รีวิว The Toxic Avenger (2025): ฮีโร่พันธุ์ท็อกซิก ฉบับอัปเกรดที่ทั้งโหด มันส์ ฮา และเปี่ยมด้วยหัวใจ

​การกลับมาอย่างสมศักดิ์ศรีของฮีโร่สายโหดขวัญใจคอหนังคัลท์ ที่ครั้งนี้พกพาความบ้าคลั่งมาเต็มพิกัด พร้อมด้วยโปรดักชันที่ยิ่งใหญ่และทีมนักแสดงระดับเอลิสต์ แต่ยังคงจิตวิญญาณความเกรียนแบบดั้งเดิมไว้อย่างครบถ้วน

​ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ลงจอเสียทีสำหรับ The Toxic Avenger (ฮีโร่พันธุ์ท็อกซิก) ฉบับรีบูตปี 2025 ที่หลายคนรอคอย การปลุกชีพตำนานฮีโร่ใต้ดินจากค่าย Troma ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้งภายใต้การกำกับของ เมคอน แบลร์ (Macon Blair) ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกว่าเป็นการคารวะต้นฉบับปี 1984 ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับอัปเกรดความโหด ดิบ เถื่อน และเสียดสีสังคมให้เข้ากับยุคสมัยได้อย่างลงตัว

​ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของ วินสตัน กูซ (Winston Gooze) ภารโรงหนุ่มผู้ต่ำต้อยและป่วยระยะสุดท้าย รับบทโดย ปีเตอร์ ดิงเคลจ (Peter Dinklage) ที่ชีวิตต้องพลิกผันเมื่อเขาตกลงไปในบ่อของเสียที่มีสารพิษปนเปื้อน ทำให้ร่างกายของเขากลายพันธุ์เป็นอสุรกายหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว แต่กลับได้มาซึ่งพละกำลังมหาศาล เขาจึงลุกขึ้นมาในนาม "ท็อกซี่" เพื่อต่อสู้กับองค์กรชั่วร้ายที่นำโดย บ็อบ การ์บิงเกอร์ (Bob Garbinger) นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล (รับบทโดย เควิน เบคอน) และน้องชายสุดจิตป่วน ฟริตซ์ การ์บิงเกอร์ (Fritz Garbinger) (รับบทโดย เอไลจาห์ วูด) ที่หวังจะฮุบเมืองไว้ในกำมือ

​สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของ The Toxic Avenger ฉบับนี้ คือการผสมผสานระหว่างความรุนแรงระดับเลือดสาด, มุกตลกร้ายกาจ และการวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างเจ็บแสบได้อย่างกลมกล่อม ผู้กำกับเมคอน แบลร์ ไม่ได้พยายามทำให้หนังดู "สะอาด" ขึ้นเพื่อเอาใจตลาดในวงกว้าง แต่ยังคงจัดเต็มฉากแอ็กชันดิบๆ ที่แฟนเดนตายของ Troma คุ้นเคย ทั้งการใช้ไม้ถูพื้นเป็นอาวุธคู่กายไล่ฟาดฟันเหล่าร้ายจนไส้ทะลัก หรือฉากการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือดและอวัยวะที่กระจัดกระจาย ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกนำเสนอผ่านงานเทคนิคพิเศษที่ดูดีกว่าต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังคงกลิ่นอายของงานทำมือ (Practical Effects) เอาไว้ได้อย่างน่าชื่นชม

​หัวใจสำคัญของเรื่องไม่ได้มีเพียงแค่ความรุนแรง แต่ยังมีการปูพื้นเรื่องราวของตัวละครวินสตันได้อย่างมีมิติ เราได้เห็นถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวังของเขาในฐานะพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดิ้นรนหาเงินมารักษาตัวเองและดูแลลูกชาย การแสดงอันยอดเยี่ยมของปีเตอร์ ดิงเคลจ ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงและเอาใจช่วยตัวละครนี้ได้ แม้ว่าเขาจะอยู่ในร่างของอสุรกายที่น่าสะพรึงกลัวก็ตาม การมีนักแสดงมากฝีมืออย่างเขามานำทัพ ถือเป็นการยกระดับภาพยนตร์ขึ้นไปอีกขั้น

​ในขณะที่เควิน เบคอน และ เอไลจาห์ วูด ก็สวมบทบาทตัวร้ายได้อย่างน่าหมั่นไส้และน่าจดจำ โดยเฉพาะเอไลจาห์ วูด ที่พลิกบทบาทมารับบทเป็นตัวละครสุดเพี้ยนได้อย่างถึงแก่น สร้างสีสันและเสียงหัวเราะได้ทุกครั้งที่ปรากฏตัว

​แม้ว่าภาพยนตร์จะยังคงดำเนินเรื่องตามสูตรสำเร็จของหนังฮีโร่ทั่วไป แต่ด้วยสไตล์การเล่าเรื่องที่บ้าบิ่นและไม่เกรงใจใคร ทำให้ The Toxic Avenger มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่กระแสหลักอย่างสิ้นเชิง มันคือการต่อต้านความสมบูรณ์แบบของฮีโร่ในอุดมคติ และหันมาเชิดชูความไม่สมประกอบของคนชายขอบที่ลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในแบบของตัวเอง

​The Toxic Avenger (2025) คือการรีบูตที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เป็นภาพยนตร์ที่ทั้งตลกขบขัน, โหดเหี้ยม, และมีหัวใจอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นจดหมายรักถึงแฟนหนังคัลท์ยุค 80s ขณะเดียวกันก็สามารถดึงดูดผู้ชมหน้าใหม่ที่เบื่อหน่ายกับความจำเจของหนังซูเปอร์ฮีโร่ในปัจจุบันได้อย่างแน่นอน

​คะแนน: 8.5/10
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่