รบกวนท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยค่ะ ว่าดิฉันควรจะดำเนินการ หรือทำอย่างไรต่อไปดี
หาก tag ผิดห้องต้องขออภัยค่ะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องราวตามลำดับที่เกิดขึ้น พยามจะให้สั้น ๆ ได้ใจความ แต่ก็ยังยาวอยู่ดี ต้องขออภัย (แต่ขั้นตอนต่างๆ ที่ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว ช่างยุ่งยากและใช้เวลายิ่งนัก)
ดิฉันได้ซื้อรถยนต์คันแรก เมื่อ 28 มค 55 หลังจากนั้นก็ทำเรื่องขอคืนภาษีตามโครงการรถยนต์คันแรก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
จนกกระทั้งเมื่อครบกำหนดครอบครองรถเป็นเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าเงินก็ยังไม่มีการโอนเข้าบัญชี จึงโทรไปหากรมสรรพสามิตพื้นที่สาขา ในจังหวัดที่ได้ยื่นเรื่องไว้ก็ได้รับคำตอบว่ายังรอการตรวจสอบจากกรมการขนส่งอยู่ อีกประมาณ 1 เดือนให้โทรไปใหม่
พอครบกำหนด 5 มีค 56 เงินก็ยังไม่เข้าอีก จึงได้โทรไปสอบถามอีกครั้ง คราวนี้ได้รับคำตอบที่ทำให้งงมากคือ ทางสรรพสามิตแจ้งว่าจากผลการตรวจสอบดิฉันเคยครอบครองรถยนต์ทะเบียน xx-xxxx มาก่อนแล้ว เมื่อ พ.ย 50 ดิฉันจึงได้ยืนยันกลับไปว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะตัวเองนั้นไม่เคยซื้อรถยนต์หรือครอบครองรถมาก่อน ขอให้ทางสรรพสามิตตรวจสอบใหม่ว่าใช่ ชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของดิฉันจริงๆ หรือ บางอย่างต้องผิดพลาดแน่ๆ แต่ก็ได้รับคำยืนยันว่าในระบบเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ดิฉันจึงโทรไปสอบถามจากกรมสรรพสามิตสำนักงานใหญ่ใน กทม ก็ได้รับคำตอบตอบตรงกัน และมีข้อมูลให้แค่ว่ารถคันนั้นคือทะเบียนอะไร ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ให้ติดต่อสอถามไปยังกรมการขนส่งโดยตรง
เบื้องต้นกลัวเป็นเรื่องโอละพ่อ คิดไปต่างๆ นานา หรือจะมีพ่อแม่ พี่น้องที่บ้านแอบเอาสำเนาบัตรดิฉันไปใช้ เลยโทรไปหาแม่ และญาติๆ ที่สนิท ไม่มีใครคุ้นเลขทะเบียนรถคันดังกล่าวเลย (ปกติบัตร ID จะอยู่กับตัวเองตลอดและดิฉันค่อนข้างรอบคอบเวลาใช้บัตรก็จะมีการขีดซ่า พร้อมลายเซ็นต์และเขียนวัตถุประสงค์ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เร่งรีบหรือหลงๆ งงๆ ก็อาจจะไม่ได้ทำแบบที่ว่า)
เมื่อทุกคนที่บ้านยืนยันว่าไม่มี ต่อมาจึงโทรไปสอบถามข้อมูลจากกรมการขนส่ง ได้รับแจ้งว่าให้เข้าไปคุยเท่านั้น จะไม่มีการตรวจสอบหรือให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้นผ่านทางโทรศัพท์ แม้ดิฉันจะยืนยันว่าอยู่ต่างจังหวัดการจะเข้าไปนั้นอยากจะเตรียมความพร้อม และขอทราบว่าทางกรมขนส่งต้องการข้อมูลหรือเอกสารอะไรบ้างเพื่อที่วันนั้นจะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นผล ต้องเข้าไปติดต่อด้วยตนเองเท่านั้น อันนี้ก็เข้าใจ
เข้าไปติดต่อกรมขนส่งได้รับแจ้งว่า ชื่อ สกุล เป็น ดิฉันจริงๆ และ ณ ปัจจุบันรถคันนี้เป็นสิทธิ์ของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง (ขอใช้ชื่อนามสมมุติ B) ซึ่งครอบครองโดยนางสาว C (นามสมมุติ) แต่ทางกรมขนส่งไม่สามารถตรวจเอกสารให้ได้ สิ่งที่ทำได้คือให้ดิฉันกลับไปขอให้ทางกรมสรรพสามิตทำเป็นหนังสือราชการส่งมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าท่านได้แจ้งแบบนี้กับทุกคนที่เจอปัญหาลักษณะนี้เกี่ยวกับโครงการรถยนต์คันแรก แต่ยังไม่เคยมีหนังสือราชการกลับมายังกรมขนส่งสักรายเดียว หรือหากหนังสือราชการไปถึงแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตรวจสอบให้ได้มากน้อยเพียงใด เพราะต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนมากมาย เพียงแต่ ณ ตอนนี้ที่กรมขนส่งต้องการคือ ต้องมีหนังสือราชการแจ้งขอความช่วยเหลือในการตรวจอบข้อมูลจากกรมสรรพสามิต
หลังจากนั้นจึงติดต่อกลับไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อขอให้ช่วยออกหนังสือให้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ แต่ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนและใช้เวลา (เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดิฉันดีมากเลยค่ะ ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ด้วยใจจริง)
ดิฉันร้อนใจ จึงโทรติดต่อไปยังบริษัทไฟแนนซ์ B เล่าเรื่องราวให้ call center ฟัง เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าชื่อในเล่มทะเบียนรถเป็นชื่อ สกุล และ id ดิฉันจริงๆหรือไม่ ทาง call center จึงแนะนำให้ส่งจดหมายเพื่อร้องขอเข้าไป หลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายกฏหมายบริษัทไฟแนนซ์ว่าเป็นดิฉันจริง และทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
ในเล่มทะเบียนมีการโอนสิทธิ์จากนาย A (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นลำดับที่ 4 บ้านอยู่กทม ให้ดิฉันประมาณกลาง พย 50
หลังจากนั้นดิฉันซึ่งเป็นลำดับที่ 5 ก็โอนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ B ซึ่งครอบครองโดยนางสาว C ซึ่งบ้านอยู่ปราจีนบุรี เมื่อ 17 ตค 51
(ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะช่วงเวลานั้นดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว ดิฉันได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ 16 สค 51 และย้ายกลับมาไทยเมื่อ ธค 54) บริษัทไฟแนนซ์ B แจ้งว่าหากต้องการข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมดิฉันต้องทำเรื่องแจ้งความเพื่อให้ตำรวจเป็นคนขอข้อมูลเข้าไป ซึ่งควรจะแจ้งในพื้นที่ กทม
ถึงตอนนี้เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตรงนี้ค่ะ เพราะก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปแจ้งความในเขตไหนอย่างไร การที่จะเข้าไปในกทม สำหรับดิฉันก็ไม่ง่ายนัก เนื่องจากเลี้ยงลูกคนเดียว และต้องรอสามีหาวันลางาน จึงตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากท่านผู้รู้กฏหมาย หรือผู้มีประสบการณ์ว่าหลังจากนี้ดิฉันควรจะดำเนินการอย่างไรดีเพื่อจะรักษาสิทธิ์ของตนเองไว้ และก็ไม่รู้เหตุผลว่าบุคคลผู้นั้นเอาเอกสารของดิฉันไปใช้ได้อย่างไร และเพื่ออะไร
ขอยืนยันว่าเรื่องที่เล่านี้เป็นความจริงและดิฉันก็มีตัวตนจริง ตรวจสอบได้ค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกท่านที่สละเวลาอ่านและให้คำแนะนำแก่ดิฉัน
ขอคำแนะนำและความเห็น คิดว่าตัวเองโดนสวมรอย หลังจากได้รับแจ้งผลการตรวจสอบสิทธิ์จากกรมสรรพสามิตกรณีรถยนต์คันแรก
หาก tag ผิดห้องต้องขออภัยค่ะ
ขออนุญาตเล่าเรื่องราวตามลำดับที่เกิดขึ้น พยามจะให้สั้น ๆ ได้ใจความ แต่ก็ยังยาวอยู่ดี ต้องขออภัย (แต่ขั้นตอนต่างๆ ที่ได้ดำเนินการผ่านมาแล้ว ช่างยุ่งยากและใช้เวลายิ่งนัก)
ดิฉันได้ซื้อรถยนต์คันแรก เมื่อ 28 มค 55 หลังจากนั้นก็ทำเรื่องขอคืนภาษีตามโครงการรถยนต์คันแรก ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
จนกกระทั้งเมื่อครบกำหนดครอบครองรถเป็นเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เห็นว่าเงินก็ยังไม่มีการโอนเข้าบัญชี จึงโทรไปหากรมสรรพสามิตพื้นที่สาขา ในจังหวัดที่ได้ยื่นเรื่องไว้ก็ได้รับคำตอบว่ายังรอการตรวจสอบจากกรมการขนส่งอยู่ อีกประมาณ 1 เดือนให้โทรไปใหม่
พอครบกำหนด 5 มีค 56 เงินก็ยังไม่เข้าอีก จึงได้โทรไปสอบถามอีกครั้ง คราวนี้ได้รับคำตอบที่ทำให้งงมากคือ ทางสรรพสามิตแจ้งว่าจากผลการตรวจสอบดิฉันเคยครอบครองรถยนต์ทะเบียน xx-xxxx มาก่อนแล้ว เมื่อ พ.ย 50 ดิฉันจึงได้ยืนยันกลับไปว่าเป็นไปไม่ได้แน่นอน เพราะตัวเองนั้นไม่เคยซื้อรถยนต์หรือครอบครองรถมาก่อน ขอให้ทางสรรพสามิตตรวจสอบใหม่ว่าใช่ ชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประชาชนของดิฉันจริงๆ หรือ บางอย่างต้องผิดพลาดแน่ๆ แต่ก็ได้รับคำยืนยันว่าในระบบเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ดิฉันจึงโทรไปสอบถามจากกรมสรรพสามิตสำนักงานใหญ่ใน กทม ก็ได้รับคำตอบตอบตรงกัน และมีข้อมูลให้แค่ว่ารถคันนั้นคือทะเบียนอะไร ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ให้ติดต่อสอถามไปยังกรมการขนส่งโดยตรง
เบื้องต้นกลัวเป็นเรื่องโอละพ่อ คิดไปต่างๆ นานา หรือจะมีพ่อแม่ พี่น้องที่บ้านแอบเอาสำเนาบัตรดิฉันไปใช้ เลยโทรไปหาแม่ และญาติๆ ที่สนิท ไม่มีใครคุ้นเลขทะเบียนรถคันดังกล่าวเลย (ปกติบัตร ID จะอยู่กับตัวเองตลอดและดิฉันค่อนข้างรอบคอบเวลาใช้บัตรก็จะมีการขีดซ่า พร้อมลายเซ็นต์และเขียนวัตถุประสงค์ แต่ก็อาจจะมีบ้างที่เร่งรีบหรือหลงๆ งงๆ ก็อาจจะไม่ได้ทำแบบที่ว่า)
เมื่อทุกคนที่บ้านยืนยันว่าไม่มี ต่อมาจึงโทรไปสอบถามข้อมูลจากกรมการขนส่ง ได้รับแจ้งว่าให้เข้าไปคุยเท่านั้น จะไม่มีการตรวจสอบหรือให้ข้อมูลอะไรทั้งสิ้นผ่านทางโทรศัพท์ แม้ดิฉันจะยืนยันว่าอยู่ต่างจังหวัดการจะเข้าไปนั้นอยากจะเตรียมความพร้อม และขอทราบว่าทางกรมขนส่งต้องการข้อมูลหรือเอกสารอะไรบ้างเพื่อที่วันนั้นจะได้ไม่ต้องเสียเวลากันทั้งสองฝ่าย แต่ก็ไม่เป็นผล ต้องเข้าไปติดต่อด้วยตนเองเท่านั้น อันนี้ก็เข้าใจ
เข้าไปติดต่อกรมขนส่งได้รับแจ้งว่า ชื่อ สกุล เป็น ดิฉันจริงๆ และ ณ ปัจจุบันรถคันนี้เป็นสิทธิ์ของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่ง (ขอใช้ชื่อนามสมมุติ B) ซึ่งครอบครองโดยนางสาว C (นามสมมุติ) แต่ทางกรมขนส่งไม่สามารถตรวจเอกสารให้ได้ สิ่งที่ทำได้คือให้ดิฉันกลับไปขอให้ทางกรมสรรพสามิตทำเป็นหนังสือราชการส่งมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็แจ้งว่าท่านได้แจ้งแบบนี้กับทุกคนที่เจอปัญหาลักษณะนี้เกี่ยวกับโครงการรถยนต์คันแรก แต่ยังไม่เคยมีหนังสือราชการกลับมายังกรมขนส่งสักรายเดียว หรือหากหนังสือราชการไปถึงแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะตรวจสอบให้ได้มากน้อยเพียงใด เพราะต้องใช้เวลาและมีขั้นตอนมากมาย เพียงแต่ ณ ตอนนี้ที่กรมขนส่งต้องการคือ ต้องมีหนังสือราชการแจ้งขอความช่วยเหลือในการตรวจอบข้อมูลจากกรมสรรพสามิต
หลังจากนั้นจึงติดต่อกลับไปยังกรมสรรพสามิตเพื่อขอให้ช่วยออกหนังสือให้ ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าจะดำเนินการให้ แต่ทุกอย่างต้องมีขั้นตอนและใช้เวลา (เจ้าหน้าที่ให้ความช่วยเหลือดิฉันดีมากเลยค่ะ ขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ด้วยใจจริง)
ดิฉันร้อนใจ จึงโทรติดต่อไปยังบริษัทไฟแนนซ์ B เล่าเรื่องราวให้ call center ฟัง เพื่อขอให้ตรวจสอบว่าชื่อในเล่มทะเบียนรถเป็นชื่อ สกุล และ id ดิฉันจริงๆหรือไม่ ทาง call center จึงแนะนำให้ส่งจดหมายเพื่อร้องขอเข้าไป หลังจากนั้นก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายกฏหมายบริษัทไฟแนนซ์ว่าเป็นดิฉันจริง และทราบข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้
ในเล่มทะเบียนมีการโอนสิทธิ์จากนาย A (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นลำดับที่ 4 บ้านอยู่กทม ให้ดิฉันประมาณกลาง พย 50
หลังจากนั้นดิฉันซึ่งเป็นลำดับที่ 5 ก็โอนให้กับบริษัทไฟแนนซ์ B ซึ่งครอบครองโดยนางสาว C ซึ่งบ้านอยู่ปราจีนบุรี เมื่อ 17 ตค 51
(ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะช่วงเวลานั้นดิฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้ว ดิฉันได้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศตั้งแต่ 16 สค 51 และย้ายกลับมาไทยเมื่อ ธค 54) บริษัทไฟแนนซ์ B แจ้งว่าหากต้องการข้อมูลเอกสารเพิ่มเติมดิฉันต้องทำเรื่องแจ้งความเพื่อให้ตำรวจเป็นคนขอข้อมูลเข้าไป ซึ่งควรจะแจ้งในพื้นที่ กทม
ถึงตอนนี้เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงตรงนี้ค่ะ เพราะก็ยังไม่รู้ว่าต้องไปแจ้งความในเขตไหนอย่างไร การที่จะเข้าไปในกทม สำหรับดิฉันก็ไม่ง่ายนัก เนื่องจากเลี้ยงลูกคนเดียว และต้องรอสามีหาวันลางาน จึงตัดสินใจมาขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากท่านผู้รู้กฏหมาย หรือผู้มีประสบการณ์ว่าหลังจากนี้ดิฉันควรจะดำเนินการอย่างไรดีเพื่อจะรักษาสิทธิ์ของตนเองไว้ และก็ไม่รู้เหตุผลว่าบุคคลผู้นั้นเอาเอกสารของดิฉันไปใช้ได้อย่างไร และเพื่ออะไร
ขอยืนยันว่าเรื่องที่เล่านี้เป็นความจริงและดิฉันก็มีตัวตนจริง ตรวจสอบได้ค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกท่านที่สละเวลาอ่านและให้คำแนะนำแก่ดิฉัน