Newbie Review NO.2
Olympus Has Fallen : ดุ มัน ดิบ สไตล์ อังตวน
Ranks : 4.00
คำเตือน : รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ติชมได้ตามใจชอบครับ และรีวิวนี้ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญแต่อย่างใด
ถึงแม้หน้าหนังจะรู้ได้ทันทีเลยว่าโปรอเมริกัน แต่ขึ้นชื่อระดับอังตวน ฟูคัว (Training Day, Shooter, Brooklyn's Finest, Tears of the Sun) ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ที่สำคัญยกทัพนักแสดงสมทบชั้นยอดมาไว้และแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีเสียด้วยสิ
หนังเล่าเรื่องราวของไมค์ แบนนิ่ง อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบขึ้น เขาดันเป็นคนสุดท้ายที่เป็นความหวังเดียวที่จะกอบกู้ทำเนียบกลับคืนมา (ไม่อยากสปอยเรื่องมาก ไปดูเอาเอง)
เรื่องนี้เจอราร์ด บัตเลอร์นั่งแท่นอำนวยการสร้างและนำแสดง ซึงดูแล้วแอบเหนื่อยแทน เขาเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพสูงคนหนึ่ง ซึ่งมอบการแสดงที่หนักแน่นและเปี่ยมอารมณ์ขัน ที่เราต้องเอาใจช่วยเขาตลอดเวลาได้อย่างไม่ยากเย็น สำหรับรุ่นใหญ่ ป๋ามอร์แกน ก็ยังรักษาคุณภาพระดับสมบัติแห่งชาติ กับบทบาทโฆษกทำเนียบขาว ซึ่งเขาสามารถมอบความสง่างามและทรงพลังมาสู่บทได้ ส่วนแอรอน เอ็กฮาร์ท สอบผ่านสำหรับบทบาทประธานาธิบดี เขามอบการแสดงที่ดี แม้จะไม่เทียบเท่าในระดับเดียวกับบทอัยการ ฮาร์วีย์ เด๊นท์ใน The Dark knight แต่ก็ทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีหนุ่มหัวสมัยใหม่(และหล่อ)ได้โอเคอยู่
แต่ส่วนที่ขอชมเชยที่สุดคือ สองสาวนักแสดงสมทบมีดีกรีรับประกัน อย่าง เมลิสสา ลีโอ กับบบทบาทของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมหญิง และ แองเจลา บาสเซ็ท กับบทผู้อำนวยการหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี ซึ่งช่วยยกระดับการแสดงของหนังเรื่องนี้ได้มากโข โดยเฉพาะรายแรก ที่"ทุ่มสุดตัว" (อยากรู้ไปดูเอาเอง) ซึ่งทั้งสองคนทำได้อย่างน่าประทับใจมาก แต่สำหรับบทลีอาห์ที่แสดงโดย ราดาห์ มิชเชลนั้น รู้สึกว่าบทไม่ส่งเธอเท่าไหร่ เลยไม่สามารถให้การแสดงอะไรได้เต็มที่มากนัก (ที่จริงให้คนอื่นเล่นก็ได้นะบทแบบนี้ แอบเสียดายน้าราดาห์)
เรื่องการดำเนินเรื่องนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก แต่ผู้กำกับอังตวนไม่ทิ้งลายเดิม สามารถกำกับเนื้อเรื่องแอ็คชั่นธรรมดาให้ออกมา ดุดันสมจริง ดิบ เรียล และแฝงอารมณ์ขันไว้ได้ในบางฉาก (ผมคิดว่าทุกคนต้องแอบชอบฉากลินคอห์นและฉากเกาหลีนั่งขำแน่ๆ) ซึ่งได้อารมณ์มันส์สะใจไม้แพ้เรื่องเก่าของเขาอย่าง Shooter การกำกับจังหวะเล่าเรื่องของหนังสามารถขับเคลื่อนหนังให้ไปข้างหน้าได้ตลอดแทบไม่มีให้พักหายใจ (Shooter ยังมีพักชิลล์ๆบ้าง) ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้เรามันส์ไปกับหนังได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งทำให้ 120 นาทีของหนังที่ดำเนินไปนั้นไม่น่าเบื่อเลย เพราะปกติความยาวในระดับ 2 ชั่วโมงถือว่ายาวมากสำหรับหน้าหนังแอ็คแบบนี้
อังตวนสามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าอาจมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วยการค้นข้อมูล ทำการบ้านอย่างหนักในทุกด้านของผู้กำกับ เช่นเรื่องของเวลาในการปฏิบัติการ หรือ Protocol ต่างๆ ที่อังตวนเองมีที่ปรึกษาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่เช่น FBI CIA แม้กระทั่งอดีตหน่วยอารักขาประธานาธิบดีเองก็ตาม
ส่วนอื่นก็มีแค่เนื้อเรื่องที่ธรรมดาไม่ต้องคาดเดาอะไร และไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่
ส่วนเนื้อเรื่องก็คาดเดาได้ไม่อยาก การดำเนินเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องคิด เป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีถ้าอยากผ่อนคลายด้วยหนังแอ็คชั่นลุ้นๆ มันๆ
ดนตรีประกอบแอบมีกลิ่นคล้ายๆกับ Air Force One ของ Jerry Goldsmith ซึ่งไม่แน่ใจว่าจงใจหรือเปล่า
สรุปโดยรวม เป็นหนังแอ็คชั่นโปรอเมริกัน ที่อาจไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือหวือหวา แต่เป็นแอ็คชั่นสไตล์อังตวน ฟูคัว ที่ดูได้อย่างสนุก มันส์ ซึ่งแต่ละฉากดูดิบ ดุดันและสมจริง นักแสดงทำหน้าที่ได้อย่างทุ่มเท แต่ละคนนี่เยินกันเป็นแถบ (ในเรื่อง) ถ้าช่วงนี้ยังไม่รู้จะดูอะไรหรือเบื่อๆก็แนะนำกันให้ไปดูเรื่องนี้กันนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ^^
[SR] มือใหม่รีวิว : ดูมาแล้ว Olympus Has Fallen : ลีโอไนดาสกู้ทำเนียบ : ดุ มัน ดิบ สไตล์อังตวน
Newbie Review NO.2
Olympus Has Fallen : ดุ มัน ดิบ สไตล์ อังตวน
Ranks : 4.00
คำเตือน : รีวิวนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว ติชมได้ตามใจชอบครับ และรีวิวนี้ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญแต่อย่างใด
ถึงแม้หน้าหนังจะรู้ได้ทันทีเลยว่าโปรอเมริกัน แต่ขึ้นชื่อระดับอังตวน ฟูคัว (Training Day, Shooter, Brooklyn's Finest, Tears of the Sun) ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ที่สำคัญยกทัพนักแสดงสมทบชั้นยอดมาไว้และแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้ดีเสียด้วยสิ
หนังเล่าเรื่องราวของไมค์ แบนนิ่ง อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์บุกยึดทำเนียบขึ้น เขาดันเป็นคนสุดท้ายที่เป็นความหวังเดียวที่จะกอบกู้ทำเนียบกลับคืนมา (ไม่อยากสปอยเรื่องมาก ไปดูเอาเอง)
เรื่องนี้เจอราร์ด บัตเลอร์นั่งแท่นอำนวยการสร้างและนำแสดง ซึงดูแล้วแอบเหนื่อยแทน เขาเป็นนักแสดงที่มีศักยภาพสูงคนหนึ่ง ซึ่งมอบการแสดงที่หนักแน่นและเปี่ยมอารมณ์ขัน ที่เราต้องเอาใจช่วยเขาตลอดเวลาได้อย่างไม่ยากเย็น สำหรับรุ่นใหญ่ ป๋ามอร์แกน ก็ยังรักษาคุณภาพระดับสมบัติแห่งชาติ กับบทบาทโฆษกทำเนียบขาว ซึ่งเขาสามารถมอบความสง่างามและทรงพลังมาสู่บทได้ ส่วนแอรอน เอ็กฮาร์ท สอบผ่านสำหรับบทบาทประธานาธิบดี เขามอบการแสดงที่ดี แม้จะไม่เทียบเท่าในระดับเดียวกับบทอัยการ ฮาร์วีย์ เด๊นท์ใน The Dark knight แต่ก็ทำให้เราเชื่อว่าเขาเป็นประธานาธิบดีหนุ่มหัวสมัยใหม่(และหล่อ)ได้โอเคอยู่
แต่ส่วนที่ขอชมเชยที่สุดคือ สองสาวนักแสดงสมทบมีดีกรีรับประกัน อย่าง เมลิสสา ลีโอ กับบบทบาทของรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมหญิง และ แองเจลา บาสเซ็ท กับบทผู้อำนวยการหน่วยรักษาความปลอดภัยประธานาธิบดี ซึ่งช่วยยกระดับการแสดงของหนังเรื่องนี้ได้มากโข โดยเฉพาะรายแรก ที่"ทุ่มสุดตัว" (อยากรู้ไปดูเอาเอง) ซึ่งทั้งสองคนทำได้อย่างน่าประทับใจมาก แต่สำหรับบทลีอาห์ที่แสดงโดย ราดาห์ มิชเชลนั้น รู้สึกว่าบทไม่ส่งเธอเท่าไหร่ เลยไม่สามารถให้การแสดงอะไรได้เต็มที่มากนัก (ที่จริงให้คนอื่นเล่นก็ได้นะบทแบบนี้ แอบเสียดายน้าราดาห์)
เรื่องการดำเนินเรื่องนั้นไม่มีอะไรแปลกใหม่มากนัก แต่ผู้กำกับอังตวนไม่ทิ้งลายเดิม สามารถกำกับเนื้อเรื่องแอ็คชั่นธรรมดาให้ออกมา ดุดันสมจริง ดิบ เรียล และแฝงอารมณ์ขันไว้ได้ในบางฉาก (ผมคิดว่าทุกคนต้องแอบชอบฉากลินคอห์นและฉากเกาหลีนั่งขำแน่ๆ) ซึ่งได้อารมณ์มันส์สะใจไม้แพ้เรื่องเก่าของเขาอย่าง Shooter การกำกับจังหวะเล่าเรื่องของหนังสามารถขับเคลื่อนหนังให้ไปข้างหน้าได้ตลอดแทบไม่มีให้พักหายใจ (Shooter ยังมีพักชิลล์ๆบ้าง) ซึ่งเป็นข้อดีที่ทำให้เรามันส์ไปกับหนังได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งทำให้ 120 นาทีของหนังที่ดำเนินไปนั้นไม่น่าเบื่อเลย เพราะปกติความยาวในระดับ 2 ชั่วโมงถือว่ายาวมากสำหรับหน้าหนังแอ็คแบบนี้
อังตวนสามารถทำให้เราเชื่อได้ว่าอาจมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้จริงๆ ด้วยการค้นข้อมูล ทำการบ้านอย่างหนักในทุกด้านของผู้กำกับ เช่นเรื่องของเวลาในการปฏิบัติการ หรือ Protocol ต่างๆ ที่อังตวนเองมีที่ปรึกษาเป็นอดีตเจ้าหน้าที่เช่น FBI CIA แม้กระทั่งอดีตหน่วยอารักขาประธานาธิบดีเองก็ตาม
ส่วนอื่นก็มีแค่เนื้อเรื่องที่ธรรมดาไม่ต้องคาดเดาอะไร และไม่มีอะไรแปลกใหม่เท่าไหร่
ส่วนเนื้อเรื่องก็คาดเดาได้ไม่อยาก การดำเนินเรื่องที่ไม่มีอะไรต้องคิด เป็นเส้นตรงไปเรื่อยๆ ซึ่งก็เป็นข้อดีถ้าอยากผ่อนคลายด้วยหนังแอ็คชั่นลุ้นๆ มันๆ
ดนตรีประกอบแอบมีกลิ่นคล้ายๆกับ Air Force One ของ Jerry Goldsmith ซึ่งไม่แน่ใจว่าจงใจหรือเปล่า
สรุปโดยรวม เป็นหนังแอ็คชั่นโปรอเมริกัน ที่อาจไม่มีอะไรแปลกใหม่หรือหวือหวา แต่เป็นแอ็คชั่นสไตล์อังตวน ฟูคัว ที่ดูได้อย่างสนุก มันส์ ซึ่งแต่ละฉากดูดิบ ดุดันและสมจริง นักแสดงทำหน้าที่ได้อย่างทุ่มเท แต่ละคนนี่เยินกันเป็นแถบ (ในเรื่อง) ถ้าช่วงนี้ยังไม่รู้จะดูอะไรหรือเบื่อๆก็แนะนำกันให้ไปดูเรื่องนี้กันนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ^^