ยารักษาสิวที่เป็นยาในกลุ่มกรดวิตามินเอ ชนิดรับประทาน ที่มีชื่อสามัญทางยาว่า ไอโสเตรติโนอิน (isotretinoin) หรือ เรติโนอิก แอซิด (retinoic acid)
และมีชื่อทางการค้า ที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Roaccutane® (โรแอคคิวเทน), Acnotin® (แอคโนทิน),Sotret® (โสเตรส), Isotane® (ไอโสเทน) เป็นต้น
เป็นอนุพันธ์ vitamin A (13-cis-retinoic acid)
เป็นยาที่ทำให้เกิด
ความพิการของทารก (Teratogen) ที่พบว่ามีการใช้บ่อยที่สุด
การได้รับยา isotretinoin ในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการแท้งบุตรร้อยละ 22
ความพิการแต่กำเนิดร้อยละ 28 มีโอกาสเกิดความบกพร่องด้านสติปัญญาถึงแม้ไม่มีความพิการแต่กำเนิดอื่นได้ร้อยละ 47
ความพิการแต่กำเนิดที่อาจพบได้ เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง ความผิดปกติของใบหน้า ได้แก่ ความผิดปกติของใบหู เพดานโหว่ คางสั้น
ความผิดปกติของตา ระบบหัวใจ อาจพบความผิดปกติของเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ ความผิดปกติของต่อมไธมัส เป็นต้น
เนื่องจากค่าครึ่งชีวิตของยาสั้น โดยถ้าหยุดยาก่อนตั้งครรภ์ ไม่พบว่าทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด
โดยทั่วไปในสตรีก่อนรับการรักษาด้วยยานี้ ต้องการตรวจตั้งครรภ์ก่อนใช้ยา
ระหว่างใช้ยาต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและหยุดยาก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน
แต่บางคำแนะนำบอกว่าต้องคุมกำเนิดก่อนเริ่มยาประมาณ 3 เดือน และตลอดการใช้ยา และควรหยุดยาอย่างน้อย 3 เดือนถึง 1 ปีก่อนตั้งครรภ์
แต่ถ้าเป็นยาตัวอื่นที่เป็นวิตามินเอแบบกินเหมือนกัน คือ Etretrinate ซึ่งใช้รักษาโรคผิวหนัง เช่น เรื้อน เป็นต้น
ยาตัวนี้ค่าครึ่งชีวิตนาน ต้องหยุดยาอย่างน้อย 2 ปี จึงจะตั้งครรภ์ได้
***สาวๆ ที่กำลังจะเข้าคอร์สรักษาสิว ต้องระลึกไว้เสมอ ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ต้องคุมกำเนิด ถ้าประจำเดือนขาด รีบไปตรวจการตั้งครรภ์ ถ้าตั้งครรภ์รีับไปพบแพทย์***
อย่างไรก็ตามถ้ากินยาตัวนี้แล้วท้อง ก็ยังไม่มีแนวทางการดูแลที่ชัดเจนว่าควรจะำอย่างไรต่อ
เพราะฉะนั้นโรงพยาบาลแต่ละแห่งก็จะให้การดูแลไม่เหมือนกัน ขึ้นกับการตัดสินใจของแพทย์ที่ดูแลเป็นหลัก
ยังไงก็ตาม ไม่ท้องดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจนะจ๊ะนะ... เป็นห่วง
มีบทความของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเกี่ยวกับยาตัวนี้ ถ้าสนใจไปอ่านเพิ่มเติมต่อได้นะคะ ตาม Link นี้เลย
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=13
ปล. ค่าครึ่งชีวิต หมายถึง ระยะเวลาที่ปริมาณยาในร่างกายจะลดลง 50%
Reference: Williams obstetrics 23th edition
Picture from : drugdaily.exteen.com
หมอเมษ์ -
https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=tn_tnmn
ยาแก้สิว กับอันตรายที่สาวๆ "ต้อง" รู้
และมีชื่อทางการค้า ที่เป็นที่รู้จักกันดี คือ Roaccutane® (โรแอคคิวเทน), Acnotin® (แอคโนทิน),Sotret® (โสเตรส), Isotane® (ไอโสเทน) เป็นต้น
เป็นอนุพันธ์ vitamin A (13-cis-retinoic acid)
เป็นยาที่ทำให้เกิดความพิการของทารก (Teratogen) ที่พบว่ามีการใช้บ่อยที่สุด
การได้รับยา isotretinoin ในช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสแรก มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการแท้งบุตรร้อยละ 22
ความพิการแต่กำเนิดร้อยละ 28 มีโอกาสเกิดความบกพร่องด้านสติปัญญาถึงแม้ไม่มีความพิการแต่กำเนิดอื่นได้ร้อยละ 47
ความพิการแต่กำเนิดที่อาจพบได้ เช่น ระบบประสาทส่วนกลาง ความผิดปกติของใบหน้า ได้แก่ ความผิดปกติของใบหู เพดานโหว่ คางสั้น
ความผิดปกติของตา ระบบหัวใจ อาจพบความผิดปกติของเส้นเลือดใหญ่ที่ออกจากหัวใจ ความผิดปกติของต่อมไธมัส เป็นต้น
เนื่องจากค่าครึ่งชีวิตของยาสั้น โดยถ้าหยุดยาก่อนตั้งครรภ์ ไม่พบว่าทำให้เกิดความพิการแต่กำเนิด
โดยทั่วไปในสตรีก่อนรับการรักษาด้วยยานี้ ต้องการตรวจตั้งครรภ์ก่อนใช้ยา
ระหว่างใช้ยาต้องคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพและหยุดยาก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 1 เดือน
แต่บางคำแนะนำบอกว่าต้องคุมกำเนิดก่อนเริ่มยาประมาณ 3 เดือน และตลอดการใช้ยา และควรหยุดยาอย่างน้อย 3 เดือนถึง 1 ปีก่อนตั้งครรภ์
แต่ถ้าเป็นยาตัวอื่นที่เป็นวิตามินเอแบบกินเหมือนกัน คือ Etretrinate ซึ่งใช้รักษาโรคผิวหนัง เช่น เรื้อน เป็นต้น
ยาตัวนี้ค่าครึ่งชีวิตนาน ต้องหยุดยาอย่างน้อย 2 ปี จึงจะตั้งครรภ์ได้
***สาวๆ ที่กำลังจะเข้าคอร์สรักษาสิว ต้องระลึกไว้เสมอ ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์ต้องคุมกำเนิด ถ้าประจำเดือนขาด รีบไปตรวจการตั้งครรภ์ ถ้าตั้งครรภ์รีับไปพบแพทย์***
อย่างไรก็ตามถ้ากินยาตัวนี้แล้วท้อง ก็ยังไม่มีแนวทางการดูแลที่ชัดเจนว่าควรจะำอย่างไรต่อ
เพราะฉะนั้นโรงพยาบาลแต่ละแห่งก็จะให้การดูแลไม่เหมือนกัน ขึ้นกับการตัดสินใจของแพทย์ที่ดูแลเป็นหลัก
ยังไงก็ตาม ไม่ท้องดีที่สุด จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มใจนะจ๊ะนะ... เป็นห่วง
มีบทความของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลเกี่ยวกับยาตัวนี้ ถ้าสนใจไปอ่านเพิ่มเติมต่อได้นะคะ ตาม Link นี้เลย
http://www.pharmacy.mahidol.ac.th/thai/knowledgeinfo.php?id=13
ปล. ค่าครึ่งชีวิต หมายถึง ระยะเวลาที่ปริมาณยาในร่างกายจะลดลง 50%
Reference: Williams obstetrics 23th edition
Picture from : drugdaily.exteen.com
หมอเมษ์ -https://www.facebook.com/pages/ใกล้มิตรชิดหมอ/138161163029343?ref=tn_tnmn