พูดแบบนี้กับอาจารย์แล้ว มันตีความหมายเป็นอื่นๆ ไปได้รึเปล่าครับ

พอดีเรียนโท มี อ. ที่ปรึกษาเป็นสาวเกาหลี โสด อายุมากกว่ากันแค่เจ็ดแปดปีครับ
ผมยอมรับว่า อ. หน้าตาน่ารักมากเลย แต่ผมไม่ได้คิดอะไร เพราะเรื่องงานไม่อยากให้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวด้วย
อีกอย่างคือต่อให้เจอกันตามถนนไม่รู้จักกัน ผู้หญิงอายุมากกว่ากันพอตัว ทั้งสวยทั้งฉลาดทั้งเก่งขนาดนี้ เค้าก็คงไม่เอาผมหรอก
ก็เลยไม่คิดมากกว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา เป็นลูกศิษย์ในปกครองธรรมดา
สนิทสนมกันบ้างครับ ตามประสาคนคุยกันทุกๆ สัปดาห์ สองสัปดาห์ ทีละเป็น ชม. (เรื่องงาน)
รู้เรื่องส่วนตัวอีกฝ่าย ทั้งเรื่องพ่อแม่ เรื่องหมาเค้า (ไปสัมมนาทีเค้าต้องหาพี่เลี้ยงหมา) ของอะไรชอบไม่ชอบก็รู้กันหมด
ทีนี้ปกติ ผมก็เห็นแกแต่งตัวเป็นผู้ใหญ่หน่อย เข้าใจว่าเพราะอยากให้ลูกศิษย์เคารพ จะใส่เสื้อผ้าสูทสีดำ เสื้อแจ็คเก็ตสีดำ เชิ้ตสีเทา สีขาว เนี้ยบตลอด
พอดีกับที่คณะมีงานกิจกรรม เขาขอความร่วมมือใส่เสื้อยืดกิจกรรมคณะ แล้วเวลาไปตรงกับที่นัดพบกันพแดี
ทั้งผมทั้งอ. ก็โดดกิจกรรมมาคุยงานกัน
อ. ยังอยู่ในเสื้อยืดกิจกรรม แกก็ใส่เสื้อกันหนาวถักเข้ารูปสีเหลือง ขับผิวผ่องเชียว
พอคุยงานเสร็จ ผมก็เลยทักด้วยความเคยตัวไปว่า

"วันนี้อ. แต่งตัวแปลกไปนะครับ ปกติแต่งแต่สีเข้มๆ วันนี้ใส่สีเหลืองสดใสจัง"

อ. เงียบไปห้าวิ หน้าแดง แล้วก็ตะกุกตะกักขอบคุณ แล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเลยครับ
แถมรีบส่งผมออกนอกห้องทำงานด้วย

ผมเลยสงสัยว่า ผมพูดอะไรผิดรึเปล่าครับ เหมือนจีบอ. หรือยุ่งเรื่องส่วนตัวแกมากไปรึเปล่า
เวลาเพื่อนผู้หญิงเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัว ผมก็ทักกันทุกคน คือผมเป็นคนจำอะไรๆ เป็นสี รูปทรง รูปร่าง ตามประสาคนออกแบบ
ตัดผม ย้อมผม เปลี่ยนรองเท้า กระเป๋าใหม่ เปลี่ยนสีเสื้อฉีกออกจากแนวเดิม อ้วนหรือผอมลง มันทำให้รูปลักษณ์ต่างออกไป ผมเลยสังเกตได้ไวกว่าผู้ชายคนอื่น

กลัวว่างานจะมีปัญหาน่ะครับ ถ้าไม่เหมาะสม ก็คงต้องระวังเรื่องคุยๆ กับ อ. มากขึ้น คุยเรื่องส่วนตัวให้น้อยลง
ขอบคุณที่มาตอบนะครับ