รสนา โตสิตระกูล
19 มีนาคม บริเวณ Ban Om Noi ผ่าน โทรศัพท์มือถือ
ไทยพีบีเอสเมื่อได้นำเทปเกี่ยวกับวิจารณ์สถาบันมาออกอากาสทั้ง 3ตอน โดยให้โอกาสคนๆเดียวมาออกทั้ง3ตอน ส่วน2ตอนหลังก็มีลูกคู่ที่พูดไปในทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างจังๆ
คนที่ไม่พอใจก็มีแต่เพียงประชาชนตาดำๆ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไรได้ จะไปตัดงบประมาณ หรือตัดโฆษณาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเรื่องทำนองนี้ไม่มีทั้งนักการเมือง และกลุ่มทุนที่จะไปคุกคามสื่อ เหมือนกรณีเหนือเมฆ
การที่ไทยพีบีเอสนำเทปสัมภาษณ์มาออกอากาสได้ ย่อมถือว่าสื่อมีเสรีภาพที่จะนำเสนอประเด็นสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเคยอยู่แต่ในโลกออนไลน์ และทีวีเอกชนบางช่องเท่านั้น และผู้มาออกรายการเอ่ยว่ามีคนมาสนใจอ่านถึง 5,000 คน ก็สามารถทำให้สื่อสาธารณะอย่างไทยพีบีเอสต้องให้โอกาสมาพูดออกอากาสถึง 3ครั้งต่อเนื่องกัน
สำหรับการให้ข้อมูลกรณีการผูกขาดธุรกิจพลังงานทั้งระบบของปตท.นั้น เฟสบุ๊คของดิฉันทำเรตติ้งสูงขึ้นโดยตลอด จนอาทิตย์นี้ทำนิวไฮท์ที่มีคนเข้ามาอ่านถึง 997,061คน ไม่ทราบว่าไทยพีบีเอสจะให้โอกาสดิฉันไปออกอากาศสัก 3ตอน โดยให้ดิฉันพูดเดี่ยว1ตอน ส่วนอีก 2ตอนก็ขอเพิ่มลูกคู่อีก 1คนมาพูดร่วมกับดิฉันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องการผูกขาดธุรกิจพลังงาน จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งนอกจากผูกขาดแล้ว ยังครอบงำสื่อ และเป็นรัฐซ้อนรัฐ เป็นประเด็นที่ชั่วโมงนี้ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อ ให้ข้อมูลด้านเดียวในสื่อกระแสหลักมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
ไทยพีบีเอสในฐานะเป็นสื่ออิสระของประชาชน ควรเปิดประเด็นพลังงานที่ประชาชนให้ความสนใจให้มากกว่านี้ ควรทำการสืบสวนเป็นข่าวinvesigativeด้วยตัวเองแต่ที่ผ่านมากลับเปิดโอกาสให้ฝั่งธุรกิจพลังงานมาใช้พื้นที่สื่อของไทยพีบีเอสมากกว่าฝ่ายที่ตรวจสอบ ทั้งๆที่ธุรกิจพลังงานมีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในสื่อกระแสหลักอื่นๆกว้างขวางอยู่แล้ว
ไทยพีบีเอสต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสื่ออิสระ ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ความกลัวต่อกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองจนไม่กล้าตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจผูกขาดด้านพลังงาน และการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่มีการตรวจสอบ
หวังว่าไทยพีบีเอสพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำ
//-------------------------------------------------------------
รอคำตอบอยู่นะ กล้าๆ หน่อย
ไทยพีบีเอส เมื่อไรตอบโจทย์เรื่องการผูกขาดธุรกิจพลังงาน
19 มีนาคม บริเวณ Ban Om Noi ผ่าน โทรศัพท์มือถือ
ไทยพีบีเอสเมื่อได้นำเทปเกี่ยวกับวิจารณ์สถาบันมาออกอากาสทั้ง 3ตอน โดยให้โอกาสคนๆเดียวมาออกทั้ง3ตอน ส่วน2ตอนหลังก็มีลูกคู่ที่พูดไปในทางเดียวกัน ไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างจังๆ
คนที่ไม่พอใจก็มีแต่เพียงประชาชนตาดำๆ ซึ่งถึงแม้จะมีจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไรได้ จะไปตัดงบประมาณ หรือตัดโฆษณาก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว และเรื่องทำนองนี้ไม่มีทั้งนักการเมือง และกลุ่มทุนที่จะไปคุกคามสื่อ เหมือนกรณีเหนือเมฆ
การที่ไทยพีบีเอสนำเทปสัมภาษณ์มาออกอากาสได้ ย่อมถือว่าสื่อมีเสรีภาพที่จะนำเสนอประเด็นสาธารณะที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ซึ่งเคยอยู่แต่ในโลกออนไลน์ และทีวีเอกชนบางช่องเท่านั้น และผู้มาออกรายการเอ่ยว่ามีคนมาสนใจอ่านถึง 5,000 คน ก็สามารถทำให้สื่อสาธารณะอย่างไทยพีบีเอสต้องให้โอกาสมาพูดออกอากาสถึง 3ครั้งต่อเนื่องกัน
สำหรับการให้ข้อมูลกรณีการผูกขาดธุรกิจพลังงานทั้งระบบของปตท.นั้น เฟสบุ๊คของดิฉันทำเรตติ้งสูงขึ้นโดยตลอด จนอาทิตย์นี้ทำนิวไฮท์ที่มีคนเข้ามาอ่านถึง 997,061คน ไม่ทราบว่าไทยพีบีเอสจะให้โอกาสดิฉันไปออกอากาศสัก 3ตอน โดยให้ดิฉันพูดเดี่ยว1ตอน ส่วนอีก 2ตอนก็ขอเพิ่มลูกคู่อีก 1คนมาพูดร่วมกับดิฉันจะเป็นไปได้หรือไม่ เพราะถือว่าเรื่องการผูกขาดธุรกิจพลังงาน จนสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งนอกจากผูกขาดแล้ว ยังครอบงำสื่อ และเป็นรัฐซ้อนรัฐ เป็นประเด็นที่ชั่วโมงนี้ประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แม้จะมีการประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อ ให้ข้อมูลด้านเดียวในสื่อกระแสหลักมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม
ไทยพีบีเอสในฐานะเป็นสื่ออิสระของประชาชน ควรเปิดประเด็นพลังงานที่ประชาชนให้ความสนใจให้มากกว่านี้ ควรทำการสืบสวนเป็นข่าวinvesigativeด้วยตัวเองแต่ที่ผ่านมากลับเปิดโอกาสให้ฝั่งธุรกิจพลังงานมาใช้พื้นที่สื่อของไทยพีบีเอสมากกว่าฝ่ายที่ตรวจสอบ ทั้งๆที่ธุรกิจพลังงานมีพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในสื่อกระแสหลักอื่นๆกว้างขวางอยู่แล้ว
ไทยพีบีเอสต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นสื่ออิสระ ที่ไม่ตกอยู่ภายใต้ความกลัวต่อกลุ่มทุน และกลุ่มการเมืองจนไม่กล้าตรวจสอบ และวิพากษ์วิจารณ์ธุรกิจผูกขาดด้านพลังงาน และการใช้อำนาจรัฐอย่างไม่มีการตรวจสอบ
หวังว่าไทยพีบีเอสพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำ
//-------------------------------------------------------------
รอคำตอบอยู่นะ กล้าๆ หน่อย