"คำรณวิทย์"เข้ม!! สั่งย้าย"ร้อยเวร สน.พหลฯ" ช่วยราชการ เหตุไม่รายงานกรณีนักข่าวถูกปาดคอชิงทรัพย์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363766777&grpid=00&catid=&subcatid=
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มกราคม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งให้ ร.ต.ท.ชานนท์ ทองเกษม พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เข้ามาช่วยราชการที่กองบังคับการอำนวยการ บช.น. เป็นเวลา 30 วัน โดยสาเหตุคือไม่รายงานเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดปาดคอจี้ชิงทรัพย์ นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดใน ซอยเสือใหญ่อุทิศ โดยขณะเกิดเหตุ ร.ต.ท.ชานนท์ ทำหน้าที่เป็นร้อยเวรรับแจ้งเหตุอยู่ ทำให้การติดตามตัวคนร้ายเกิดความล่าช้า
"อาจจะให้อยู่เรื่อยๆ เพราะรู้ว่ามีเหตุ แต่ไม่ยอมแจ้งผู้บังคับบัญชา ทำให้มีการรายงานตามลำดับชั้นมีปัญหา ส่งผลให้การติดตามคนร้ายก็เป็นไปได้ยาก อีกทั้งพอทราบว่ามีผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ไม่ไปดูอาการ ผมต้องถามไปยัง ผกก.สน.พหลโยธิน ถึงทราบเรื่อง และสั่งให้รีบไปดูคนเจ็บ อย่างไรก็ตาม คดีมีความคืบหน้าพอสมควร และให้ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. เข้าไปสืบสวนคุมคดีนี้แล้ว" พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว และว่า ให้ถือเป็นบทเรียนและทุกเหตุร้ายไม่ว่าจะเกิดกับใครต้องมีการรายงานเข้ามา ทำอย่างนื้ถือว่าไม่เหมาะสมจะเป็นพนักงานสอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า ทราบว่าวันที่เกิดเหตุ ร.ต.ท.ชานนท์รู้แต่เพียงว่ามีเหตุเกิดขึ้น แต่ไม่ทราบรายละเอียด กระทั่งพ่อของผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความว่าลูกตนเองถูกจี้และบาดเจ็บ แต่พ่อของผู้เสียหายก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดที่ไหน ทำให้ ร.ต.ท.ชานนท์ไม่มีข้อมูลจะรายงาน แต่ทั้งนี้ หากเป็นคำสั่งว่ามีความผิดก็ต้องรับโทษตามที่ผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งมา
"การรายงานล่าช้าเพราะไม่มีข้อมูล ทำให้ผู้ใหญ่ไม่มีข้อมูลจะไปตอบกับสังคม หรือสื่อมวลชนได้ ต่อไปต้องกำชับให้ตรวจสอบเหตุทุกอย่างที่เกิดขึ้น และให้รีบรายงานทันที" ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าว
.......................................................................................................................................................
สรุปง่ายๆ ว่าความผิด "ขั้นรุนแรง" ของร้อยเวร ไม่ใช่ไม่ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ ไม่ประสานงานสายตรวจไปตรวจสอบ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ๆๆๆ ฯลฯ ...แต่เป็น
ไม่ "ส.ใส่เกือก" แจ้งผู้บังคับบัญชา ว่ามี "นักข่าว" ถูกทำร้าย และ "ทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้า" เพราะนักข่าวอื่นไปถาม .......แล้วไม่รู้เรื่อง
......ความผิดร้ายแรงจริงๆ..... พับผ่า
ผู้กำกับ ยังออกมาช่วยหน้ามึนเสียอีกต่างหาก....
ที่จริงต้องสั่งย้ายผู้กำกับเสียด้วย เพราะเป็นต้นตอของนโยบายชั่วร้าย "เป่าคดี" ประจำโรงพัก ไม่รับแจ้งความ แจ้งความแต่ไม่บันทึก (ฟังเอามันเฉยๆ) โยกโย้ให้เจ้าทุกข์ไปหาหลักฐาน หารายละเอียดเอามาให้ แล้วค่อยรับแจ้งความ (แล้วตำรวจมันทำอะไรมั่งหว่า ?)
ประชาชนทั่วไป ถ้าขึ้นโรงพัก ไม่มีเส้นสาย ไม่ใช่ นักข่าว ดารา ลูกหลานข้าราชการใหญ่ พรรคพวกนักการเมือง .....คงได้แค่ด่าแม่มร้อยเวรในใจ....
ปล. สมัยนี้ไปหาตำรวจ ต้องเตรียมอัดคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน .....ปาข้ามหัวผู้กำกับ ให้นักข่าวไปเลย....
ปาดคอนักข่าว เรื่องตลกตำรวจไทย เรื่องร้ายประชาชน
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1363766777&grpid=00&catid=&subcatid=
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 20 มกราคม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เปิดเผยว่า ได้ลงนามคำสั่งให้ ร.ต.ท.ชานนท์ ทองเกษม พนักงานสอบสวนสน.พหลโยธิน เข้ามาช่วยราชการที่กองบังคับการอำนวยการ บช.น. เป็นเวลา 30 วัน โดยสาเหตุคือไม่รายงานเหตุคนร้ายใช้อาวุธมีดปาดคอจี้ชิงทรัพย์ นายสุวัฒน์ ปัญจวงศ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ บาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดใน ซอยเสือใหญ่อุทิศ โดยขณะเกิดเหตุ ร.ต.ท.ชานนท์ ทำหน้าที่เป็นร้อยเวรรับแจ้งเหตุอยู่ ทำให้การติดตามตัวคนร้ายเกิดความล่าช้า
"อาจจะให้อยู่เรื่อยๆ เพราะรู้ว่ามีเหตุ แต่ไม่ยอมแจ้งผู้บังคับบัญชา ทำให้มีการรายงานตามลำดับชั้นมีปัญหา ส่งผลให้การติดตามคนร้ายก็เป็นไปได้ยาก อีกทั้งพอทราบว่ามีผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บก็ไม่ไปดูอาการ ผมต้องถามไปยัง ผกก.สน.พหลโยธิน ถึงทราบเรื่อง และสั่งให้รีบไปดูคนเจ็บ อย่างไรก็ตาม คดีมีความคืบหน้าพอสมควร และให้ พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. เข้าไปสืบสวนคุมคดีนี้แล้ว" พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าว และว่า ให้ถือเป็นบทเรียนและทุกเหตุร้ายไม่ว่าจะเกิดกับใครต้องมีการรายงานเข้ามา ทำอย่างนื้ถือว่าไม่เหมาะสมจะเป็นพนักงานสอบสวน
ด้าน พ.ต.อ.ชาตรี กาญจนกันติ ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าวว่า ทราบว่าวันที่เกิดเหตุ ร.ต.ท.ชานนท์รู้แต่เพียงว่ามีเหตุเกิดขึ้น แต่ไม่ทราบรายละเอียด กระทั่งพ่อของผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความว่าลูกตนเองถูกจี้และบาดเจ็บ แต่พ่อของผู้เสียหายก็ไม่รู้ว่าเหตุเกิดที่ไหน ทำให้ ร.ต.ท.ชานนท์ไม่มีข้อมูลจะรายงาน แต่ทั้งนี้ หากเป็นคำสั่งว่ามีความผิดก็ต้องรับโทษตามที่ผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งมา
"การรายงานล่าช้าเพราะไม่มีข้อมูล ทำให้ผู้ใหญ่ไม่มีข้อมูลจะไปตอบกับสังคม หรือสื่อมวลชนได้ ต่อไปต้องกำชับให้ตรวจสอบเหตุทุกอย่างที่เกิดขึ้น และให้รีบรายงานทันที" ผกก.สน.พหลโยธิน กล่าว
.......................................................................................................................................................
สรุปง่ายๆ ว่าความผิด "ขั้นรุนแรง" ของร้อยเวร ไม่ใช่ไม่ออกไปตรวจที่เกิดเหตุ ไม่ประสานงานสายตรวจไปตรวจสอบ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ๆๆๆ ฯลฯ ...แต่เป็น
ไม่ "ส.ใส่เกือก" แจ้งผู้บังคับบัญชา ว่ามี "นักข่าว" ถูกทำร้าย และ "ทำให้ผู้ใหญ่เสียหน้า" เพราะนักข่าวอื่นไปถาม .......แล้วไม่รู้เรื่อง
......ความผิดร้ายแรงจริงๆ..... พับผ่า
ผู้กำกับ ยังออกมาช่วยหน้ามึนเสียอีกต่างหาก....
ที่จริงต้องสั่งย้ายผู้กำกับเสียด้วย เพราะเป็นต้นตอของนโยบายชั่วร้าย "เป่าคดี" ประจำโรงพัก ไม่รับแจ้งความ แจ้งความแต่ไม่บันทึก (ฟังเอามันเฉยๆ) โยกโย้ให้เจ้าทุกข์ไปหาหลักฐาน หารายละเอียดเอามาให้ แล้วค่อยรับแจ้งความ (แล้วตำรวจมันทำอะไรมั่งหว่า ?)
ประชาชนทั่วไป ถ้าขึ้นโรงพัก ไม่มีเส้นสาย ไม่ใช่ นักข่าว ดารา ลูกหลานข้าราชการใหญ่ พรรคพวกนักการเมือง .....คงได้แค่ด่าแม่มร้อยเวรในใจ....
ปล. สมัยนี้ไปหาตำรวจ ต้องเตรียมอัดคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน .....ปาข้ามหัวผู้กำกับ ให้นักข่าวไปเลย....