แปลกใจที่วันนี้หุ้นลงแล้วไม่เครียด ??
วันสองสามวันนี้นักลงทุนหลายๆท่าน อาจจะประสบกับความเครียด
ที่เกิดจากการเทกระจาดของปู่ set อย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง
เพื่อนๆที่ออฟฟิศหลายๆคนถึงกับไม่มีกะจิตกะใจทำงาน สมาธิหายไปหมดเลยทีเดียว
ณ. ตลาดแบบนี้ น้อยคนนักที่จะยิ้มออก หรือไม่พบกับความขาดทุน (หรือกำไรลดลง)
แต่ผมกลับแปลกใจตัวเองที่ทำไมถึง(ยัง)ไม่เครียด
ทั้งๆที่ขาดทุนไปเยอะพอตัวเลยทีเดียวเชียวหล่ะ
หรืออาจจะเป็นเพราะ
1. ปลง .... จะลงเท่าไหร่ก็ลงมาเหอะ หุ้นลงได้ก็ขึ้นได้
นี่มันก็ขึ้นมามากแล้ว มันคงถึงเวลาที่ต้องลงบ้าง
2. ทำใจมาแล้ว .... คิดว่าหลายๆคนทำใจมาเช่นกัน เพราะดูแล้ว set
ก็วิ่งมาแรง เติบโตกันแบบก้าวกระโดดมาเป็นระยะเวลานึง
โดยแทบไม่มีการพักฐานเลย เลยอาจทำใจว่าเหตุการณ์เทกระจาดนี้
ไม่วันใดก็วันนึง มันต้องมาถึงแน่นอน
3. มองเป็นโอกาส .... หุ้นหลายๆตัว นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อ
เพราะราคาแพงเกินไปกว่าที่ตั้งใจไว้มาก ภาวะแบบนี้
อาจจะเป็นโอกาสของนักลงทุนหลายๆคนที่หาโอกาสเข้าซื้อของถูก (มั้ง)
4. เจ็บจนชิน .... ตลอดระยะเวลาการเล่นหุ้นมา
ไม่มีใครที่ไม่เคยพบกับคำว่าขาดทุนหรอกครับ
(ยกเว้นคุณเพิ่มเล่นได้ไม่นาน) เลยอาจคิดไปว่า เจ็บกว่านี้ก็เจอมาแล้ว
อีกซักครั้งจะเป็นไรไป
5. ถือเป็นประสบการณ์ .... มีผู้รู้หลายๆคนเคยกล่าวว่า เพราะเคยล้ม
เลยรู้จักวิธีลุก นี่อาจจะเป็นบทเรียนครั้งหนึ่งและประสบการณ์อันดี
ที่จะช่วยสอนให้เรารับมือกับวิกฤตต่างๆ
รวมไปถึงเสริมภูมิคุ้มกันให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้
หรือเหตุผลอื่นๆ ต่างๆนาๆ
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมานี้ เหตูผลก็เพราะแค่ไม่อยากให้เพื่อนๆนักลงทุน
"เครียด" กับมันจนเกินไปครับ
ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์ร้ายๆ เช่น นักลงทุนฆ่าตัวตาย
หรือเครียดจนประสาทเสีย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต
อยากให้เรามองสถานการ์นี้ในหลายๆมิติ หลายๆมุมมอง อยู่กับมันอย่างพอเหมาะและพอดี
เปิดใจให้กว้างกับการลงทุน
และอย่าลืมว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตคุณเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ ^ ^
แปลกใจที่วันนี้หุ้นลงแล้วไม่เครียด ??
วันสองสามวันนี้นักลงทุนหลายๆท่าน อาจจะประสบกับความเครียด
ที่เกิดจากการเทกระจาดของปู่ set อย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง
เพื่อนๆที่ออฟฟิศหลายๆคนถึงกับไม่มีกะจิตกะใจทำงาน สมาธิหายไปหมดเลยทีเดียว
ณ. ตลาดแบบนี้ น้อยคนนักที่จะยิ้มออก หรือไม่พบกับความขาดทุน (หรือกำไรลดลง)
แต่ผมกลับแปลกใจตัวเองที่ทำไมถึง(ยัง)ไม่เครียด
ทั้งๆที่ขาดทุนไปเยอะพอตัวเลยทีเดียวเชียวหล่ะ
หรืออาจจะเป็นเพราะ
1. ปลง .... จะลงเท่าไหร่ก็ลงมาเหอะ หุ้นลงได้ก็ขึ้นได้
นี่มันก็ขึ้นมามากแล้ว มันคงถึงเวลาที่ต้องลงบ้าง
2. ทำใจมาแล้ว .... คิดว่าหลายๆคนทำใจมาเช่นกัน เพราะดูแล้ว set
ก็วิ่งมาแรง เติบโตกันแบบก้าวกระโดดมาเป็นระยะเวลานึง
โดยแทบไม่มีการพักฐานเลย เลยอาจทำใจว่าเหตุการณ์เทกระจาดนี้
ไม่วันใดก็วันนึง มันต้องมาถึงแน่นอน
3. มองเป็นโอกาส .... หุ้นหลายๆตัว นักลงทุนไม่กล้าเข้าซื้อ
เพราะราคาแพงเกินไปกว่าที่ตั้งใจไว้มาก ภาวะแบบนี้
อาจจะเป็นโอกาสของนักลงทุนหลายๆคนที่หาโอกาสเข้าซื้อของถูก (มั้ง)
4. เจ็บจนชิน .... ตลอดระยะเวลาการเล่นหุ้นมา
ไม่มีใครที่ไม่เคยพบกับคำว่าขาดทุนหรอกครับ
(ยกเว้นคุณเพิ่มเล่นได้ไม่นาน) เลยอาจคิดไปว่า เจ็บกว่านี้ก็เจอมาแล้ว
อีกซักครั้งจะเป็นไรไป
5. ถือเป็นประสบการณ์ .... มีผู้รู้หลายๆคนเคยกล่าวว่า เพราะเคยล้ม
เลยรู้จักวิธีลุก นี่อาจจะเป็นบทเรียนครั้งหนึ่งและประสบการณ์อันดี
ที่จะช่วยสอนให้เรารับมือกับวิกฤตต่างๆ
รวมไปถึงเสริมภูมิคุ้มกันให้เราแข็งแกร่งขึ้นได้
หรือเหตุผลอื่นๆ ต่างๆนาๆ
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมานี้ เหตูผลก็เพราะแค่ไม่อยากให้เพื่อนๆนักลงทุน
"เครียด" กับมันจนเกินไปครับ
ผมไม่อยากให้มีเหตุการณ์ร้ายๆ เช่น นักลงทุนฆ่าตัวตาย
หรือเครียดจนประสาทเสีย เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาในอดีต
อยากให้เรามองสถานการ์นี้ในหลายๆมิติ หลายๆมุมมอง อยู่กับมันอย่างพอเหมาะและพอดี
เปิดใจให้กว้างกับการลงทุน
และอย่าลืมว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตคุณเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
ขอให้สนุกกับการลงทุนครับ ^ ^