ไม่น่าตั้งชื่อว่า " พรรคประซาธิปัตย์ "

คำว่า " ประชาธิปัตย์ "          มาจาก   " ประซาธิปไตย "   
ความหมาย คือ  ระบอบการปกครองที่ถือ มติปวงชนเป็นใหญ่ , การถือเสียงข้างมากเป็นใหญ่ .

การเป็นรัฐบาลของพรรคการเมืองพรรคนี้ ได้เป็นเพราะเสียงของคนส่วนน้อยเลือกมา   แต่เสียงของคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วย
นี้คือตัวการของปัญหาที่เกิดขึ้นจนลุกลามบานปลายทำให้เกิดความแตกแยกกันทั่วทุกหัวระแหงบนผืนแผ่นดินไทย
เพราะพรรคการเมืองที่คนส่วนน้อยเลือกมาแล้วมีพลังพิเศษ  ผลักดันให้ได้อำนาจปกครองคนส่วนใหญ่ที่เขาไม่ได้เลือกมา

อย่าว่าแต่ชื่อพรรคจะผิดเพี้ยนเลยครับ  จิตสำนึกของคนในพรรคนี้ก็ผิดฝั่ง ผิดฝาอีกด้วย
เพราะคนในพรรคนี้ไม่แสดงตัวตนว่าฝักใฝ่ในการปกครองในระบอบประชาธิปไตยออกมาให้เห็นเลย
ตรงกันข้ามกลับแสดงต้วตนว่าเป็นพรรคการเมืองที่ยืนอยู่เคียงข้างระบอบเผด็จการ และเอื้อประโยชน์กับอำนาจเผด็จการ  ผสมกลมกลืนกันจนเป็นเนืื้อเดียว กัน ก็ว่าได้

ยิ่งการกระทำเมื่อย้อนไปแค่สิบกว่าปีให้หลัง ตลอดมาถึงปัจจุบันนี้  ก็ยิ่งแสดงธาตุแท้ของพรรคการเมืองที่เข้าข่ายพรรคการเมืองที่เป็นปฎิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ยกตัวอย่าง

          เมื่อปี 2540    ไปแย่งลูกพรรคประชากรไทย เพื่อมาเพิ่มคะแนนเสียงให้เป็นเสียงข้างมากในการแย่งจัดตั้งรัฐบาล   ซึ่งการกระทำแบบนี้เท่ากับการทำลายระบบพรรคการเมืองให้ล่มสลายแตกแยก  และเป็นการไม่เคารพต่อมติของประชาชนที่เลือก ส.ส. เข้ามาในสภา

          เมื่อปี 2549     ไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งใหญ่ทั่วทั้งประเทศ  เพราะเล็งเห็นผลแล้วว่าถึงส่งลงไปก็พ่ายแพ้หมดรูป ไม่มีโอกาสกลับคืนมาจัดตั้งรัฐบาลได้  แถมยังต้องเสียเงินส่งผู้สมัคร เสียเงินหาเสียงแบบสูญเปล่า   หาทางออกง่ายๆด้วยการบอยคอตการเลือกตั้ง  จนทำให้เกิดวิกฤติการทางการเมืองและสร้างรอยร้าวความแตกแยกในสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบันนี้

          เมื่อปี 2551    นับจากการรัฐประหาร ล้มอำนาจรัฐบาลเมื่อปี 2549  พรรคประซาธิปัตย์ไม่เคยที่จะแสดงออกถึงการต่อต้านการใช้อำนาจนอกระบบหรือใช้กำลังทหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ผิดวิสัยพรรคการเมืองที่อยู่ในประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย   แต่ตรงกันข้าม พรคประซาธิปัตย์ กลับร่วมรู้เห็นเป็นใจในการกระทำที่ขัด และเป็นปฎิปักษ์อย่างร้ายแรงกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทย  เพียงเพราะว่าการใช้กำลังทหารเพื่อล้มล้างรัฐบาลของพรรคอื่น แล้วพรรคประซาธิปัตย์จะได้ประโยชน์จากการใช้อำนาจเถื่อนนั้น ผ่องถ่ายอำนาจมาให้พรรคประซาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล

          หลังการเลือกตั้งเมื่อปลายปี  2550  พรรคประซาธิปัตยื ก็ยังพ่ายแพ้การเลือกตั้งอีกเช่นเดิม ทั้งที่มีการใช้ทั้งอำนาจรัฐและการใช้กฏหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประซาธิปัตย์ ทุกรูปแบบ  อาศัยกลโกง  เอารัดเอาเปรียบ กลั่นแกล้งคู่แข่งสาระพัดที่จะงัดออกมาได้
หลังแพ้เลือกตั้ง  ก็ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ หาทางเจาะยางขัดแข้งขัดขารัฐบาลตลอด สนับสนุนและอยู่เบื้องหลังการขนมวลชนมาล้มรัฐบาล
ก่อการจารจล  สนับสนุนการยึดทำเนียบรัฐบาล  สนับสนุนการยึดสนามบินในหลายจังหวัดทางภาคใต้   ขนคนเข้าไปยึดสนามบินดอนเมือง และยึดสนามบินสวรรณภูมิ  สอดประสานกับองค์กรอิสระหาทางโต่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนทั้งประเทศ

          และแล้วหนังม้วนเก่าเมื่อปี 2540  ก็นำกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชน  คราวนี้พรรคประซาธิปัตย์มีตัวช่วยที่เป็นพลังอำนาจพิเศษ และการอาศัยอำนาจทางทหารกดดันและแย่งชิงลูกพรรคการเมืองคู่แข่งให้มายกมือสนับสนุนให้พรรคประซาธิปัตย์ได้จัดตั้งรัฐบาลที่มาจากเสียงส่วนน้อยของประชาชนอีกครั้ง

          เมื่อ ปี 2553 ผลพวงของการได้จัดตั้งรัฐบาลและการได้อำนาจที่ไม่มีความชอบธรรม   จึงเกิดการเดินขบวนให้รัฐบาลคืนอำนาจให้ประชาชนด้วยการยุบสภา  และแล้วรัฐบาลพรรคประซาธิปัตย์ก็ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา  นั้นก็คือการใช้อำนาจเผด็จการแบบเบล็ดเสร็จ
ยกกำลังทหารออกมาล้อมปราบ ล้อมฆ่าประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล จนมีประชาชนผู้บริสุทธิ์บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก

          นี่คือตัวตน และธาตุแท้ของพรรคประซาธิปัตย์ ที่เห็นประชาชนแค่ผักปลา  ใช้อำนาจกดหัวข่มขู่ เข่นฆ่า  หากไม่เชื่อฟัง
การเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง  ยึดผลประโยชน์ของกลุ่มนายทุน ศักดินา เป็นหลักใหญ่   จึงไม่มีทางชนะใจคนไทยเสียงส่วนใหญ่ทั้งประเทศได้    หากจะมีก็เพียงพวกที่โดนหลอก โดนกรอกข้อมูลผิดๆ  เหมือนกบอยู่ในกะลาเท่านั้นที่ยังลุ่มหลงพรรคการเมืองพรรคนี้อยู่   เพราะคนพรรคนี้ถนัดที่จะปั้นน้ำ เก่งที่จะสรรหาวาทะกรรมสวยหรูมาเป่าหูสาวกให้งมงาย  

            พรรคที่เก่งสาดโคลน ใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งทางการเมือง     " เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น "  คือสโลแกนประทับตราของพรรคประซาธิปัตย์ ได้ดีที่สุด   
นับย้อนเมื่อกว่าเจ็ดสิบปีที่ให้คนไปตะโกนในโรงหนังใส่ร้ายท่านปรีดี
ใส่ร้ายทักษิณว่า โกงทั้งโคตร   ใส่ร้ายคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยว่า  เผาบ้าน เผาเมือง  ตลอดจนยัดเยียดข้อหาล้มเจ้า ไม่จงรักภักดี
สถาปนาตัวเองว่าข้าคือคนดี  ใครไม่ใช่พวกข้าคือคนเลว  

        สุดท้ายต้องขอยกวาทะกรรมของอับราฮัม ลินคอล์น
         คุณอาจจะหลอกคนทุกคนได้ในบางเวลา
        คุณอาจจะหลอกคนบางคนได้ตลอดเวลา
        แต่คุณไม่สามารถหลอกคนทุกคนได้ตลอดเวลาหรอก      ( นะพรรคประซาธิปัตย์ )

          
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่