สามวันก่อนอากาศอุ่นมาก แต่วันนี้หิมะตก แต่ก็ต้องปั่นจักรยานออกไปส่งคุณหลาน ไม่ไกลมากหรอกคะ
ประมาณ 3-4กม. ขึ้นเนินลงเนิน ขึ้นเนินลงเนิน ขึ้นเนินลงเนิน...แค่นั้นเอง (เหงื่อออกเลยคะ) - -"
พ่อกับแม่หลานเค้าปั่นไปทำงานกันแล้ว เราก็ต้องปั่นฝ่าลม ฝ่าหิมะออกไปเช่นกัน
จักรยานประจำตัว.....
ผู้โดยสารก็ใจสู้มาก ป้าไปส่งผมก็ไปได้คับ บ้านนี้เค้าปั่นจักรยานกันคะ ไม่ได้ปั่นเพื่อความบันเทิง แต่เพื่อประหยัดพลังงานและออกกำลังกาย ตอนแรกก็แหมทำไมไม่สงสารเด็ก พอออกบ้านไป ใครๆก็ปั่นกันปกติ เด็กนั่งรถเข็นก็มี ไม่ได้กลัวหิมะกันเลย เรานี่โลกแคบจริงๆอะไรจะสปอยความคิดเราได้ขนาดนี้ เคยโดนสั่งให้ปั่นซ้อมขึ้นดอยกลางแดด ช่วงบ่ายแก่ๆเดือนเมษา ก็โกรธคนพิเศษว่าใจร้าย พาเราตาก แดด ตาก ลม ไม่ห่วงเรา อยากบอกให้เค้ารู้ว่า ขอบคุณมากที่ฝึกให้ฉันอดทน มาที่นี่ถึงอยู่รอดได้ คนอื่นอาจจะเก่ง แต่ข้าพเจ้าคือคนที่ไร้สาระได้ตลอด
นึกว่าเราบ้าพลังส่งหลานท่ามกลางฝนน้ำแข็ง ใครๆก็ปั่นกันตามปกติแหะ
คงจะไม่ได้มาที่ประเทศนี้กันบ่อยๆ ทนหนาวถ่ายรูปกลางฝนน้ำแข็งกันหน่อย แล้วปัญหาเดิมก็คืบคลานมา...แบตมือถือก็เริ่มลดลง จะถ่ายรูปต้องถอดถุงมือเพื่อปลดล๊อคหน้าจอ เผลือๆต้องกดโน่นๆนี่ๆ นี่แหละคะข้อเสียของจอสัมผัส ใครอยู่เมืองร้อนคงคิดไม่ถึง แต่พอมาเมืองหนาว....ก็อาจจะหนาวมือบ้าง พอดีเราก็เหนื่อยจากการปั่นมาบ้างแล้ว ก็พอจะทนได้ในระดับนึงขณะถ่ายรูป คนพิเศษเคยบอกเสมอว่า คนที่ปั่นจักรยานทุกวัน ปั่นสักห้านาทีก็จะเริ่มอุ่นในตัวเองอยู่แล้ว มันก็จริงคะ แถมเสื้อที่ใส่ถึง3-4ชั้นก็เหมือนจะทำให้เหงื่อซึมเลย
เสื้อที่ใช้ก็มี เสื้อยืด เสื้ออุ่นเหมือนผ้าไมโคร เนื้อหนาเบา เสื้อกันหนาวชั้นที่1กันลมที่10องศา และกันน้ำ เสื้อกันหนาวชั้นที่2 หนามาก กันน้ำได้ กันหนาวที่5องศา และเสื้อกันฝนบางมาก เหมือนแผ่นพลาสติก เอาไว้คลุมทุกอย่าง รวมถึงกระเป๋าเป้ ผ้าพันคอ หมวกอุ่น ถุงมือ กางเกงยีนแบบสกินนี่ ยืดได้ แลคกิ้งบางๆหนึ่งชั้น ถุงเท้าบางๆและผ้าใบทั่วไป...ก็พอไหวคะ ทั้งหมดก็ยังปั่นจักรยานได้ตามปกติ ไม่หนาวมากด้วยคะ (เรียกว่าเยอะไปด้วยซ้ำเพราะคนทั่วไปเสื้อกันหนาวตัวเดียวกับผ้าพันคอเองคะ ฮ่าๆๆ)

ลากันไปในค่ำคืนนี้ แล้วจะมากวนใจใหม่คะ =^^=
ใครเคยปั่นจักรยานฝ่าหิมะบ้างคะ
ประมาณ 3-4กม. ขึ้นเนินลงเนิน ขึ้นเนินลงเนิน ขึ้นเนินลงเนิน...แค่นั้นเอง (เหงื่อออกเลยคะ) - -"
พ่อกับแม่หลานเค้าปั่นไปทำงานกันแล้ว เราก็ต้องปั่นฝ่าลม ฝ่าหิมะออกไปเช่นกัน
จักรยานประจำตัว.....
ผู้โดยสารก็ใจสู้มาก ป้าไปส่งผมก็ไปได้คับ บ้านนี้เค้าปั่นจักรยานกันคะ ไม่ได้ปั่นเพื่อความบันเทิง แต่เพื่อประหยัดพลังงานและออกกำลังกาย ตอนแรกก็แหมทำไมไม่สงสารเด็ก พอออกบ้านไป ใครๆก็ปั่นกันปกติ เด็กนั่งรถเข็นก็มี ไม่ได้กลัวหิมะกันเลย เรานี่โลกแคบจริงๆอะไรจะสปอยความคิดเราได้ขนาดนี้ เคยโดนสั่งให้ปั่นซ้อมขึ้นดอยกลางแดด ช่วงบ่ายแก่ๆเดือนเมษา ก็โกรธคนพิเศษว่าใจร้าย พาเราตาก แดด ตาก ลม ไม่ห่วงเรา อยากบอกให้เค้ารู้ว่า ขอบคุณมากที่ฝึกให้ฉันอดทน มาที่นี่ถึงอยู่รอดได้ คนอื่นอาจจะเก่ง แต่ข้าพเจ้าคือคนที่ไร้สาระได้ตลอด
นึกว่าเราบ้าพลังส่งหลานท่ามกลางฝนน้ำแข็ง ใครๆก็ปั่นกันตามปกติแหะ
คงจะไม่ได้มาที่ประเทศนี้กันบ่อยๆ ทนหนาวถ่ายรูปกลางฝนน้ำแข็งกันหน่อย แล้วปัญหาเดิมก็คืบคลานมา...แบตมือถือก็เริ่มลดลง จะถ่ายรูปต้องถอดถุงมือเพื่อปลดล๊อคหน้าจอ เผลือๆต้องกดโน่นๆนี่ๆ นี่แหละคะข้อเสียของจอสัมผัส ใครอยู่เมืองร้อนคงคิดไม่ถึง แต่พอมาเมืองหนาว....ก็อาจจะหนาวมือบ้าง พอดีเราก็เหนื่อยจากการปั่นมาบ้างแล้ว ก็พอจะทนได้ในระดับนึงขณะถ่ายรูป คนพิเศษเคยบอกเสมอว่า คนที่ปั่นจักรยานทุกวัน ปั่นสักห้านาทีก็จะเริ่มอุ่นในตัวเองอยู่แล้ว มันก็จริงคะ แถมเสื้อที่ใส่ถึง3-4ชั้นก็เหมือนจะทำให้เหงื่อซึมเลย
เสื้อที่ใช้ก็มี เสื้อยืด เสื้ออุ่นเหมือนผ้าไมโคร เนื้อหนาเบา เสื้อกันหนาวชั้นที่1กันลมที่10องศา และกันน้ำ เสื้อกันหนาวชั้นที่2 หนามาก กันน้ำได้ กันหนาวที่5องศา และเสื้อกันฝนบางมาก เหมือนแผ่นพลาสติก เอาไว้คลุมทุกอย่าง รวมถึงกระเป๋าเป้ ผ้าพันคอ หมวกอุ่น ถุงมือ กางเกงยีนแบบสกินนี่ ยืดได้ แลคกิ้งบางๆหนึ่งชั้น ถุงเท้าบางๆและผ้าใบทั่วไป...ก็พอไหวคะ ทั้งหมดก็ยังปั่นจักรยานได้ตามปกติ ไม่หนาวมากด้วยคะ (เรียกว่าเยอะไปด้วยซ้ำเพราะคนทั่วไปเสื้อกันหนาวตัวเดียวกับผ้าพันคอเองคะ ฮ่าๆๆ)
ลากันไปในค่ำคืนนี้ แล้วจะมากวนใจใหม่คะ =^^=