คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ก่อนอื่นก็ต้องขออนุโมทนาบุญด้วย ถึงแม้จะทำได้ไม่หมดอย่างที่ตั้งใจแต่ก็ถือว่าได้ทำ
ผมมีคำถามครับว่า เทศกิจยึดไปนี่แล้วเค้าบอกหรือเปล่าว่าให้เราทำอะไรต่อ เช่นไปจ่ายค่าปรับถึงจะคืนให้อะไรทำนองนี้
(ถ้าบอกแบบนี้ก็ไม่ต้องไปเอาคืนหรอกครับ)
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องความคิดนะครับ
ถ้าเทศกิจยึดไปเฉยๆ โดยไม่ได้เรียกร้องค่าปรับอะไร
ผมว่ามันต่างจากความตั้งใจของเรานิดเดียวเอง ตรงที่เราก็ไม่ได้เสียอะไรไปมากกว่าค่าหนังสือที่เราจัดทำ
เพราะสุดท้ายถ้าเราแจกหมด หรือโดนเทศกิจยึดหมด เราก็ไม่ได้เสียเงิน หรือได้เงินเพิ่มอะไรเลย
เพียงแค่เปลี่ยนมือผู้รับเท่านั้นเอง
ลองคิดว่าบางทีมันอาจตกไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่เทศกิจคนอื่นที่เค้าสนใจแต่ไม่มีโอกาสจะมารับจากเราก็เป็นได้
แจกหนังสือ 100 เล่ม ถ้ามีคนอ่านแล้วตาสว่างเพียง 1 คนผมว่าก็ OK แล้วล่ะ
โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ ขึ้นอยู่ว่า ธรรมจัดสรร หรือกรรมจัดสรรเท่านั้นเอง
บางที 1 คนที่ตาสว่างนั้นอาจเป็นเทศกิจคนอื่น ที่รับของต่อจากนายคนนี้ก็ได้
ผมมีคำถามครับว่า เทศกิจยึดไปนี่แล้วเค้าบอกหรือเปล่าว่าให้เราทำอะไรต่อ เช่นไปจ่ายค่าปรับถึงจะคืนให้อะไรทำนองนี้
(ถ้าบอกแบบนี้ก็ไม่ต้องไปเอาคืนหรอกครับ)
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องความคิดนะครับ
ถ้าเทศกิจยึดไปเฉยๆ โดยไม่ได้เรียกร้องค่าปรับอะไร
ผมว่ามันต่างจากความตั้งใจของเรานิดเดียวเอง ตรงที่เราก็ไม่ได้เสียอะไรไปมากกว่าค่าหนังสือที่เราจัดทำ
เพราะสุดท้ายถ้าเราแจกหมด หรือโดนเทศกิจยึดหมด เราก็ไม่ได้เสียเงิน หรือได้เงินเพิ่มอะไรเลย
เพียงแค่เปลี่ยนมือผู้รับเท่านั้นเอง
ลองคิดว่าบางทีมันอาจตกไปอยู่ในมือเจ้าหน้าที่เทศกิจคนอื่นที่เค้าสนใจแต่ไม่มีโอกาสจะมารับจากเราก็เป็นได้
แจกหนังสือ 100 เล่ม ถ้ามีคนอ่านแล้วตาสว่างเพียง 1 คนผมว่าก็ OK แล้วล่ะ
โลกนี้ไม่มีความบังเอิญ ขึ้นอยู่ว่า ธรรมจัดสรร หรือกรรมจัดสรรเท่านั้นเอง
บางที 1 คนที่ตาสว่างนั้นอาจเป็นเทศกิจคนอื่น ที่รับของต่อจากนายคนนี้ก็ได้
แสดงความคิดเห็น
ประสบการณ์การทำความดี ที่ถูกเทศกิจยึดไป TT ใครพอทราบบ้างว่าเค้าทำถูกต้องแล้วหรือไม่
เรื่องมีอยู่ว่า เรากับเพื่อนๆกลุ่มหนึ่งได้มีความตั้งใจจัดทำหนังสือธรรมมะเพื่อแจกจ่ายให้คนทั่วไป (ขอเน้นว่า “แจกฟรี” ไม่ได้เรียกร้องเงิน หรือสิ่งใดๆ) ซึ่งในหนังสือมีเนื้อหาที่เตือนให้บุคคลที่ทอดทิ้งบ้านเกิดเมืองนอน ทอดทิ้งบุพการี มาใช้ชีวิตทำงาน หรือเล่าเรียนอยู่ในมหานครกรุงเทพแห่งนี้ ได้ฉุกคิดสักนิด และหันกลับไปให้ความสำคัญกับครอบครัวที่จากมากันบ้าง ดังนั้นจึงได้พยายามคิดกันว่า หนังสือธรรมมะที่จัดทำนี้ เราควรจะไปแจกที่ไหนกันดี เพื่อให้คนรับตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่เราคิดกันเอาไว้ ซึ่งก็ได้ข้อสรุปว่า จะลองนำไปแจกจ่ายที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้า เพราะมีทั้งคนทำงาน และนักศึกษา ผ่านไปมามากมาย ซึ่งเพื่อนของดิฉันก็ได้ลองนำหนังสือส่วนหนึ่งไปแจกที่สถานีรถไฟฟ้าใกล้กับสวนจตุจักรเพราะเป็นสถานีที่จะต้องใช้บริการในการเดินทางไปทำงานทุกวัน
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ เพราะเมื่อนำหนังสือไปแจก ก็มีเทศกิจคนหนึ่ง เข้ามาบอก ว่าเราไม่สามรถแจกหรือทำอะไรทำนองนี้ ที่บริเวณนี้ได้ นอกจากนั้น เค้ายังต้อง “ยึด” หนังสือทั้งหมดด้วย เพื่อนของดิฉันก็พยายามจะอธิบายให้เข้าใจตรงกัน ว่าสิ่งที่ทำนี้ ทำไปโดยไม่ได้เรียกร้องเงินหรือสิ่งใดๆจากคนที่ได้รับหนังสือ เพียงแค่เป็นความหวังดีเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น แต่เทศกิจคนนั้น ก็ยังพยายามจะขู่ว่า เค้าคุ้นหน้าเพื่อนของดิฉันมาก ทั้งยังกล่าวหาว่า เพื่อนของดิฉันเป็นนายหน้าที่เคยมาติดต่อกับเทศกิจก่อนหน้านี้แน่ๆ (ไม่รู้ว่าติดต่อเรื่องอะไร) ทั้งๆที่เพื่อนของดิฉัน ไม่เคยพบเจอกับเทศกิจมาก่อน สุดท้ายแล้ว หนังสือธรรมมะจำนวนนั้นก็ถูกเทศกิจนายนั้นยึดไป
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ดิฉันอยากจะแชร์ประสบการณ์นี้ให้เพื่อนๆได้ฟัง ก็เพื่ออยากจะบอกว่า การคิดทำดีนั้นถึงแม้จะมีอุปสรรคมาขวาง แต่ถ้าหากเราตั้งใจที่จะทำแล้ว ก็อยากให้พยายามทำต่อไปให้ถึงที่สุด ซึ่งเพื่อนๆและดิฉัน ก็ยังคงจะนำหนังสือส่วนที่เหลือไปแจกยังสถานที่ต่างๆ อาจจะเป็นการแจกต่อๆกันไปในสถานที่ทำงานของตัวเอง ซึ่งก็คงต้องศึกษาให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก
และอยากจะรบกวนสอบถามผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า เทศกิจนายนั้น ทำถูกแล้วหรือไม่ เพราะเท่าที่สังเกต ที่บริเวณนั้นก็มีทั้ง ร้านค้า ขอทาน และกลุ่มคนที่มาขอเรี่ยไรเงิน ให้เห็นกันจนชินตา (เสมือนว่าต้องผ่านด่าน 18 อรหันต์ก่อน ถึงจะได้ไปขึ้นรถไฟฟ้า
สุดท้ายนี้ก็ขอให้คนที่คิดทำความดีทุกๆคน ตั้งใจทำความดีกันต่อไป