด้วย สุจริตและเที่ยงธรรม นั่นเองครับ