http://crime.tnews.co.th/content/138519/
ผบก.น2.สั่งเด้ง ผกก.สน.บางเขน พร้อมตั้งกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง เหตุให้สัมภาษณ์สื่อกรณีผู้ช่วยผู้พิพากษาเข้าแจ้งความถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ย่าน ม.เกษตรฯ ขณะเรื่องยังไม่ได้ข้อยุกติ
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 มีคำสั่งเลขที่190/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ และรักษาราขการแทน โดยให้ พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน ไปปฏิบัติการที่ศูนย์ราชการ กองบังคับการตำรวจนครบาล2 (ศปก.บก.น.2) ให้ไปรายงานตัวภายในวันที่ 19 เมษายน 2558 เวลา19.00น. และ มอบหมายให้ พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บางเขน รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับ สน.บางเขน
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือ เลขที่ 189/2558 ลงวันที่ 19 เมษายน 58 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน กรณีให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ อาจจะส่งผลกระทบหรือความเสียหายต่อการปฏิบัติงาน ในกรณีที่ นายอรุณรัตน์ ศรีพิเชียร ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ หมายเลขทะเบียน กง-4923 สุราษฎร์ธานี บริเวณประตูทางเข้า-ออก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 17 เม.ย.58 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ ได้กล่าวหลังเกิดเหตุ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบด้วยการวัดวิถีการยิงระยะการยิง รวมถึงวิเคราะห์อาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบว่า ที่รอยแตกกระจกประตูด้านขวาหลังคนขับ และ กระจกประตูหลังของรถคันดังกล่าว มีลักษณะคล้ายถูกของแข็งไม่ทราบชนิด ทุบแตก และ คนร้ายน่าจะกระทำขณะที่รถจอดอยู่มากกว่ากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และ จากการตรวจสอบภายในรถก็ไม่พบหัวกระสุน หรือปลอกกระสุน ซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมที่ให้การตรงกันว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอาวุธปืนหรือคนร้ายแต่อย่างใด และ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่พบบุคคลต้องสงสัย หรือยานพานหะต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะก่อเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องการขับรถปาดหน้าเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องหน้าที่การงาน โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ข่มขู่มากกว่าจะเอาชีวิต ซึ่งตอนนี้ทางผู้เสียหายไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระทำยังคงเป็นความผิดทางอาญา
รถผู้พิพากษาถูกทุบ ถึงกับเด้ง ผู้กำกับบางเขน ทำไมเด้งง่ายจัง แบบนี้อาชีพตำรวจไม่เครียดตายเหรอ
ผบก.น2.สั่งเด้ง ผกก.สน.บางเขน พร้อมตั้งกรรมสอบสวนข้อเท็จจริง เหตุให้สัมภาษณ์สื่อกรณีผู้ช่วยผู้พิพากษาเข้าแจ้งความถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ย่าน ม.เกษตรฯ ขณะเรื่องยังไม่ได้ข้อยุกติ
วันนี้ (20 เม.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ก่อเกียรติ วงศ์สุเมธ ผบก.น.2 มีคำสั่งเลขที่190/2558 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการ และรักษาราขการแทน โดยให้ พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน ไปปฏิบัติการที่ศูนย์ราชการ กองบังคับการตำรวจนครบาล2 (ศปก.บก.น.2) ให้ไปรายงานตัวภายในวันที่ 19 เมษายน 2558 เวลา19.00น. และ มอบหมายให้ พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สน.บางเขน รักษาราชการแทนในตำแหน่งผู้กำกับ สน.บางเขน
นอกจากนี้ ยังมีหนังสือ เลขที่ 189/2558 ลงวันที่ 19 เมษายน 58 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ สิทธาภิรมย์ ผกก.สน.บางเขน กรณีให้ข่าวหรือให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งข้อเท็จจริงยังไม่ยุติ อาจจะส่งผลกระทบหรือความเสียหายต่อการปฏิบัติงาน ในกรณีที่ นายอรุณรัตน์ ศรีพิเชียร ผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขน ว่าถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวิช สีดำ หมายเลขทะเบียน กง-4923 สุราษฎร์ธานี บริเวณประตูทางเข้า-ออก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนงามวงศ์วาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม. เมื่อวันที่ 17 เม.ย.58 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ณัฐณวิทย์ ได้กล่าวหลังเกิดเหตุ ว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบด้วยการวัดวิถีการยิงระยะการยิง รวมถึงวิเคราะห์อาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ พบว่า ที่รอยแตกกระจกประตูด้านขวาหลังคนขับ และ กระจกประตูหลังของรถคันดังกล่าว มีลักษณะคล้ายถูกของแข็งไม่ทราบชนิด ทุบแตก และ คนร้ายน่าจะกระทำขณะที่รถจอดอยู่มากกว่ากำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า และ จากการตรวจสอบภายในรถก็ไม่พบหัวกระสุน หรือปลอกกระสุน ซึ่งสอดคล้องกับพยานแวดล้อมที่ให้การตรงกันว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอาวุธปืนหรือคนร้ายแต่อย่างใด และ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตรงจุดเกิดเหตุก็ไม่พบบุคคลต้องสงสัย หรือยานพานหะต้องสงสัยที่คาดว่าน่าจะก่อเหตุครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม สำหรับเหตุในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ตัดประเด็นใดทิ้ง ทั้งเรื่องการขับรถปาดหน้าเรื่องส่วนตัว หรือเรื่องหน้าที่การงาน โดยคาดว่าคนร้ายน่าจะประสงค์ข่มขู่มากกว่าจะเอาชีวิต ซึ่งตอนนี้ทางผู้เสียหายไม่ได้ติดใจเอาความแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การกระทำยังคงเป็นความผิดทางอาญา