คุณพ่อเป็นโรคสมองฝ่อหมอบอกขั้นรุนแรง ขอคำแนะนำค่ะ

สวัสดีค่ะ  อยากจะขอคำแนะนำจากคุณหมอหรือจากคนที่มีญาติเป็นโรคนี้ค่ะ

ขอเล่าอาการนะคะ  อาจจะยาวหน่อยค่ะ

พ่ออายุ  76  ปี แม่อายุ 66ปี  
พ่อเป็นความดันสูง กับโคเรสเตอรอลค่ะ
พ่อเราเป็นคนจีนค่ะ แต่เกิดที่ไทย  เป็นรุ่นที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ โมโหร้ายไม่ฟังเสียงใคร อาจมีลงไม้ลงมือและแม่จะโดนตลอด แต่ก็นานๆครั้ง เป็นคนพูดจาเสียงดัง และความจำดีเป็นเลิศ แต่เป็นพ่อที่รักลูกๆมาก  เข้มงวด โดยรวมถือว่าอบอุ่นนะคะ

เหตุการณ์ครั้งแรกเกิดประมาณ 8 เดือนก่อนค่ะ  พ่อโวยวายและจะเข้าไปทำร้ายแม่  คิดเอาเองว่าที่แม่เคยไปทำแท้งเพราะโดนข่มขืนค่ะ
(แม่เราทำแท้งจริง แต่เพราะมีลูก 4 คนแล้ว)  เราอยู่บ้านก็เข้าไปห้ามค่ะ และตกใจว่า ทำไมคิดอะไรแบบนี้ทั้งๆที่เรื่องผ่านมาหลายสิบปีแล้ว
แม่เรายิ่งงงหนัก  เพราะพ่อก็รู้ว่าทำแท้งเพราะอะไร  พอเรามาห้าม ตอนนั้นเราโกรธมาก  เถียงกันรุนแรงสักพัก  พ่อเราก็ไปนั่งดูทีวีต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


ผ่านมาประมาณ 2 เดือนก็เริ่มอีกค่ะ  เข้ามาถามกับแม่เราว่า เงินที่บ้านหายไป 5000  แม่เราเอาไปใช่มั้ยเอาไปไหน  เอาไปซื้อมอไซค์ให้ใคร  
พ่อเราคิดเองทั้งหมดนะ ไม่รู้ว่าเอาอะไรมาประกอบการคิด เรากะแม่ฟังก็ถึงกับพูดไม่ออก แต่บ้านเราไม่เดือดร้อนเรื่องเงินค่ะ  แล้วที่เงินหายเพราะพ่อนับผิดร้อยเปอร์เซ็นต์  
เถียงกันทะเลาะกันพักนึงก็ไปนั่งดูหนัง หัวเราะกับละครอีกแล้ว  เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นทั้งนั้น  
ปล่อยให้เราและแม่นั่งเครียดกันอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านชั้นเนี่ย


ครั้งที่ 3  ประมาณเดือนครึ่ง  อันนี้เกิดตอนดึกค่ะ  อยู่ๆเรากับน้องก็ได้ยินแม่ร้องเสียงหลง โวยวาย  วิ่งลงไปดูแทบช๊อค  เห็นพ่อนั่งคร่อมแม่กำลังพยายามตบหน้า
แต่แม่เราสู้ เอามือพยายามขวางค่ะ  แต่ก็ตบโดนนะเพราะแม่เราหลับในตอนแรก   เรากับน้องลงมาเห็นก็พยายามแยกค่ะ  พักนึงทีเดียว  พ่อก็พูดเรื่องเดิม แถมยังเพิ่มเรื่องบอกว่า  แม่เราเป็นชู้กับคนบ้านตรงข้าม (บ้านตรงข้ามเป็นบริษัทค่ะ)  เราก็พยายามคุยกับพ่อค่ะว่าทำแบบนี้ทำไม  พ่อเราไม่ฟังเสียงเราเลย
โวยวายแต่ว่าม่เราผิด ไม่น่าให้อภัยที่ตบก็เพื่อสั่งสอนนะ  ไม่ได้ลงแรงอะไรเลย  แต่หน้าแม่เราแดงค่ะ   แล้วพ่อเราก็ไปนอนบนเตียงไม่สนที่เรากำลังพูด ไล่ให้เราไปนอน   เราต้องพาแม่มานอนห้องเราแทน  แยกกันนอนได้ประมาณ5วันพ่อก็ถามแม่ว่าไม่มานอนห้องเดียวกันแล้วเหรอ  แม่ก็ย้ายกลับไปค่ะ


เหตุการณ์ล่าสุดเมื่อสามวันก่อน  เราไปทำธุระนอกบ้าน แม่โทรตามบอกว่าพ่อเราเอาอีกแล้ว  อยู่ๆก็เข้ามาถามว่า  ที่แม่เอาเงินไปน่ะไปซื้อมอไซค์สีอะไร
พอเรากลับมาถึงบ้าน    พ่อก็ออกไปหาบ้นตรงข้ามเข้าไปถามเค้าว่าใครเป็นชู้กับแม่เรา  ด้วยความโมโหแล้วก็อายมาก เราเลยท้าพ่อ พาแม่ไปตรวจที่โรงพยาบาลค่ะ
โรงพยาบาลอยู่ใกล้บ้านค่ะ  ตอนขับรถไปก็เถียงกันค่ะ  พ่อพูดว่าถึงพาแม่ไปตรวจก็ไม่รู้หรอก(เราคิดว่าพาไปตรวจให้จบเรื่อง ให้พ่อฟังจากปากหมอพ่ คงจะเชื่อ  จนถึงตอนนี้เราคิดแล้วล่ะว่าพ่อต้องมีอาการทางจิตแน่นอน เพราะเราโทรปรึกษากับพี่ชายตลอด และพขายามพูดเพื่อให้พ่อยอมไปหาหมอ เพื่อดูอาการ  แต่พ่อเราไม่ยอม  บอกแต่ว่าเค้าไม่เป็นอะไรที่เผ็นคือแม่เราต่างหากที่สกปรก  เราสุกจะอดทนอดกลั้นก็กรี๊ดแล้วก็ร้องไห้ในรถ  ถามว่าพ่อจะเอายังไง
เราก็เลยบอกให้พ่อขึ้นไปหาหมอพอดีว่าเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอ และวันที่เราไปไม่มีจิตแพทย์อยู่  พ่อเราเลยได้แต่ยาแก้เครียดมา  


วันรุ่งขึ้นก็ถามแม่เรื่องเดิมอีก แต่พูดเบาลงบอกแม่เราว่า ทำอะไรไว้ให้ยอมรับความจริงเถอะ พ่อบอกว่าพ่อคิดแต่เรื่องนี้ตลอดเวลา จนตอนนี้พ่อเราหน้าดำคล้ำผอมแห้ง กินข้าวไม่ลง  แถมยังไปซื้อยาสมุนไพรกวาวเครือแดงกับยากระชายมากินอีก


และวันนี้  แม่  เรา  พี่ชายและน้อง  หลอกพาพ่อไปสถาบันจิตเวช สมเด็จเจ้าพระยาค่ะ  เราก็บอกพ่อเราว่าพามาตรวจเพราะว่าแก่แล้วกลัวเป็นโรคความจำเสื่อม
ตอนแรกพ่อก็โวยวายค่ะ  แต่ก็ยอมตรวจ  



คุณหมอบอกว่าพ่อเราอาจเป็นโรคสมองฝ่อขั้นรุนแรงค่ะ  และขาดสติด้วย แต่ก็คุยได้ไม่นานค่ะ เพราะคุณหมอต้องรีบไปประชุมต่อเดี๋ยวจะตกเครื่อง


พ่อเราได้ยาแก้อาการโกรธ  เพราะต้องตรวจให้ละเอียดอีกที   คุณหมอบอกว่าพ่อเรายอมกินยาและยอมมาตรวจอีกตามหมอนัดแต่เรามาคุยกับพ่อในรถ
พ่อเราจะไม่กินยาและไม่ยอมมาหาหมออีก   เราพี่น้องพูดจนร้องให้กันทุกคนพ่อเรายังไม่ยอมเชื่อ  แกบอกแต่ว่าเป็นเพราะแม่เราแหละที่ทำให้แกเครียด  
แถมบอกว่าจะหย่าแล้วก็ขายบ้านแบ่งเงินกัน แล้วแกจะไปอยู่คนเดียวจะได้ไม่ต้องมาเห็นแม่เรา  ถ้าใครเอาเค้าไปไว้บ้านคนชราแกจะแช่งให้หนักเลย  เราพี่น้องร้องให้จนไม่รู้จะร้องยังไง  


ตอนนี้ตันมากพ่อป่วยแต่ไม่ยอมรับว่าป่วย  หาหมอก็ไม่ยอมหา  พี่น้องก็พูดไม่ได้  ตอนนี้พ่อเรามองอะไรก็เป็นแง่ลบตลอด  และพ่อไม่ยอมพูดกับเราแล้ว เพราะหาว่าเราอยู่ข่างแม่เราที่ไม่ยอมเชื่อที่พ่อเราพูด


เรากลับมาหาข้อมูลว่าโรคสมองฝ่อเป็นยังไงในกูเกิ้ลก็ไม่ค่อยมค่ะ  มีก็แต่บทความซ้ำ ๆ กัน  


เราขอปรึกษาค่ะว่าควรทำอย่างไรดี  ตอนนี้อยู่บ้านก็มีแตาความระแวงต้องคอยฟังว่าพ่อจะเสียงดังอีกเมื่อไหร่  
เกิดไม่เคยเครียดอะไรเลย  ครั้งนี้หนักสุดในชีวิตแล้ว สงสารแม่ด้วย


ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่